งานศพ ยุคแรกอุษาคเนย์

สรุปหนังสือ งานศพ ยุคแรกอุษาคเนย์ ที่เขียนโดย สุจิตต์ วงษ์เทศ เล่มนี้ เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ในเรื่องของ “งานศพ” ที่เกิดขึ้นในบ้านเราและแถบเพื่อนบ้านเราตั้งแต่อดีตกาลจนถึงเกือบปัจจุบัน อ่านแล้วจะเห็นว่างานศพยุคก่อนนั้นต่างกับยุคนี้สิ้นเชิง บ้างก็ต้องจัดความรื่นเริ่งขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนรีบมีเพศสัมพันธ์กัน เพื่อให้รีบมีสมาชิกมาทดแทนคนเดิมที่ตายไปให้เร็วที่สุด ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วยังสนใจ รู้สึกสนุกที่จะหาความสุขจากประวัติศาสตร์งานศพ เชิญอ่านสรุปหนังสือเล่มนี้ต่อได้เลยครับ งานศพ ที่ครั้งนึงเราต้องเป็นเจ้าภาพอย่างหนีไม่ได้ และอีกหลายครั้งในชีวิตที่เราต้องไปร่วมงานศพอย่างเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะคนในครอบครัว หรือคนใกล้ตัวอันเป็นที่รัก ล้วนก็ต้องมีงานศพเป็นของตัวเองครั้งหนึ่ง และครั้งเดียวในชีวิต แต่รู้มั้ยว่า งานศพ เองก็มีที่มาที่ไปที่น่าสนใจและยาวนานให้เราได้เรียนรู้ หรือน่ารู้ไว้ก่อนตายเหมือนกัน เริ่มจากกว่า 5,000 ปีก่อน…

วัฒนธรรมร่วมอุษาคเนย์ในอาเซียน

ไทยแท้ไม่มีอยู่จริง นี่คือความรู้สึกหลังอ่านหนังสือเล่มนี้จบ ทำให้รู้ว่าไอ้ความเป็น “ไทยแท้ๆ” ที่เราหวงกันนักหนา ไม่ว่าจะ อาหารไทย มวยไทย ลายเส้นไทย การไหว้แบบไทย สงกรานต์ไทย หรือแม้แต่ภาษาไทยแท้จริงแล้วก็ไม่ใช่ของที่กำเนิดมาจาก “ไทย” เลยซักอย่าง แต่กลับเป็นของส่วนร่วม ตามชื่อหนังสือที่บอกว่า “วัฒนธรรมร่วม” นั่นเอง ไทย หรือ คนไทย นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของอาเซียนที่เอาเข้าจริงแล้วก็แยกแทบไม่ออก ถ้าถอดเสื้อผ้า ให้ดูแต่หน้าไม่ต้องพูดซักคำ ก็ยากที่จะแยกออกว่าหน้าแบบนี้คือไทย หน้าแบบนี้คือลาว หน้าแบบนี้คือพม่า เขมร หรือแม้แต่ทางใต้มาเลเซีย ฟิลิบปินส์…

เซ็กซ์ดึกดำบรรพ์ของบรรพชนไทย

อาจจะเป็นหนังสือที่ดูแปลกในสายตาของคนอื่น โดยเฉพาะคนไกล้ตัวที่สงสัยว่าทำไมผมถึงซื้อเล่มนี้มาอ่าน ก็แหม จะไม่ให้สงสัยได้ยังไงล่ะครับ กิน ขี้ ปี้ นอน มันเป็นเรื่องสามัญในชีวิตประจำวันเราทุกคน (แต่บางเรื่องก็คงทำกันไม่ได้ทุกวันหรอกเนอะ..มั้ง) ผมก็เลยอยากรู้ว่าในสมัยก่อนหรือสมัยโบราณนั้น เรื่องเซ็กซ์(แปลกดีใช้ ซ์ แทน ส์ อย่างที่คุ้นเคยกัน)ของเค้าเป็นอย่างไร และต่างกับคนสมัยนี้มากน้อยแค่ไหน พออ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ถึงกับตาสว่างและน่าประหลาดใจกว่าที่คิดไว้เยอะเลย เพราะเรื่องเซ็กซ์ในสมัยก่อนย้อนหลังไปเป็นร้อยเป็นพันปีได้นั้น กลับเป็นเรื่องธรรมดาสามัญออกจะสาธารณะนิดๆกว่าที่คิดเอาไว้ด้วย เช่น การอยู่กินหรือมีเซ็กซ์กันก่อนแต่งในสมัยโบราณนั้นถือเป็นเรื่องปกติ ผิดกับค่านิยมหรือจารีตของคนสมัยนี้เลยและผู้ชายก็ต้องกลายไปเป็นบ่าวรับใช้ของบ้านฝ่ายหญิง เลยเป็นที่มาขอคำว่า “เจ้าบ่าว” ฝ่ายชายได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานไปเยี่ยงบ่าวรับใช้ จนกว่าพ่อแม่คนในครอบครัวฝ่ายหญิงจะพอใจยอมยกลูกสาวให้เป็นเมีย เรื่องที่ว่านี้ถึงขนาดเป็นกฏหมายในช่วงต้นอยุธยาเมื่อกว่า 500 ปีก่อนมาแล้ว…