DeScience

เป็นหนังสือที่รวมเรื่องราวความคิดเบื้องหลังงานออกแบบระดับโลก ที่ไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจเบื้องหลังงานออกแบบแต่ละชิ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นวิทยาศาสตร์หรือภูมิความรู้เบื้องหลังของงานออกแบบชิ้นนั้นด้วย ชื่อหนังสือเลยเป็นการเล่นคำให้พ้องกับการออกเสียงว่า Design มาเป็น De+Science ที่บอกให้รู้ว่าในเบื้องหลังนั้นมีวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์คอนเซ็ปต์คาร์ของเบนซ์ ที่มีชื่อว่า Bionic Car ที่ดูจากหน้าตาอาจจะประหลาดจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเบนซ์ เพราะมองแล้วเหมือนปลามากกว่า แต่ก็ใช่ครับ Bionic Car รถยนต์ต้นแบบของเบนซ์รุ่นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากปลา แล้วก็ไม่ใช่ปลาธรรมดาด้วยนะครับ แต่เป็นปลาบ็อกซ์ฟิช Boxfish ที่อาศัยอยู่ในแนวประการังแถบแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย โดยปลาสายพันธุ์นี้ก็จะรูปเหลี่ยมๆตามชื่อ อ่านถึงตรงไหนหลายคนอาจมีคำถามว่า ในเมื่อเจ้าบ็อกซ์ฟิชหน้าตารูปทรงดูเหลี่ยมๆเหมือนลูกเต๋า ทำไมถึงเอามาใช้ออกแบบเป็นรถต้นแบบของเบนซ์ซะล่ะ อย่างเบนซ์ควรต้องเป็นปลาฉลามที่ดูปราดเปรียวดุดัน หรือมีระดับกว่านี้รึเปล่า แต่อย่างที่บอกครับว่าเบื้องหลังการออกแบบของหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้อ้างอิงอยู่กับความสวยงาม…

Dutchland ดัชต์แลนด์ แดนมหัศจรรย์

Dutch หรือ ดัชต์ แวปแรกคนส่วนใหญ่คงนึกถึงประเทศฮอลแลนด์ เนเธอร์แลนด์ นี่แหละบางทีก็แอบงงๆว่าทำไมประเทศเดียวถึงมีสองชื่อได้นะ และก็คงหนีไม่พ้นที่จะนึกไปถึงกังหันลมแบบนมดัชต์มิลในบ้านเรา ตลาดประมูลดอกไม้สดที่โด่งดังระดับโลก หรือแม้แต่ทุ่งดอกทิวลิปที่โด่งดังก็ตาม แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องส่วนน้อยที่คนส่วนใหญ่รู้จักเกี่ยวกับประเทศนี้หรือผู้คนชาวดัชต์ และหนังสือ Dutchland นี่เองที่จะมาเปิดโลกของชาวดัชต์ให้เราได้รู้จักเค้ามากขึ้น การประมูล คนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักการประมูลดี มันคือการที่ให้คนที่สนใจค่อยๆเพิ่มค่าเพิ่มราคาขึ้นไปเรื่อยๆ จากน้อยสุดไปสู่มากสุด จนไม่มีใครให้มากกว่านี้ แล้วสินค้าที่ถูกประมูลนั้นก็จะกลายเป็นผู้ที่ให้ราคาคนสุดท้ายไป นี่คือการประมูลแบบอังกฤษ(English Auction)ในแบบที่เราชาวโลกคุ้นเคย แต่ยังมีการประมูลอีกแบบที่น้อยคนจะรู้จักและเป็นการประมูลแบบกลับหัวกลับหางกันแบบที่เราทุกคนคุ้นเคย นั่นคือการประมูลจากราคามากไปหาน้อย เหมือนเริ่มจาก 100 ไปสู่ 0 และระหว่างที่ผู้ควบคุมการประมูลขานราคาแบบลดลงไปเรื่อยๆ คนแรกที่ประมูลก็จะได้เป็นเจ้าของไปเลย ไม่ต้องแข่งกับใครเหมือนแบบแรก(แต่จริงๆก็แข่งนะ…

ประวัติศาสตร์โลกฉบับไม่ง่วง, The Mental Floss – History of the World

สรุปโดยย่อ หนังสือเล่มนี้เล่าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติย้อนหลังไปราวหมื่นกว่าปีก่อน ตั้งแต่มนุษย์เริ่มมีอารยธรรม หรืออย่างน้อยก็เริ่มทิ้งหลักฐานหรือตั้งใจส่งต่ออะไรบางอย่างไว้ให้เราเรียนรู้ จากเนื้อหาที่ควรจะหนากว่า 500,000,000 หน้า ถูกย่อจนเหลือแค่ 500 หน้าเท่านั้นเอง (ก็ยังถือว่าหนาอยู่ดีนั่นแหละ) หรือจะบอกว่าอ่าน 1 หน้าของประวัติศาสตร์โลกฉบับไม่ง่วงเล่มนี้ เท่ากับอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ทั่วไปกว่าล้านหน้าได้มั้ยนะ จริงๆน่าจะเอาเป็นจุดขายให้ทีมตลาดได้เลยนะเนี่ย นั่นคือสรุปแบบย่อครับ ส่วนถ้าให้สรุปแบบยาวขึ้นมาอีกหน่อย ผมว่าหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยเกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์มากมาย อารมณ์เหมือนเราเดินเข้าไปในอภิมหาซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดยักษ์ที่มีสารพันของกินให้ชิมมากมายเป็นล้านสิ่ง ชิมอย่างละคำสองคำ จนได้ชิมเป็นพันคำแทบจะยิ่งกว่าอาหารมื้อหลักมื้อใหญ่ดีๆเลยก็ว่าได้ นี่คือคำนิยามของหนังสือเล่มนี้ที่ผมจะมอบให้ ถ้าใครอยากจะมีเกร็ดความรู้ทางประวัติศาสตร์เอาไว้คุยเท่ห์ๆในวงสนทนา ไม่ว่าจะวงข้าวหรือวงเหล้า หรือวงที่เต็มไปด้วยสาวๆสำหรับหนุ่มๆ หนังสือเล่มนี้ก็เหมาะอย่างยิ่งครับ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ไม่ได้เพอร์เฟคในความรู้สึกผม เพราะหลายครั้งที่ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าเรื่องราวมันกระโดดไปกระโดดมา อารมณ์เหมือนกำลังชิมของคาวอร่อยๆได้หนึ่งคำ…

เรื่องชาวบ้าน

โดย พิช วิชญ์วิสิฐ พูดชื่อนี้หลายคนอาจงงว่าใคร แต่ถ้าบอกว่าเป็นนักแสดงนำชายในเรื่อง “รักแห่งสยาม” และนักร้องนำวงออกัสหลายคนคงร้อง..อ๋ออออออออออ นั่นแหละครับ เค้าคนนี้ทุกวันนี้ทำงานมากมายหลายด้านนักคิดนักเขียน และเค้านิยามตัวเองว่าเป็น “นักฝัน” เพราะฝันโน่นฝันนี่และทำไปเรื่อย และหนึ่งในนั้นก็กลายเป็นหนังสือเล่มนี้ที่ผมเพิ่งอ่านจบไป เรื่องชาวบ้าน ประโยคคุ้นหูที่คล้ายๆกับคำว่า “เสือก” ในความคิดผม เพราะเรื่องชาวบ้านนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวกับเราเลยเพราะมันหมายถึงการพูดถึงบุคคลที่สามที่อยู่ในระแวกบ้านก็ว่าได้ แม้แต่การที่ผมเขียนอยู่นี่ก็เป็นการเขียนถึง “เรื่องชาวบ้าน” ที่เป็นหนังสือของผมเหมือนกัน เรื่องในหนังสือไม่ขอเอ่ยถึงเพราะอยากให้คุณได้ไปลองหาอ่าน จะยืนอ่านฟรีตามร้านหนังสือ หรือยืมเพื่อนอ่านแล้วไม่คืนก็ “เรื่องของคุณ” รู้แต่ว่าผมอยากจะเม้าส์และเล่าเรื่องชาวบ้านบ้างเมื่ออ่านจบเหมือนกัน ว่าแล้วก็ขอเล่าเรื่องชาวบ้านซักเรื่องก็แล้วกัน เรื่องชาวบ้านของผมคือพี่ยามคนนึงในหมู่บ้านผม พี่เค้าอายุเท่าไหร่ไม่สามารถคาดเดาได้ รู้แต่เค้าเรียกผู้ชายทุกคนที่ดูเป็นเจ้าของบ้านในหมู่บ้านนี้ว่า…