ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 26, ทางของเราต้องก้าวเอง

จุดหมายเดียวกัน แต่กลับมีหลายเส้นทางให้เดินไป ถ้าเปรียบกับการเดินทาง ถ้าจุดหมายปลายทางคือเชียงใหม่ ก็มีหลายทางที่เราจะไปถึงได้ ตั้งแต่นั่งเครื่อง หรือขับรถ ถ้าสมัยก่อนอาจจะมีเดินเรือย้อนขึ้นไป แถมถ้าขับรถไปเส้นทางถนนที่จะพาเราไปถึงเชียงใหม่นั้นก็ไม่ได้มีแค่เส้นเดียว ตั้งแต่ถนนสายหลักตรงผ่านพิษณุโลก หรือจะไปทางจังหวัดตาก ยังไม่นับทางเล็กทางน้อยที่จะพาเราไปถึงเชียงใหม่ปลายทางของเราได้เหมือนกัน ชีวิตก็เหมือนกัน จุดหมายปลายทางเดียวกัน แต่กลับมีเส้นทางมากมายให้เราเลือกเดิน บางคนจุดหมายปลายทางคือความร่ำรวย ก็มีตั้งแต่เป็นผู้บริหารเงินเดือนหลายแสน หรือจะเป็นเจ้าของธุรกิจเงินหมุนเวียนหลายล้าน หรือบางคนจะเลือกทางลัดเล็กๆอย่างเล่นหวย หรือบางคนอาจจะเลือกทางลัดที่เสี่ยงหนักๆขายยาผิดกฏหมาย แต่ทุกทางนั้นล้วนมาจากการ “เลือก” ของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ก็เพราะชีวิตก็คือการเลือก แม้กระทั่งไม่เลือกก็ยังนับว่าเป็นการเลือกที่จะไม่เลือกเหมือนกัน ดังนั้นฟาสต์ฟู้ธุรกิจเล่มที่ 26 ของคุณหนุ่มเมืองจันท์นี้ จะเต็มไปด้วยบทความถ่ายทอดเรื่องราวที่เต็มไปด้วยทางเลือก ทั้งจากชีวิตบุคคลสำคัญในบ้านเรา…

ทางรอดในโลกใบใหม่ แห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่, Shaping the Fourth Industrial Revolution

จากหนังสือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ก่อนหน้าที่เคยอ่านไป ที่บอกให้รู้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่คืออะไร ก็คือการปฏิวัติด้วย Big Data, Machine Learning และ AI ที่มีพื้นฐานมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 หรือการปฏิวัติดิจิทัล มาคราวนี้ Klaus Schwab ออกมาเขียนหนังสือเล่มต่อเพื่อบอกให้รู้ว่า ถ้าอยากจะรอดให้ได้ต้องทำตัวอย่างไร ในวันนี้มนุษย์ส่วนใหญ่อาจถูกเทคโนโลยีที่สร้างมากดขี่หรือทำลายล้างเราไปโดยไม่รู้ตัว และไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่ต้องปรับตัว แต่ผู้เขียนยังบอกว่าสิ่งสำคัญคือทั้งสังคมและโดยเฉพาะภาครัฐยิ่งต้องปรับตัว เพราะไม่อย่างนั้นแล้วคุณค่าของมนุษย์จะถูกเทคโนโลยีที่สามารถทดแทนได้เข้ามาล้มล้างเราไปหมด หรือเทคโนโลยีที่ทรงพลังไม่น่าเชื่อจะกลายเป็นเครื่องมือของผู้ทรงอำนาจกลุ่มเล็กๆ ที่จะยิ่งใช้กดขี่คนส่วนมากให้ไม่ได้ลืมตาอ้าปากยิ่งกว่าเดิม แง่คิดหนึ่งในเล่มที่น่าสนใจที่ผู้เขียนบอกว่า เรามักอ้างว่าเทคโนโลยีก็เหมือนดาบสองคม เหมือนเหรียญสองด้าน หรือก็เป็นแค่เครื่องมือที่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ เช่น…

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 17, ความหวังไม่เห็นไม่ใช่ไม่มี

“ความหวังเปรียบเสมืองพระเครื่องทางใจ” คุณหนุ่มเมืองจันท์เปรียบเทียบไว้ได้น่าสนใจ สำหรับผม “ความหวัง” เป็นเหมือนการให้กำลังใจตัวเองนิดๆ หลอกตัวเองหน่อยๆ แต่เป็นการหลอกแบบ White lie คือหลอกตัวเองในแง่ดีว่าวันพรุ่งนี้จะดีกว่าวันนี้ หรือเรื่องดีๆกำลังจะตามมา แต่พอกลับมาคิดย้อนดู “ความหวัง” ก็ไม่ใช่การหลอกตัวเองในแง่ดีเสมอไปซะทีเดียว และไม่ได้ถึงขั้น “โลกสวย” เหมือนที่ชอบแดกดันกัน แต่ความหวัง ในแง่นึงก็เหมือนความจริง อย่างเวลาที่เราเจอเรื่องร้ายๆ โดยเฉพาะเรื่องที่ร้ายแรงและหนักหนามากๆในชีวิตเรา เรามักจะคิดว่าเราคงผ่านมันไปไม่ได้ มันคงไม่หายไปไหน หรือที่แย่ที่สุดคือเราเผลอคิดไปว่านี่เรื่องร้ายนี่เป็นเรื่องถาวรของชีวิตแล้ว แต่ในความเป็นจริง ไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่จะเป็นคนที่จะเจอแต่เรื่องร้ายๆได้ทั้งชีวิต เพราะร้ายและดีคือส่วนผสมของชีวิตที่สลับกันมาเสมอ เหมือนเมื่อมีกลางคืนที่มืดมิด ยังไงก็ต้องมีกลางวันที่เจิดจ้าตามมา ถ้ากลางคืนคือความโชคร้ายในชีวิตเรา…

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 15, คำถามสำคัญกว่าคำตอบ

คำถามก็เหมือนกับเข็มทิศ ที่จะชี้บอกว่าปลายทางที่เราต้องการจะไปถึงคือตรงไหน ส่วนคำตอบก็เปรียบได้กับเส้นทาง ที่เราจะก้าวเดินไปเพื่อให้ถึงปลายทางของคำถามนั้น ดังนั้นถ้าผิดตั้งแต่คำถาม คำตอบที่ได้มากต่อให้สวยงามแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์ เช่น MK เองเคยมีปัญหาหลังจากเปลี่ยนมาใช้เตาไฟฟ้าว่า “น้ำเดือดช้า” ถ้าใครที่มีเตาไฟฟ้าที่บ้านจะรู้ดีว่าเวลาต้มน้ำด้วยเตาไฟฟ้านั้นไม่ร้อนเร็วสะใจเหมือนเตาแก๊สเลย ทางคุณฤทธิ์ ธีระโกเมน เจ้าของ MK เองมีพื้นฐานมาจากวิศวกรก็เลยใช้วิธีตั้งคำถามว่า น้ำเดือดด้วยอะไร คำตอบที่ได้คืออุณหภูมิ คุณฤทธิ์ เลยตั้งคำถามต่อไปว่า แล้วมีอุณหภูมิอะไรบ้าง หนึ่งคือตัวเตาส่งไปยังตัวน้ำ สองคือตัวน้ำที่เดือดแล้ว จากคำถามนี้เองเลยได้คำตอบที่ทำให้น้ำซุปเดือดเร็วง่ายๆว่า ก็ทำให้น้ำมันร้อนพร้อมเดือดซิ คำตอบง่ายมากครับ ใครจะบอกว่าขวานผ่าซากก็แล้วแต่มุมมอง แต่คำตอบนี้จริงที่สุด เพราะถ้าแก้ที่ความร้อนของเตาไม่ได้ ก็แก้ที่ความร้อนของน้ำตรงเลยง่ายกว่า…

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ ๒๕, การสิ้นสุดของสิ่งหนึ่ง คือ การเริ่มต้นของสิ่งใหม่เสมอ

จากภาพหน้าปกก็พอเดาได้ว่าจากหนอนตัวอ้วนกลมที่ได้แต่กระดื๊บ กระดื๊บ ทีละนิด กำลังจะเปลี่ยนผ่านกลายเป็นผีเสื้อปีกใหญ่ที่จะโบยบินออกไปได้ไกลเกินกว่าที่ตัวหนอนจะจิตนาการได้ แต่เจ้าหนอนผีเสื้อนั้นในวันที่มันยังเป็นหนอนมันคงไม่คิดว่าชีวิตมันจะเปลี่ยนแปลงอะไรไปกว่าที่เป็นอยู่ เปรียบกับชีวิตคนเราก็เหมือนกัน เรามักจะคิดว่าสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นคงทนถาวร แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีการเปลี่ยนแปลงข้างหน้ารออยู่อีกมากมาย แม้บางเรื่องจะไม่เป็นที่ต้องการ แต่ก็เหมือนกับชีวิตที่มีทั้งสองด้านสลับกันเสมอ เหมือนคำโบราณท่านว่า “ชั่วเจ็ดที ดีเจ็ดหน” ไม่มีใครบนโลกที่จะเจอชั่วสิบสี่ทีไม่มีดีซักหนเลยหรอกครับ คุณหนุ่มเมืองจันท์ และหนังสือฟาสต์ฟู้ดธุรกิจเล่มนี้รวมเรื่องราวเรื่องเล่าจากนักธุรกิจ นักคิด นักธุรกิจของเมืองไทยมากมาย เกี่ยวกับเรื่องราวการเกิดวิกฤตทางธุรกิจต่างๆของแต่ละแบรนด์ ซึ่งล้วนแต่เป็นแบรนด์ดังๆทั้งนั้น ทั้งออฟฟิศเมทที่จากจะเจ๊งกลายมาเป็นธุรกิจหมื่นล้านได้ยังไง หรือไทยแอร์เอเซียจากที่เคยถูกแขวนไว้กับเทมาเซกจนเป็นได้อย่างทุกวันนี้ หรือธุรกิจที่พักโฮสเทลเล็กๆอย่างสุเนต์ตา เปลี่ยนจากเจ๊งให้กลายเป็นเจ๋งจนโตแล้วโตอีกได้ยังไง ยังมีอีกหลายเรื่องหลายเคสที่เล่าไม่หมด เพราะเดี๋ยวคุณหนุ่มเมืองจันท์จะตามมาด่าเอาว่าสรุปจนไม่เหลือให้อ่าน แต่สิ่งสำคัญคือ “ความคิด” ของคนเหล่านี้ ที่ผ่านวิกฤตเหล่านั้นจนมีเรื่องมาเล่าให้เราฟังในวันนี้…

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 1

ผมเริ่มจากอ่านเล่มหลังๆของคุณหนุ่มเมืองจันท์ พอได้ลองมาอ่านเล่มแรกของแกก็เลยรู้สึกว่าสำนวนสำเนียงการเขียนเปลี่ยนไปพอสมควร แต่ที่ไม่เปลี่ยนคือ “สาระ” และความ “ตลก” ต้องบอกว่าเป็นหนังสือไม่กี่เล่มที่ทำให้ผมต้องกลั้นขำเวลาอ่านบนรถไฟฟ้าตอนเช้าไปทำงาน แถมบางตอนก็ขำมากจนต้องกลับมานั่งอ่านใหม่ที่บ้านหรือร้านกาแฟ จะได้ปล่อยก๊ากได้เต็มที่ แค่อ่านไม่กี่เล่มก็รู้ว่าคุณหนุ่มเมืองจันท์เป็นคนที่เขียนเล่าเรื่องมุขตลกได้ดีมากๆ ด้วยการเล่นกับความคาดหวังของคนแล้วก็หักมุมตบก๊ากเต็มๆ แถม “สาระ” ที่ได้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องจากไหนไกล กลับเป็นเรื่องราวของนักธุรกิจหรือคนดังคนไทยที่ไกล้ตัว จุดนี้แหละที่ผมว่าน่าสนใจ เพราะหนังสือส่วนใหญ่ที่ผมอ่านมักจะเป็นหนังสือแปล ทำให้เรื่องราวส่วนใหญ่แม้จะเป็นเรื่องที่ดี เป็นเรื่องที่จริง เป็นเรื่องผ่านประสบการณ์ตรง แต่ก็ยังมีระยะห่างความไกลตัวอยู่บ้าง แต่กับเรื่องเล่าของคุณหนุ่มเมืองจันท์กลับเป็นเรื่องไกล้ตัวมากมายที่นึกไม่ค่อยถึง เช่นธุรกิจของเจ้าสัวซีพี หรือเจ้าสัวเจริญเจ้าของไทยเบฟ (เบียร์ช้าง) ที่ดูจะมีหลายตอนในเล่มเหมือนกัน แต่กลับมีหลายแง่มุมมาเล่าถ่ายทอดได้น่าติดตามตลอด และก็ตบด้วยมุขตลกทุกตอนเหมือนเดิม ถ้าใครที่ชอบอ่านเอาสาระแบบไม่ซีเรียนนัก แถมยังได้ความตลกอารมณ์ขันแบบสมาร์ทๆ…

คำทองคำ ถ้อยแถลงแห่งปัญญา, Gold Nuggets

เป็นหนังสือ OSHO เล่มสุดท้ายที่มีในบ้าน จำไม่ได้ว่าซื้อมานานแค่ไหน แต่รู้ว่าช่วงนี้ต้องการอ่านอะไรแบบนี้ซะเหลือเกิน เป็นหนังสือที่รวบรวมถ้อยคำเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ของท่าน OSHO ที่บันทึกจากการสนทนาในครั้งนั้น ถ้าถามว่าใจความหลักคืออะไรผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการ “รู้จักตนเอง” “ยอมรับตัวเอง” และ “อยู่กับปัจุบันขณะ” ให้มากที่สุด ทำไมการ “รู้จักตนเอง” ถึงสำคัญ… ทุกวันนี้คนเรามีเรื่องภายนอกให้สนใจมากมาย เราอยากรู้จักโลกกว้าง อยากรู้จักความรู้ใหม่ๆ อยากรู้จักผู้คนมากมาย อยากที่จะออกไปผจญภัย ความสุขของเรามักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะบ้าน รถ เงินทอง ชื่อเสียง สิ่งของ เสื้อผ้า สิทธิพิเศษต่างๆ…

สปาอารมณ์ Emotional Wellness โดย OSHO

คุณคิดว่าคุณรู้จัก “อารมณ์” ดีแค่ไหน? น่าแปลกทั้งๆที่ในแต่ละวันเราทุกคนมีอารมณ์เกิดขึ้นในความคิดจิตใจเป็นร้อยๆครั้ง โกรธ ดีใจ เศร้า มีความสุข หัวเราะ ร้องให้ ทุกข์ เครียด หรือมีความสุข แต่เราส่วนใหญ่กลับรู้จัก “อารมณ์” นี้น้อยถึงน้อยมาก หรือจะเรียกว่าแทบไม่รู้จักเจ้า “อารมณ์” นี้เลยก็ว่าได้ ผมยอมรับว่าผมเป็นคนนึงที่แทบไม่รู้จักหรือเข้าใจเจ้า “อารมณ์” ที่เกิดขึ้นในตัวผมทุกวันเลยแม้กระทั่งตอนนี้ จนได้มาเจอหนังสือเล่มนี้ “สปาอารมณ์” หรือ Emotional Wellness ของท่าน Osho เล่มนี้…

วิธีเดินทางกับแซลมอน

วิธีเดินทางกับแซลมอน เป็นหนังสือเล่มเล็กแต่กลับได้อะไรไม่น้อยกว่าหนังสือเล่มใหญ่หลายเล่มเลยในความคิดผม เพราะเต็มไปด้วยเรื่องเล่าจากเรื่องราวมากมายที่ Umberto Eco นักเขียนนักคิดชาวอิตาลีที่น่าจะเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน (น่าเสียดายมากครับ) ถ่ายทอดผ่านภาษาที่จิกกัด เสียดสีจนสุดจะแดกดัน แต่กลับไม่รู้สึกโกรธหรือน่ารังเกียจ แถมยังทำให้เราหัวเราะชอบใจในความจริงที่แสนจะเสียดแทงความจริงที่เรามองข้ามกันไปด้วยซ้ำ ถ้าเป็นคนในบ้านเราที่ผมนึกถึงก็คงเป็นน้าเน็ก ในตอนสมัยที่ผมยังหนุ่มๆและเด็กกว่านี้ น้าเน็กเป็นดีเจหรือนักพูดที่มีฝีปากกล้ามาก กล้าด่าในเรื่องจริงที่คนไม่กล้าหรือมัวแต่เกรงใจกัน แต่ก็กลับไม่ค่อยมีใครโกรธน้าเน็กเลย กลายเป็นคนส่วนใหญ่อยากให้น้าเน็กด่าด้วยซ้ำ เพราะทุกครั้งที่ด่ากลับได้ข้อคิดกลับไปเสมอ ดังนั้นถ้าใครที่อยากได้มุมมองใหม่ๆในการมองโลกรอบตัวชีวิตประจำวันที่สนุกขึ้น หนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือที่แนะนำอย่างยิ่งในความคิดผม สารภาพตามตรงตอนที่เลือกซื้อเล่มนี้มาจากงานหนังสือเมื่อปลายปี 2560 ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้คงเต็มไปด้วยเรื่องตลกขบขันชวนให้เบาสมองจากหนังสือเล่มอื่นๆที่ผมอ่านเพื่อเอาความรู้ แต่ที่ไหนได้หนังสือเล่มนี้กลับทำให้ผมได้ทั้งหัวเราะเหมือนคนบ้านิดๆตอนขับรถ จนพี่คนขับมอไซค์ข้างๆที่จอดติดไฟแดงด้วยกันยังหันมามอง และหลายตอนก็ทำให้ผมได้ฉุกคิดต่อจนกลับมาทนทวนอะไรหลายอย่างอีกที วิธีเดินทางกับแซลมอน พาผมเดินทางไปสู่เส้นทางใหม่ๆที่น่าสนใจ และเดินทางกลับไปสู่เส้นทางเดิมในมุมมองใหม่ๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ ลองอ่านเพื่อเดินทางไปกับ…

รู้ทันอนาคตที่(อาจจะ)ไม่มีคุณ The Industries of the Future

เป็นหนังสือที่ให้ภาพอนาคตแบบคร่าวๆตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที เพราะถ้าเราไม่เตรียมพร้อมรับมือไว้ ก็ตามชื่อหนังสือนั่นแหละครับ เราอาจจะไม่มีที่ยืนในอนาคตได้ ด้วยเทคโนโลยีต่างๆมากมายที่พร้อมเข้ามาแทนที่มนุษย์เรา Formless และ Borderless คือสองคำที่น่าจะเป็นหัวใจหลักในการบรรยายถึงโลกอนาคต, Formless คือการไม่ยึดติดกับสิ่งเดิม ไม่ว่าจะวิธีการ ความเชื่อ หรือความสำเร็จ เพราะทุกสิ่งจะเปลี่ยนแปลงตลอดและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ส่วน Borderless คือโลกจะเปิดกว้างยิ่งขึ้น เส้นแบ่งต่างๆจะค่อยๆจางหายไป มีโอกาสให้แทบกับทุกคน แต่โลกที่เปิดกว้างขึ้นก็ไม่ได้มีแค่โอกาส แต่มันหมายถึงการแข่งขันและคู่แข่งที่จะพรั่งพรูตามมาด้วย ดังนั้นถ้าไม่แกร่ง ไม่เร็ว ไม่ชัดเจนในความเชี่ยวชาญพอ ก็ยากที่จะมีที่ให้เราอยู่ในอนาคตครับ เพราะนวัตกรรมกับโลกาภิวัฒน์นั้นสร้างทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ โลกาภิวัฒน์จะทำให้ค่าแรงในประเทศสูงขึ้น แต่ด้วยค่าแรงที่สูงขึ้นนี่แหละที่จะทำให้คนในประเทศไม่มีงานทำ…