เศรษฐศาสตร์ความจน Poor Economics

หนังสือเศรษฐศาสตร์ความจน หรือ Poor Economics ที่สนับสนุนการแปลโดยเงินติดล้อเล่มนี้ทำให้เข้าใจว่าเหตุใดคนจนถึงจนอย่างลึกซึ้งขึ้น เพราะผู้เขียนเข้าไปคลุกคลีใช้ชีวิตกับคนจนหลายทวีปทั่วโลกเป็นเวลานานนับสิบปี ทำให้เข้าถึงบริบทของความจนด้วยว่าเหตุใดทำไมถึงยังจน ทำไมถึงไม่สามารถหลุดพ้นกับดักความยากจนแล้วขยับขึ้นมาเป็นชนชั้นกลางได้ หนังสือเล่มนี้บอกว่าคนส่วนใหญ่เห็นใจคนจนกันทั้งนั้น แล้วเราต่างก็พยายามช่วยแก้ปัญหาความยากจนไม่ว่าจะผ่านโครงการกำจัดความจน เป็นศัตรูกับความจน หรือประกาศสงครามกับความจนต่างๆ นาๆ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ทำให้รู้ว่าถ้าเราแก้ปัญหาโดยไม่เข้าใจบริบทรอบข้างอย่างรอบด้าน และไม่เข้าใจต้นตอของความจนว่าทำไมโลกเราถึงยังมีคนจนอยู่มากมายนับพันล้านคน ทั้งๆ ที่โลกใบนี้ก็มีทรัพยากรเหลือมากมาย เรามีอาหารล้นเหลือที่ต้องทิ้งมหาศาล แล้วเหตุใดคนจนถึงยังไม่หายไปจากโลกนี้เสียที ดังนั้นถ้าเราพยายามแก้ปัญหาโดยไม่เข้าใจปัญหา ก็เท่ากับว่าเรากำลังแก้ปัญหาอย่างผิดจุด ทำให้แก้เท่าไหร่ความจนก็ไม่หายไป ดังนั้นต้องขอบคุณหนังสือเล่มนี้ที่ช่วยเปิดโลกความจนให้คนอย่างผมได้เข้าใจว่าทำไมคนเราถึงยังจนแต่กับบางคนกลับมีล้นเหลือเสียเหลือเกิน หนังสือเศรษฐศาสตร์ความจนเล่มนี้มี 10 บท ผมขอไล่เรียงสรุปทีละบทแบบสั้นๆ ไปให้คุณได้เข้าใจบริบทความจนไปพร้อมกันนะครับ 1. อย่าพูดถึงคนจนนับล้าน…

วัยรุ่น 4.0 No More Teens ทำความเข้าใจมนุษย์วัยรุ่น

หนังสือวัยรุ่น 4.0 No More Teens เล่มนี้ทำให้เข้าใจมนุษย์วัยรุ่นได้ดีจริงๆ ครับ เริ่มตั้งแต่บอกให้รู้ว่าวัยรุ่นนั้นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตามชีววิทยา เพราะในความเป็นจริงแล้ว วัยรุ่น ไม่มีอยู่จริง! เพราะไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดในโลกที่มีช่วงเวลาวัยรุ่นเหมือนมนุษย์อีกแล้ว ที่มนุษย์เรานั้นมีช่วงเวลาวัยรุ่นก็เพราะพวกผู้ใหญ่อายุเยอะ กลัวว่าช่วงเปลี่ยนผ่านจากเด็กไปผู้ใหญ่ ช่วงการเปลี่ยนจากเด็กมาเป็นผู้ใหญ่ตอนต้น จะทำให้สังคมหรือการใช้ชีวิตของพวกเขาวุ่นวายเกินไป พวกเขาเลยนิยามช่วงเวลาวัยรุ่นขึ้นมาเองเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นวัยรุ่นจึงเป็นกระบวนการทางสังคม หรือ Artificial Infantilization of Adolesence หรือจงใจทำให้คนเรารู้สึกว่ายังไม่พร้อมจะเป็นผู้ใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันก็เกินกว่าวัยเด็กที่จะไร้ความรับผิดชอบอีกต่อไป แต่ก่อนสังคมจะซับซ้อนขนาดนี้ พอพ้นวัยเด็กก็ก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบชีวิตทันที พร้อมมีลูกมีครอบครัวได้ในทันที ถ้าสังเกตดูจากประวัติศาสตร์จะพบว่าคนสมัยก่อนแต่งงานมีลูกกันตั้งแต่ 13-14…

Disneyland ทำอะไร ทำไมใครๆ ก็หลงรัก

หนังสือ Disneyland ทำอะไร ทำไมใครๆ ก็หลงรัก เล่มนี้กำลังกลายเป็นกระแสในหมู่นักอ่านไม่น้อย ผมคิดว่าส่วนหนึ่งด้วยชื่อแบรนด์ Disneyland ที่ใครๆ ก็รู้จัก เลยทำให้หลายคนที่ประทับใจอยากรู้นักว่าแบรนด์นี้มีดีอะไรทำไมใครๆ ก็หลงรักอย่างที่ชื่อหนังสือว่า ซึ่งเมื่ออ่านจบก็พบว่าเวทย์มนต์สำคัญที่ Disneyland มำให้ใครๆ ก็หลงรักคือความเข้าอกเข้าใจเกสต์ (คำเรียกแทนลูกค้าของที่นี่) ที่ Disneyland สอนให้แคสต์ (คำเรียกแทนพนักงาน) นั้นสูงมาก หรือจะเรียกแก่นของสิ่งนี้ว่า Empathy ก็ได้ครับ Externel Empathy ไม่ใช่แค่เข้าใจ แต่ต้องเข้าให้ถึงใจอีกฝ่าย เพราะที่…

HAPPY CITY เปลี่ยนโฉมชีวิตการออกแบบเมือง

ถ้าให้สรุปหนังสือ HAPPY CITY เปลี่ยนโฉมชีวิตการออกแบบเมือง เล่มนี้แบบสั้นๆ ก็คงบอกได้ว่าหลักใหญ่ใจความของเล่มนี้คือ เมืองที่มีความสุขคือเมืองที่ทำให้คนรู้สึกมีอิสระในการเข้าถึงทุกสิ่งที่ต้องการหรือจำเป็นในชีวิตประจำวันได้แบบง่ายๆ และที่ง่ายที่สุดของมนุษย์เราก็คือการเดิน ยิ่งเราสามารถเดินไปถึงสถานที่ๆ เราต้องการได้ง่ายมากเท่าไหร่ ชีวิตเราก็จะยิ่งมีความสุขเพราะความเรียบง่ายยิ่งกว่าการมีบ้านหลังใหญ่หรือรถคันโตมากเท่านั้น แต่ถ้าให้สรุปต่ออีกหน่อยให้ยาวขึ้นคือการที่เมืองๆ หนึ่งจะเป็นเมืองที่มีความสุขได้ ไม่ได้วัดจากแค่ความร่ำรวยของผู้คนที่อยู่อาศัยภายในเมือง แต่วัดจากการที่คนในเมืองสามารถเดินทางไปไหนมาไหนตามต้องการได้อย่างสะดวกสบายมากแค่ไหน เราสามารถเดินจากบ้านไปยังร้านอาหารที่เราชอบได้มั้ย เดินไปร้านขายของชำเพื่อซื้อของกินของใช้ที่ต้องการได้หรือเปล่า หรือเราสามารถเดินไปทำงานหรือปั่นจักรยานไปทำงานได้อย่างปลอดภัยมั้ย หรือเราสามารถได้พบปะผู้คนรอบตัว มีเพื่อนเป็นคนแปลกหน้า รู้จักกับเพื่อนบ้าน และสามารถสังสรรค์กับคนในละแวกบ้านได้บ้างหรือเปล่า ปัจจัยเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดนี้ทำให้เรามีความสุขโดยไม่จำเป็นต้องร่ำรวย เพราะเราสามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร มันเป็นเรื่องที่เกิดอยู่ในใจเราเอง แต่ความร่ำรวยนั้นแตกต่างไป เราจะรวยได้ก็ต่อเมื่อคนอื่นจน ดังนั้นต่อให้นักการเมืองพยายามทำให้เราทุกคนรวยขึ้น…

CONSENT เพศศึกษากติกาใหม่

สรุปหนังสือ Consent เพศศึกษากติกาใหม่ หนังสือเล่มนี้เพิ่งได้มาใหม่จากสัปดาห์งานหนังสือแห่งชาติออนไลน์เมื่อช่วงกักตัวอยู่บ้านหยุดเชื้อเพื่อชาติเมื่อปลายมีนาคมและต้นเมษายนที่ผ่านมา หนังสือเล่มนี้นึกว่าจะใหญ่และหนาในตอนแรก(เพราะไม่ได้อ่านรายละเอียดเรื่องขนาดและจำนวนหน้า) แต่พอได้มากลับพบว่าเล่มขนาดเล็กพอดีมือ หยิบติดไปอ่านด้วยที่ไหนก็ง่ายครับ ถ้าให้สรุปแบบสั้นๆ ผมว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นหนังสือสอนวิชาเพศศึกษาให้กับคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น และก็สอนให้ผู้ใหญ่แล้วเข้าใจด้วยว่าเรื่องเพศศึกษาในวันนี้มันต่างจากรุ่นเราอย่างไรในแง่ของบริบทบ้าง เรื่องหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBT หรือคำเรียกอื่นๆ ก็แล้วแต่ ต้องบอกว่าตอนที่ผมยังวัยรุ่นเราไม่เคยได้ยินคำนี้มาก่อน ไม่เคยได้ยินเรื่องความหลากหลายทางเพศ จะมีก็แต่ความเท่าเทียมทางเพศระหว่างชายกับหญิง ในตอนนั้นผู้ชายโดนสอนว่าแค่ให้เกียรติผู้หญิงมากๆ ด้วยซ้ำ แต่มาวันนี้บริบทของเรื่องเพศก็เปลี่ยนไปเพราะเราไม่ได้มีแค่ชายกับหญิง แต่ยังมีเพศทางเลือก และอื่นๆ ตามรสนิยมความชอบที่เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลที่เราต้องเคารพซึ่งกันและกัน แต่เนื้อหาเรื่องนี้ก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่หัวใจหลัก เพราะหัวใจหลักของหนังสือเล่มนี้คือพูดถึงเรื่องความยินยอมพร้อมใจที่ถูกต้องก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ในวัยรุ่นหนุ่มสาว ต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างใหม่ในบริบทของเพศศึกษาหรือเซ็กส์ เพราะแต่เดิมทีตอนเราเป็นเด็กหรือวัยรุ่นเรามักจะถูกสอนให้หลีเลี่ยงเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ แต่นั่นก็ทำให้เกิดปัญหามากมายตามมาเมื่อเราขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ถูกต้องทำให้คนจำนวนไม่น้อยมีแบบผิดๆ…

Global Change 6 วรากรณ์ สามโกเศศ

สรุปหนังสือ GLOBAL CHANGE เล่มที่ 6 ในฐานะที่ผมเป็นแฟนตัวยงของอาจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ ดังนั้นจึงไม่พลาดที่จะตามหนังสืออาจารย์ทุกเล่มเท่าที่หาอ่านได้แน่นอน หนังสือ GLOBAL CHANGE เล่มที่ 6 นี้ทำให้คุณได้รู้เท่าทันโลก ทันกระแส ทันเทรนด์ โดยเฉพาะประเด็นสำคัญที่ไม่ควรพลาด ในวันที่เต็มไปด้วยข่าวสารมากมายล้นหน้าจอการได้อ่านหนังสือ GLOBAL CHANGE เล่มนี้สำหรับผมก็เพียงพอที่จะเห็นภาพกว้าง เข้าใจภาพรวม พอจะเห็นทิศทางการเป็นไปของโลกในวันข้างหน้า บอกตรงๆ ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นอะไรที่สรุปยากมาก เพราะลำพังเนื้อหาในเล่มก็เหมือนสรุปแต่ประเด็นสำคัญๆ มาหมดแล้ว ดังนั้นผมขอเลือกหยิบบางส่วนในเล่มมาเล่าเพื่อเรียกน้ำย่อยให้คนที่ไม่เคยได้อ่านหนังสือชุด GLOBAL CHANGE…

The Little Book of Ikigai อิคิไก ความหมายของการมีชีวิตอยู่

ถ้าให้สรุปสั้นๆกับหนังสือ The Little Book of Ikigai เล่มนี้ผมก็สรุปได้ว่า การได้ทำคือรางวัลในตัวมันเอง เพราะภาพรวมของทั้งเล่มคือการบอกให้เราเข้าใจว่า แก่นของอิคิไกนั้นคือการที่บอกให้เรารู้ว่าอย่าคาดหวังรางวัลจากการกระทำนั้น เพราะนั่นคือบ่อเกิดของความทุกข์ทั้งปวง เหมือนกับหลายครั้งเรามักจะได้ยินคนพูดกันว่า ทำไปทำไม? หรือ ทำไปเพื่ออะไร? บอกให้รู้ว่ามนุษย์เรานั้นถูกขับเคลื่อนด้วยเป้าหมาย แต่อิคิไกคือให้เรากลายเป็นเป้าหมายของตัวเราเอง นั่นคือไม่ต้องทำไปเพื่ออะไร หรือทำไปทำไม ทำแล้วจะได้อะไรกลับมา เอาแค่ให้ได้ทำ และทำให้ดีที่สุด ทำอย่างมีความสุข แค่นี้ก็อิคิไกแล้ว นี่คือสรุปอย่างย่อที่ผมจะมอบให้หนังสือเล่มนี้ แต่สำหรับคนที่ยังพอมีเวลาอ่านสรุปกับผมต่ออีกหน่อย ไม่รีบไปไหน ผมก็มีสรุปหนังสือเล่มนี้แบบเต็มๆให้คุณได้อ่านกัน เอาเป็นแค่ต่อให้เขียนไปแล้วไม่มีใครอ่านก็ไม่เป็นไร เพราะแค่ผมได้เขียนให้ตัวเองได้อ่านอีกครั้งเมื่อ…

WHY WE POST ส่องวัฒนธรรมโซเชียลมีเดียผ่านมานุษยวิทยาดิจิทัล

Why We Post เล่มนี้แปลมาจากหนังสือ How the World Changed Social Media จากนักมานุษยวิทยาทั้ง 9 คนที่ลงพื้นที่จริงเพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้โซเชียลมีเดียของผู้คนจริงๆทั่วโลก และการลงพื้นที่เก็บข้อมูลของพวกเขาทั้ง 9 ก็ไม่ได้ไปแค่วันสองวัน หรือสัปดาห์สองสัปดาห์ แต่เป็นการลงไปขลุกอยู่กับผู้คนจริงๆ ชาวบ้านจริงๆ เป็นเวลานานกว่า 15 เดือนทีเดียวครับ ดังนั้นข้อมูลที่ได้มาเลยเป็นข้อมูลเชิงลึก ลึกขนาดว่าแลกโทรศัพท์กันดูเป็นประจำ ลึกถึงขั้นที่ว่าไปกินอยู่หลับนอนกับเขา ไปเข้าวัดไปงานแต่งงานของชาวบ้าน เรียกได้ว่าเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคนในสังคมนั้น ที่ต้องทำขนาดนี้ก็เพราะการที่นักมานุษยวิทยาจะได้ข้อมูลจริงๆมาก็คือการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของกลุ่มคนที่เขาต้องการสังเกตจริงๆครับ ถ้าให้สรุปสั้นๆผมก็สรุปได้ว่า Social…

Thailand only เรื่องแบบนี้ มีแต่ไทยๆ

Thailand only หรือ ไทยแลนด์โอลี้ ประโยคดังจากเดี่ยวไมโครโฟนของโน๊ตอุดมซักตอน ที่เป็นผู้จุดประโยคนี้ให้กลายเป็นประเด็นฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง แรกเริ่มเดิมทีความหมายของ ไทยแลนด์โอลี้ ไม่ได้หมายความในทางที่ดีซักเท่าไหร่ แต่ในเล่มนี้ก็ฉลาดเลือกหยิบคำไกล้ตัวเอามาตีความขยาย เพิ่มเรื่องราวดีๆที่เราคนไทยไม่เคยรู้ ไม่เคยคิด หรือแม้แต่ไม่เคยสนใจมาก่อนให้น่าสนใจได้ เช่น สมการสีประจำวัน 7 วัน 7 สีที่เราท่องจำกันแต่เด็กที่ว่า หนึ่งวันอาทิตย์สีแดง สองวันจันทร์สีเหลือง บลาๆๆ นั้นคนไทยเอามาจากแขก(อินเดีย) แต่ละสีของแต่ละวันนั้นคือสีกายของ 7 เทพเจ้าอินเดียที่พระอิศวรสร้างขึ้น หาใช่ของไทยแท้ๆเดิมๆ ขนมไทยอย่าง ทองหยิบ ทองหยอด…

ไทยๆในโลกล้วนอนิจจัง

เป็นหนังสือที่รวบรวมความเชื่อไทยๆที่เข้าใจผิดกันมานาน แถมหลงคิดกันไปเองว่าเป็นของ "ไทย" แท้จริงแล้วกลับไม่ใช่ บ้างก็หยิบของเค้ามาใช้ บ้างก็ยืมของเค้ามาลอก บ้างก็เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ แล้วก็ใส่ป้ายความเป็นไทยลงไปหลอกไทยด้วยกันว่า นี่แหละคือความเป็นไทยแท้ หรือไทยเดิมๆแต่โบร่ำโบราณ ไทยๆในโลกล้วนอนิจจัง เขียนโดย ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ หนึ่งในนักเขียนของ the matter ที่เล่าประวัติศาสตร์ที่นอกจากจะแค่ไม่หลับเหมือนตอนเรียน สปช. (ใครทันเรียน สปช. บ้างนะ) แต่ยังสนุกเหมือนดูช่อง 9 การ์ตูนตอนเช้าวันเสาร์ยังไงยังงั้น ขอสรุปสั้นๆย่อๆในบางหัวข้อเพื่อกระตุ้นความจำตัวเองให้เก็บลงในสมองได้ลึกขึ้นแล้วกัน เริ่มด้วยเรื่องแรกของเล่มกับ.."ยิ้มสยาม" คือยิ้มให้ใคร แล้ว "สวัสดี"…