คำทองคำ ถ้อยแถลงแห่งปัญญา, Gold Nuggets

เป็นหนังสือ OSHO เล่มสุดท้ายที่มีในบ้าน จำไม่ได้ว่าซื้อมานานแค่ไหน แต่รู้ว่าช่วงนี้ต้องการอ่านอะไรแบบนี้ซะเหลือเกิน เป็นหนังสือที่รวบรวมถ้อยคำเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ของท่าน OSHO ที่บันทึกจากการสนทนาในครั้งนั้น ถ้าถามว่าใจความหลักคืออะไรผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของการ “รู้จักตนเอง” “ยอมรับตัวเอง” และ “อยู่กับปัจุบันขณะ” ให้มากที่สุด ทำไมการ “รู้จักตนเอง” ถึงสำคัญ… ทุกวันนี้คนเรามีเรื่องภายนอกให้สนใจมากมาย เราอยากรู้จักโลกกว้าง อยากรู้จักความรู้ใหม่ๆ อยากรู้จักผู้คนมากมาย อยากที่จะออกไปผจญภัย ความสุขของเรามักจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะบ้าน รถ เงินทอง ชื่อเสียง สิ่งของ เสื้อผ้า สิทธิพิเศษต่างๆ…

สปาอารมณ์ Emotional Wellness โดย OSHO

คุณคิดว่าคุณรู้จัก “อารมณ์” ดีแค่ไหน? น่าแปลกทั้งๆที่ในแต่ละวันเราทุกคนมีอารมณ์เกิดขึ้นในความคิดจิตใจเป็นร้อยๆครั้ง โกรธ ดีใจ เศร้า มีความสุข หัวเราะ ร้องให้ ทุกข์ เครียด หรือมีความสุข แต่เราส่วนใหญ่กลับรู้จัก “อารมณ์” นี้น้อยถึงน้อยมาก หรือจะเรียกว่าแทบไม่รู้จักเจ้า “อารมณ์” นี้เลยก็ว่าได้ ผมยอมรับว่าผมเป็นคนนึงที่แทบไม่รู้จักหรือเข้าใจเจ้า “อารมณ์” ที่เกิดขึ้นในตัวผมทุกวันเลยแม้กระทั่งตอนนี้ จนได้มาเจอหนังสือเล่มนี้ “สปาอารมณ์” หรือ Emotional Wellness ของท่าน Osho เล่มนี้…

วิธีเดินทางกับแซลมอน

วิธีเดินทางกับแซลมอน เป็นหนังสือเล่มเล็กแต่กลับได้อะไรไม่น้อยกว่าหนังสือเล่มใหญ่หลายเล่มเลยในความคิดผม เพราะเต็มไปด้วยเรื่องเล่าจากเรื่องราวมากมายที่ Umberto Eco นักเขียนนักคิดชาวอิตาลีที่น่าจะเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน (น่าเสียดายมากครับ) ถ่ายทอดผ่านภาษาที่จิกกัด เสียดสีจนสุดจะแดกดัน แต่กลับไม่รู้สึกโกรธหรือน่ารังเกียจ แถมยังทำให้เราหัวเราะชอบใจในความจริงที่แสนจะเสียดแทงความจริงที่เรามองข้ามกันไปด้วยซ้ำ ถ้าเป็นคนในบ้านเราที่ผมนึกถึงก็คงเป็นน้าเน็ก ในตอนสมัยที่ผมยังหนุ่มๆและเด็กกว่านี้ น้าเน็กเป็นดีเจหรือนักพูดที่มีฝีปากกล้ามาก กล้าด่าในเรื่องจริงที่คนไม่กล้าหรือมัวแต่เกรงใจกัน แต่ก็กลับไม่ค่อยมีใครโกรธน้าเน็กเลย กลายเป็นคนส่วนใหญ่อยากให้น้าเน็กด่าด้วยซ้ำ เพราะทุกครั้งที่ด่ากลับได้ข้อคิดกลับไปเสมอ ดังนั้นถ้าใครที่อยากได้มุมมองใหม่ๆในการมองโลกรอบตัวชีวิตประจำวันที่สนุกขึ้น หนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือที่แนะนำอย่างยิ่งในความคิดผม สารภาพตามตรงตอนที่เลือกซื้อเล่มนี้มาจากงานหนังสือเมื่อปลายปี 2560 ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้คงเต็มไปด้วยเรื่องตลกขบขันชวนให้เบาสมองจากหนังสือเล่มอื่นๆที่ผมอ่านเพื่อเอาความรู้ แต่ที่ไหนได้หนังสือเล่มนี้กลับทำให้ผมได้ทั้งหัวเราะเหมือนคนบ้านิดๆตอนขับรถ จนพี่คนขับมอไซค์ข้างๆที่จอดติดไฟแดงด้วยกันยังหันมามอง และหลายตอนก็ทำให้ผมได้ฉุกคิดต่อจนกลับมาทนทวนอะไรหลายอย่างอีกที วิธีเดินทางกับแซลมอน พาผมเดินทางไปสู่เส้นทางใหม่ๆที่น่าสนใจ และเดินทางกลับไปสู่เส้นทางเดิมในมุมมองใหม่ๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ ลองอ่านเพื่อเดินทางไปกับ…

รู้ทันอนาคตที่(อาจจะ)ไม่มีคุณ The Industries of the Future

เป็นหนังสือที่ให้ภาพอนาคตแบบคร่าวๆตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที เพราะถ้าเราไม่เตรียมพร้อมรับมือไว้ ก็ตามชื่อหนังสือนั่นแหละครับ เราอาจจะไม่มีที่ยืนในอนาคตได้ ด้วยเทคโนโลยีต่างๆมากมายที่พร้อมเข้ามาแทนที่มนุษย์เรา Formless และ Borderless คือสองคำที่น่าจะเป็นหัวใจหลักในการบรรยายถึงโลกอนาคต, Formless คือการไม่ยึดติดกับสิ่งเดิม ไม่ว่าจะวิธีการ ความเชื่อ หรือความสำเร็จ เพราะทุกสิ่งจะเปลี่ยนแปลงตลอดและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ส่วน Borderless คือโลกจะเปิดกว้างยิ่งขึ้น เส้นแบ่งต่างๆจะค่อยๆจางหายไป มีโอกาสให้แทบกับทุกคน แต่โลกที่เปิดกว้างขึ้นก็ไม่ได้มีแค่โอกาส แต่มันหมายถึงการแข่งขันและคู่แข่งที่จะพรั่งพรูตามมาด้วย ดังนั้นถ้าไม่แกร่ง ไม่เร็ว ไม่ชัดเจนในความเชี่ยวชาญพอ ก็ยากที่จะมีที่ให้เราอยู่ในอนาคตครับ เพราะนวัตกรรมกับโลกาภิวัฒน์นั้นสร้างทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ โลกาภิวัฒน์จะทำให้ค่าแรงในประเทศสูงขึ้น แต่ด้วยค่าแรงที่สูงขึ้นนี่แหละที่จะทำให้คนในประเทศไม่มีงานทำ…

ชีวิตพังซ่อมได้

หมายความว่าไงชีวิตพังซ่อมได้? พออ่านจบผมคิดว่าคนส่วนใหญ่นั้นไม่รู้กฏหมาย พอไม่รู้กฏหมายก็ถูกคนที่มีสี มีเส้น มีสาย เอากฏหมายมาทำข่มขู่หรือจนถึงขั้นทำให้ชีวิตพังได้ เพราะพอพูดถึงเรื่องกฏหมาย หรือต้องขึ้นโรงขึ้นศาล คนส่วนใหญ่ก็มักจะกลัวความยุ่งยาก วุ่นวาย ไหนจะต้องเสียเงินเสียทอง ที่สำคัญที่สุดคือมาจากการไม่รู้กฏหมาย แม้จะเป็นกฏหมายง่ายๆ กฏหมายเบื้องต้น กฏหมายที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันก็กลับมีความรู้น้อยมาก จนทำให้คนที่ไม่รู้ต้องเสียเปรียบ ตกเป็นเบี้ยล่าง ยอมจำนนให้กับผู้ที่ผิดแต่รู้กฏหมายมากกว่าไปเป็นประจำ ดังนั้นผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้จึงเหมาะกับทุกคน เพราะทุกคนล้วนอยู่ภายใต้กฏหมายเหมือนกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น…จริงๆนะเพราะตัวกฏหมายก็บัญญัติไว้แบบนั้น แล้วกฏหมายเกี่ยวพันกับชีวิตแต่ละวันเรามากแค่ไหน ก็เอาว่าตั้งแต่เกิดแต่ยังไม่คลอดจากท้อง ก็มีกฏหมายคุ้มครองเด็กในท้องแล้วว่าห้ามทำแท้ง พอเกิดออกมาก็มีสิทธิ์รับมรดกตามกฏหมายได้ทันที ตอนเป็นเด็กก็มีกฏหมายคุ้มครองว่าห้ามใช้แรงงานเด็ก หรือผู้ปกครองพ่อแม่ก็ต้องเลี้ยงดูให้ดีตามฐานะที่พึงมี พอเริ่มใช้เงินเป็นก็เข้าสู่กฏหมายคุ้มครองผู้บริโภค พอเริ่มขับรถใช้ถนนเป็นก็เข้าสู่กฏหมายบนท้องถนนให้ทำตามกฏระเบียบอย่างเคร่งครัด พอเริ่มทำงานก็เข้าสู่กฏหมายแรงงานที่ให้ความเป็นธรรมทั้งลูกจ้างและนายจ้าง แม้แต่กระทั่งตายไปกฏหมายก็ยังไม่หยุดเกี่ยวกับชีวิตเรา…

ชีวิตผิดได้ หนุ่มเมืองจันทร์ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ ๒๘

เล่มล่าสุดจากงานหนังสือล่าสุดที่ผ่านมา(ปลายปี2560)ของคุณ หนุ่มเมืองจันทร์ นักเขียนชายที่ทำให้ผมตกหลุมรักในสำนวนลีลาการเขียนของแกซะเหลือเกิน ในชื่อเล่มว่า “ชีวิตผิดได้” เหมือนจะ “ไม่ได้” แต่ก็มีการขีดฆ่าทับจงใจให้ดูออกว่าชีวิตจริงมันผิดได้เว้ย ถ้าจะให้สรุปก็คงสรุปได้ไม่ยากเลยว่า เต็มไปด้วยเรื่องราวที่ “ผิด” และ “พลาด” จากคนเก่งทั้งดังและไม่ดังจากทั่วโลก ที่กว่าจะเก่งและดังได้อย่างทุกวันนี้ในจริงในชีวิตเค้าเต็มไปด้วยบทเรียนจากความผิดพลาดมากมาย และในโลกที่เราคุ้นเคยกับการ “ห้าม” การ “ผิด” ในแทบทุกเรื่องตั้งแต่เป็นเด็กเล็กจนเริ่มเข้าเรียน ตั้งแต่เลิกเรียนจนเข้าสู่วัยทำงาน เราถูกหล่อหลอมสั่งสอนเหลือเกินให้อย่าทำพลาด หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำผิด โดยหารู้ไม่ว่าเส้นทางสู่ความสำเร็จของคนที่ประสบความสำเร็จทั้งหลายนั้น เต็มไปด้วยบทเรียนจากความผิดพลาดที่ยากจะมีสอนจากที่ไหน เหมือนประโยคนึงที่ผมจำเนื้อหาได้ แต่กลับจำไม่ได้ว่าใครเป็นคนพูดว่า “คนที่ไม่เคยทำอะไรผิดพลาด คือคนที่ไม่เคยลงมือทำอะไรเลย” ถ้าใครรู้ว่าใครเป็นคนพูดช่วยกระซิบบอกผมทีผมอยากตามมาเติมเครดิตให้เจ้าของครับ…

THE 100 YEAR LIFE ชีวิตศตวรรษ

เมื่ออ่านจบก็พบว่า โอ้ ทำไมเราไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่สิบปีที่แล้วนะ และจะมีซักกี่คนนะที่ได้อ่านหรือตระหนักถึงในสิ่งที่หนังสือเล่มนี้พูดถึงแล้ว เรื่องที่เราส่วนใหญ่กำลังจะมีอายุยืนยาวกันถึง 100 ปี ฟังเผินๆฟังดูเป็นเรื่องดี แต่ถ้าใช้ชีวิตแบบผิวเผินแบบนี้ต่อไปนี่นรกบนดินแน่ ค่าเฉลี่ยของอายุคนไทยตอนนี้น่าจะอยู่ราวๆ 71-77 ปีครับ ฟังดูแบบนี้เราอาจเผลอคิดว่า “อ้อ นี่ชั้นจะมีอายุถึงประมาณนี่ก่อนจะตายซินะ” แต่ความจริงแล้วคุณคิดผิดครับ เพราะนี่คือค่าเฉลี่ยของปีนี้ครับ ไม่ใช่ปีที่คุณกำลังใกล้จะตาย เพราะกว่าถึงคุณจะอายุถึงเลข 7 นำหน้า ถ้าคุณอายุประมาณเดียวกับผม คือขึ้นต้นด้วยเลข 3 นั่นหมายความว่าคุณมีโอกาสที่จะอายุยืนยาวถึง 90 ปีขึ้นไปเลยล่ะครับ เพราะอะไรน่ะหรอครับ ก็เพราะว่าทุกๆสิบปีอายุคนเราจะยืนยาวขึ้นอีกสองปีเป็นอย่างน้อยครับ นั่นทำให้ถ้าเรายิ่งอายุน้อยในวันนี้เราก็จะยิ่งมีอายุที่ยืนยาวขึ้นในวันข้างหน้า…

Dutchland ดัชต์แลนด์ แดนมหัศจรรย์

Dutch หรือ ดัชต์ แวปแรกคนส่วนใหญ่คงนึกถึงประเทศฮอลแลนด์ เนเธอร์แลนด์ นี่แหละบางทีก็แอบงงๆว่าทำไมประเทศเดียวถึงมีสองชื่อได้นะ และก็คงหนีไม่พ้นที่จะนึกไปถึงกังหันลมแบบนมดัชต์มิลในบ้านเรา ตลาดประมูลดอกไม้สดที่โด่งดังระดับโลก หรือแม้แต่ทุ่งดอกทิวลิปที่โด่งดังก็ตาม แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงเรื่องส่วนน้อยที่คนส่วนใหญ่รู้จักเกี่ยวกับประเทศนี้หรือผู้คนชาวดัชต์ และหนังสือ Dutchland นี่เองที่จะมาเปิดโลกของชาวดัชต์ให้เราได้รู้จักเค้ามากขึ้น การประมูล คนส่วนใหญ่น่าจะรู้จักการประมูลดี มันคือการที่ให้คนที่สนใจค่อยๆเพิ่มค่าเพิ่มราคาขึ้นไปเรื่อยๆ จากน้อยสุดไปสู่มากสุด จนไม่มีใครให้มากกว่านี้ แล้วสินค้าที่ถูกประมูลนั้นก็จะกลายเป็นผู้ที่ให้ราคาคนสุดท้ายไป นี่คือการประมูลแบบอังกฤษ(English Auction)ในแบบที่เราชาวโลกคุ้นเคย แต่ยังมีการประมูลอีกแบบที่น้อยคนจะรู้จักและเป็นการประมูลแบบกลับหัวกลับหางกันแบบที่เราทุกคนคุ้นเคย นั่นคือการประมูลจากราคามากไปหาน้อย เหมือนเริ่มจาก 100 ไปสู่ 0 และระหว่างที่ผู้ควบคุมการประมูลขานราคาแบบลดลงไปเรื่อยๆ คนแรกที่ประมูลก็จะได้เป็นเจ้าของไปเลย ไม่ต้องแข่งกับใครเหมือนแบบแรก(แต่จริงๆก็แข่งนะ…

THE STRATEGIST คิดอย่างนักวางกลยุทธ์

โดย Cynthia A. Montgomery เป็นผู้สอนในหลักสูตรยอดนิยมของ Harvard Business School ที่มีชื่อว่า EOP ย่อมาจาก Entrepreneur, Owner และ President ผู้เรียนส่วนใหญ่เลยเป็นบรรดา CEO ผู้บริหารระดับสูง เจ้าของธุรกิจ หรือไม่ก็ทายาทที่กำลังจะมารับช่วงต่อ จากบริษัทระดับกลางที่มีรายได้หรือยอดขายต่อปีอยู่ที่หลักสิบล้านดอลลาร์ จนถึงพันล้านดอลลาร์ เราอาจจะคิดว่าคนเหล่านี้ต้องรู้จักและเข้าใจในเรื่องกลยุทธ์ หรือ strategy เป็นอย่างดีอยู่แล้วซิ ไม่งั้นจะสามารถพาบริษัทให้โตจนมียอดขายต่อปีหลายสิบจนถึงพันล้านดอลลาร์ได้หรอ แต่ในความเป็นจริงแล้วใช่ครับ เพราะผู้เขียนบอกว่าคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจถึงการคิดแบบนักวางกลยุทธ์อย่างแท้จริง และงานการวางกลยุทธ์ส่วนใหญ่ก็กลับเป็นของที่ปรึกษา…

จากศูนย์สู่ซาร่า From Zero to Zara

อามันซิโอ ออร์เตกา จากชายธรรมดากลายเป็นคนที่ร่ำรวยอันดับ 4 ของโลก ด้วยทรัพย์สินรวมกว่า 78.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (2017) ด้วยการขายเสื้อผ้าให้คนกว่าครึ่งโลกสวมใส่กัน เมื่อเทียบกับมหาเศรษฐีติดอันดับต้นๆของโลก อามันซิโอ ออร์เตกา คงดูไม่หวือหวาน่าสนใจนักสำหรับใครๆ เพราะเขาไม่ได้ร่ำรวยด้วยการทำธุรกิจเทคโนโลยีทันสมัย แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อเขาได้ติดอันดับบุคคลที่ร่ำรวย 10 อันดับแรกของโลก สปอร์ตไลท์จากความสนใจทั้งหลายก็กลับให้ความสนใจกับชายนิรนามผู้นี้อย่างมาก เหมือนจะบอกว่าอยู่ดีๆประเทศจากหมู่แฟโรอะไรก็ไม่รู้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกได้ก็ไม่ผิดนัก แล้ว Amancio Ortega ผู้นี้เป็นใคร? ทำไมเจ้าของแบรนด์ Zara ร้านขายเสื้อผ้าที่ดูไม่ได้หวือหวาหรูหราใดๆถึงได้ทำให้เขากลายเป็นคนที่รวยเป็นอันดับ 4…