Category

Lifestyle

Category

หนังสือวัยรุ่น 4.0 No More Teens เล่มนี้ทำให้เข้าใจมนุษย์วัยรุ่นได้ดีจริงๆ ครับ เริ่มตั้งแต่บอกให้รู้ว่าวัยรุ่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตามชีววิทยา เพราะในความเป็นจริงแล้ว วัยรุ่น ไม่มีอยู่จริง!

เพราะไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดในโลกที่มีช่วงเวลาวัยรุ่นเหมือนมนุษย์อีกแล้ว ที่มนุษย์เรานั้นมีช่วงเวลาวัยรุ่นก็เพราะพวกผู้ใหญ่อายุเยอะ กลัวว่าช่วงเปลี่ยนผ่านจากเด็กไปผู้ใหญ่ ช่วงการเปลี่ยนจากเด็กมาเป็นผู้ใหญ่ตอนต้น จะทำให้สังคมหรือการใช้ชีวิตของพวกเขาวุ่นวายเกินไป

พวกเขาเลยนิยามช่วงเวลาวัยรุ่นขึ้นมาเองเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นวัยรุ่นจึงเป็นกระบวนการทางสังคม หรือ Artificial Infantilization of Adolesence หรือจงใจทำให้คนเรารู้สึกว่ายังไม่พร้อมจะเป็นผู้ใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็เกินกว่าวัยเด็กที่จะไร้ความรับผิดชอบอีกต่อไป

แต่ก่อนสังคมจะซับซ้อนขนาดนี้ พอพ้นวัยเด็กก็ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบชีวิตทันที พร้อมมีลูกมีครอบครัวได้ในทันที ถ้าสังเกตดูจากประวัติศาสตร์จะพบว่าคนสมัยก่อนแต่งงานมีลูกกันตั้งแต่ 13-14 หรือเรียกได้ว่าเมนส์มาก็ท้องเลย

นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้เขียนยังเล่าต่อว่า เด็กช่วงวัย 2-3 ขวบเป็นวัยที่อยากทดลองความสามารถของตัวเอง ทดสอบกฏกติกา ดังนั้นเป็นวัยที่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เพราะพวกเขาอยากจะลองว่าตกลงทำได้หรือไม่ ทำแล้วจะเป็นอย่างไร

นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ แนะนำว่าการเลี้ยงดูเด็กในวัย 2-3 ขวบนี้ให้ตั้งกฏเหล็กไว้ 3 ข้อ

  1. ห้ามทำร้ายคนอื่น
  2. ห้ามทำร้ายตัวเอง
  3. ห้ามทำลายข้าวของ

ส่วนเด็กวัยรุ่น 12-18 ปี แท้จริงแล้วพวกเขาไม่ได้ต่อต้านกฏต่างๆ ที่พ่อแม่ชอบสั่งห้าม แต่หน้าที่ของคนวัยนี้คือต้องค้นหาอัตลักษณ์ของตัวเองให้เจอ ต้องค้นหาคนรัก(ก็เข้าวัยพร้อมผสมพันธุ์แล้วไง) ต้องค้นหาแก๊งเพื่อนรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน และก็รวมไปถึงการค้นหาความถนัดส่วนตัวที่จะเอาไปต่อยอดให้กลายเป็นอัตลักษณ์ของตัวเอง

พอรู้แบบนี้เลยไม่แปลกใจว่าทำไมวัยรุ่นถึงติดเพื่อน วัยรุ่นถึงอยากลองโน่นนี่นั่น ทำไมวัยรุ่นถึงติดแฟนจนบางทีอาจจะลืมเพื่อน และก็ต้องหาอะไรสักอย่างที่ตัวเองทำแล้วเด่นหรือเก่งกว่าคนอื่น

เพราะตัวถ้าเองไม่เก่งอะไรสักอย่างก็จะไร้อัตลักษณ์ บางคนอาจเก่งกีฬา บางคนอาจเก่งเรียน บางคนอาจเก่งเกม บางคนอาจเก่งเรื่องเนิร์ดๆ แต่สุดท้ายทุกคนก็ต้องพยายามหาเอกลักษณ์ของตัวเองที่จะเป็นแกนชีวิตต่อไป

เมื่อคนเป็นพ่อแม่รู้แบบนี้แล้วต้องอย่าพยายามห้ามวัยรุ่นทำโน่นนี่นั่น เพราะมันจะขัดกับธรรมชาติของเค้า พ่อแม่ต้องปล่อยให้วัยรุ่นได้ค้นหาตัวเอง ถ้าจะห้ามจริงๆ อย่าสร้างกฏข้อห้ามเป็นสิบเป็นร้อยข้อ เพราะวัยรุ่นจะไม่ทำตาม หรือเอาจริงๆ คือไม่สามารถจำและทำได้ทั้งหมด แล้วคุณก็จะปวดหัวเองเปล่าๆ

แต่สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือทำสัญญาตกลงข้อห้ามกันแค่ 3-4 ข้อที่สำคัญจริงๆ ต่อชีวิต เช่น ไม่ท้อง ไม่เสี่ยงพิการ ไม่เสพย์ยา ไม่เรียนไม่จบ ที่เหลือปล่อยให้พวกเขาได้เรียนรู้ชีวิต ได้ลองผิดลองถูก เพราะมันคือวัยของพวกเขาที่จะต้องทำแบบนั้น เพราะสิ่งที่วัยรุ่นต้องการจากพ่อแม่ผู้ใหญ่มากที่สุดจริงๆ คือความไว้ใจครับ

Teen need Trust

วัยรุ่นต้องการความไว้ใจ แม้จะทำผิดบ้างถูกบ้าง ถ้าพ่อแม่ยังคงทำให้เขารู้สึกว่าพวกเขาได้รับโอกาสและได้รับความไว้ใจ อาจจะมีผิดหวังบ้าง แต่มันก็จะไม่บ่อยมากเกินไป และจะไม่ค่อยเป็นโดยตั้งใจหรอกครับ

ลองคนเราได้รับโอกาสได้รับความไว้ใจ จะมีสักกี่คนที่กล้าทำลายความไว้ใจนั้น

เพราะความไว้ใจคือการให้อิสระที่พร้อมกับความรับผิดชอบ แน่นอนว่าวัยรุ่นต้องการอิสระที่จะกำหนดชีวิตตัวเองในระดับหนึ่ง พ่อแม่สมัยนี้ต้องอย่าขีดเส้นทางชีวิตให้เขาเดิน แต่ต้องพยายามสอนให้เขาขีดเส้นทางเดินชีวิตของตัวเองที่เมื่อพวกเขาโตไปคุณสามารถวางใจได้

เพราะสุดท้ายแล้วพ่อแม่ต้องเข้าใจว่า เราไม่ได้เลี้ยงให้เขาเป็นเด็กอยู่กับเราตลอดไป เรามีหน้าที่เลี้ยงเพื่อให้จากไปเติบใหญ่ เราต้องทำให้เขาพร้อมทุกด้านโดยเฉพาะการตัดสินใจหลายๆ แง่มุมในชีวิตตัวเองทุกเรื่อง

และถ้าเขาตัดสินใจผิดก็ต้องทำให้เขาพร้อมที่จะแก้ไขให้เป็นถูกได้เร็วที่สุด

ดังนั้นถ้าลูกวัยรุ่นของใครมีความปีกกล้าขาแข็งแล้วคุณจงภูมิใจถึงจะถูก

ส่วนถ้าลูกวัยรุ่นของใครติดเกมก็อย่ามองเป็นเรื่องน่ากังวล แต่ให้มองว่าเพราะเกมคือพื้นที่ให้เขาได้มีตัวตน ถ้าอยากเอาลูกออกมาจากเกมต้องหาพื้นที่ภายนอกให้เขาได้มีตัวตน ได้เป็นที่ยอมรับในสังคมนอกเกมให้ได้ ถ้าไม่ได้เขาก็จะหาทางกลับเข้าไปในเกมด้วยตัวเองอยู่ดี

และที่น่าสนใจอีกข้อคือสมองของวัยรุ่นถือว่าอยู่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุด หรือฉลาดที่สุดก็ว่าได้

จากการทดสอบ IQ พบว่าช่วงอายุ 15 ปี คือช่วงเวลาที่คนเรามี IQ สูงสุด จากนั้นจะคงที่และค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ

เพราะสมองของมนุษย์เราในช่วง 15-20 ปีคือช่วงที่มีประสิทธิภาพที่สุดครับ ดังนั้นจงอย่าประมาทความคิดวัยรุ่น เพราะสมองเค้ากำลังร้อนแรงยิ่งกว่าผู้ใหญ่เป็นไหน

จะขาดก็แค่ประสบการณ์ความสามารถในการยับยั้งชั่งใจ แต่ถ้าวัยรุ่นทำอะไรบอกเลยว่าเค้าคิดมาดีและถี่ถ้วนแล้วในมุมมองของเขา วัยรุ่นเป็นวัยที่จริงใจ ถ้าทำอะไรจะทำด้วยความจริงจัง ทุ่มหมดตัวแบบหมดหน้าตัก ทำโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลัง นั่นเลยทำให้วัยรุ่นถูกมองว่าเป็นวัยที่บ้าบิ่นสุดๆ ครับ

แต่ถ้าวัยรุ่นคนไหนมีอารมณ์ชอบฉุนเฉียวโมโหร้าย บางทีก็อาจไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่มี EQ ดี เพราะนิยามของ EQ หรือความสามารถทางอารมณ์คือการสามารถใช้อารมณ์ให้ได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ นั่นหมายความว่าถ้าเขารู้ว่าเขาโมโหหรือหงุดหงิดแล้วจะทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ก็ไม่แปลกที่เขาจะเลือกทำแบบนั้น

แต่ถ้าเขาเรียนรู้ว่าทำไปแล้วไม่เกิดผล คนที่ฉลาดทางอารมณ์ก็จะไม่เสียเวลาโมโหให้เหนื่อยแรง

และนี่ก็เป็นการสรุปหนังสือวัยรุ่น 4.0 หนังสือดีๆ ที่ทำให้เข้าใจวัยรุ่นอีกครั้ง แม้ส่วนตัวผมจะผ่านช่วงเวลาวัยรุ่นมาก็นานพอสมควร แต่หนังสือเล่มนี้เหมือนทำให้ตัวเองสามารถนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปทำความเข้าใจตัวเองในวันวานอีกครั้งหนึ่งครับ

สรุปสั้นๆ ทิ้งท้ายได้เลยว่า จริงๆ ผู้ใหญ่อย่างเราจะประมาทวัยรุ่นไม่ได้เลยทีเดียว เพราะสมองพวกเขาอยู่ในช่วงที่ดีกว่าเราจริงๆ

อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 40 ของปี

สรุปหนังสือ วัยรุ่น 4.0 No More Teens นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ อ่านแล้วจะเข้าใจวัยรุ่น Gen Z ว่าเหตุใดพวกเขาถึงทำตัวแบบนี้

สรุปหนังสือ วัยรุ่น 4.0
No More Teens
ทำความเข้าใจ มนุษย์วัยรุ่น
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ เขียน
แพทย์หญิงเนตรวิมล นันทิวัฒน์ บรรณาธิการ
สำนักพิมพ์ SandClock Books

20201019

อ่านสรุปหนังสือที่เกี่ยวกับวัยรุ่นต่อ > https://www.summaread.net/?s=%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99

สนใจสั่งซื้อหนังสือวัยรุ่น 4.0 ได้ที่ > http://bit.ly/NoMoreTeens

ถ้าให้สรุปหนังสือ HAPPY CITY เปลี่ยนโฉมชีวิตการออกแบบเมือง เล่มนี้แบบสั้นๆ ก็คงบอกได้ว่าหลักใหญ่ใจความของเล่มนี้คือ เมืองที่มีความสุขคือเมืองที่ทำให้คนรู้สึกมีอิสระในการเข้าถึงทุกสิ่งที่ต้องการหรือจำเป็นในชีวิตประจำวันได้แบบง่ายๆ และที่ง่ายที่สุดของมนุษย์เราก็คือการเดิน ยิ่งเราสามารถเดินไปถึงสถานที่ๆ เราต้องการได้ง่ายมากเท่าไหร่ ชีวิตเราก็จะยิ่งมีความสุขเพราะความเรียบง่ายยิ่งกว่าการมีบ้านหลังใหญ่หรือรถคันโตมากเท่านั้น แต่ถ้าให้สรุปต่ออีกหน่อยให้ยาวขึ้นคือการที่เมืองๆ หนึ่งจะเป็นเมืองที่มีความสุขได้ ไม่ได้วัดจากแค่ความร่ำรวยของผู้คนที่อยู่อาศัยภายในเมือง แต่วัดจากการที่คนในเมืองสามารถเดินทางไปไหนมาไหนตามต้องการได้อย่างสะดวกสบายมากแค่ไหน เราสามารถเดินจากบ้านไปยังร้านอาหารที่เราชอบได้มั้ย เดินไปร้านขายของชำเพื่อซื้อของกินของใช้ที่ต้องการได้หรือเปล่า หรือเราสามารถเดินไปทำงานหรือปั่นจักรยานไปทำงานได้อย่างปลอดภัยมั้ย หรือเราสามารถได้พบปะผู้คนรอบตัว…

สรุปหนังสือ Consent เพศศึกษากติกาใหม่ หนังสือเล่มนี้เพิ่งได้มาใหม่จากสัปดาห์งานหนังสือแห่งชาติออนไลน์เมื่อช่วงกักตัวอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติเมื่อปลายมีนาคมและต้นเมษายนที่ผ่านมา หนังสือเล่มนี้นึกว่าจะใหญ่และหนาในตอนแรก(เพราะไม่ได้อ่านรายละเอียดเรื่องขนาดและจำนวนหน้า) แต่พอได้มากลับพบว่าเล่มขนาดเล็กพอดีมือ หยิบติดไปอ่านด้วยที่ไหนก็ง่ายครับ ถ้าให้สรุปแบบสั้นๆ ผมว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นหนังสือสอนวิชาเพศศึกษาให้กับคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น และก็สอนให้ผู้ใหญ่แล้วเข้าใจด้วยว่าเรื่องเพศศึกษาในวันนี้มันต่างจากรุ่นเราอย่างไรในแง่ของบริบทบ้าง เรื่องหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBT หรือคำเรียกอื่นๆ ก็แล้วแต่ ต้องบอกว่าตอนที่ผมยังวัยรุ่นเราไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน ไม่เคยได้ยินเรื่องความหลากหลายทางเพศ จะมีก็แต่ความเท่าเทียมทางเพศระหว่างชายกับหญิง…

อ่านจบบอกได้เลยว่าถ้าผู้ชายคนไหนไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ถือว่าพลาดอย่างมาก เพราะคุณจะไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วผู้หญิงเมืองหลวงเค้าคิดอย่างไร ส่วนถ้าผู้หญิงคนไหนยังไม่ได้อ่านก็ถือว่าพลาดยิ่งกว่า เพราะคุณจะไม่รู้เลยว่าในชีวิตสาวโสดวัยเลข 3 นั้นมันช่าง Powerful ขนาดไหน หนังสือ How to be Single in BKK City เล่มนี้ทำให้ผมนึกถึงซีรีส์เรื่อง Sex in…

จากนักเศรษฐศาสตร์ด้วยความสุขและพฤติกรรม ที่มีดีกรีระดับปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ ที่ปัจจุบันเป็นถึงศาสตราจารย์ทางด้านวิทยาศาสตร์พฤติกรรมไปแล้ว ณัฐวุฒิ เผ่าทวี คนนี้เขียนบอกเล่าเรื่องราวของ ความสุข พฤติกรรม และ เศรษฐศาสตร์ เอาไว้ให้อ่านเข้าใจง่าย แถมยังสนุกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงินไม่ใช่ความสุข เค้าเล่าว่าจากงานวิจัยร่วมของ Daniel Kahneman (เจ้าของรางวัลโนเบลด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ที่เขียนหนังสือชื่อดังแต่ยังไม่มีแปลไทยอย่าง…

สรุปอย่างย่อ หนังสือเล่มนี้ทำให้เข้าใจแก่นของชาวสวีเดน ดินแดนกำเนิดแบรนด์ IKEA ที่ว่าด้วยหลักของความ “พอดีที่ดีพอ” ไม่ใช่แค่พอดีแบบผ่านๆ แต่พอดีในแบบที่ถ้ามันดีพอแล้วก็พอ ไม่ต้องเพอร์เฟคนักหรอกชีวิต ให้มันมีจังหวะชีวิต มีช่องว่างให้หายใจหายคอบ้าง ดังนั้นถ้าใครเป็นสายสโลว์ไลฟ์แบบมีความรับผิดชอบ ผมว่าหนังสือเล่มนี้ใช่กับคุณเลย หรือถ้าใครที่เป็นพวกตึงไปก็ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ เพื่อจะได้เห็นวิถีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งที่อาจทำให้คุณผ่อนคลายเป็นสุขมากขึ้นก็ได้ หนังสือปรัชญาการใช้ชีวิตเล่มนี้แปลกกว่าเล่มอื่น ตรงที่มีสูตรอาหารแบบ lagom ของชาวสวีเดนมากมายให้ลองทำ…

ในฐานะคนที่กินกาแฟเข้าปากอยู่ทุกวัน แต่กับเรื่องกาแฟนั้นกลับไม่ค่อยมีความรู้อะไรเลย หนังสือเล่มนี้เลยเหมือนเติมคาเฟอีนเรื่องกาแฟให้สมองผม เผื่อคราวหน้าที่มีใครถามเรื่องกาแฟจะได้พอมีอะไรไปโม้เขาได้บ้าง ที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้เลยว่า กาแฟชั้นเยี่ยมที่อิตาลีนั้น เมล็ดส่วนใหญ่กลับมาจากอินเดีย อินเดียเป็นหนึ่งในชาติที่ส่งออกเมล็ดกาแฟเป็นลำดับต้นๆของโลก โดยเฉพาะส่งออกไปยังอิตาลี ดินแดนต้นตำรับเอสเพรสโซ่ของโลก ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร้านกาแฟที่อิตาลีนั้น ถ้ายืนกินที่บาร์จะถูกกว่านั่งกินที่โต๊ะถึงเกือบเท่าตัว และที่นั่นมีร้านกาแฟเก่าแก่ที่เปิดมากว่า 200 ปี ที่ชื่อ Cova Pasticceria ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1817…

ว่าด้วยเรื่องของความช้าในยุคที่แข่งขันกันที่ความเร็ว จากยุคปลาใหญ่กินปลาเล็ก เข้าสู่ยุคปลาเร็วกินปลาช้า ความช้าแลดูเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการแล้วงั้นหรอ ตั้งแต่มนุษย์วัดเวลาได้ จากนั้นมาเวลาก็กลายมาเป็นตัววัดมนุษย์เรามาตลอด เวลาถูกแบ่งซอยออกเป็นหน่วยเล็กหน่วยน้อยที่วัดค่าได้แน่นอน จนทำเอาเสน่ห์ของเวลาหายไปด้วยหรือเปล่า? เราเคยมีเวลาละเลียดละเมียดในการกิน.. แต่ทุกวันนี้เรากินเพื่อให้รีบอิ่มโดยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่เรากินคืออะไร และมีที่มาที่ไปอย่างไร ถ้าสังเกตุต่อเราจะพบว่าทุกวันนี้เราพยายามใช้เวลาให้คุ้มค่า แต่เราลืมการใช้ชีวิตไปหรือเปล่า? หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ต่อต้านความเร็วนะครับ แต่ไม่เห็นด้วยกับความเร็วที่ไม่จำเป็น ถ้ามันช้าได้ หลายๆครั้งความเนิบช้าก็กลับทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าความเร็วซะอีก ทุกชีวิตต้องหาจังหวะที่เหมาะสมเหมือนคำว่า tempo…

เขียนโดย Samuel Greengard แปลโดย ทีปกร วุฒิพิทยามงคล สำนักพิมพ์ openworlds สำหรับคนทำงานเกี่ยวกับดิจิทัล อินเทอร์เน็ต และเทคโนโลยี คำว่า internet of things หรือที่เราเรียกกันย่อๆว่า IoT นั้นคงเป็นอะไรที่คุ้นเคยและคิดว่ารู้จักกันดี แต่พอได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ผมก็เหมือนได้เปิดโลกรู้จักความหมายของ…