WAKE ME UP WHEN NOW ENDS ลืมตาในอนาคต

ชื่อหนังสืออาจฟังดูย้อนแย้ง แต่เนื้อหาในเล่มนั้นเข้าใจง่ายกว่านั้นเยอะ เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยบทความเกี่ยวกับ เทคโนโลยี ที่ฟังดูเหมือนล้ำยุคหลุดมาจากหนัง Sci-fi แต่ในความเป็นจริงมันเกิดขึ้นแล้ววันนี้ ในโลกของเรา แค่มันยังมาไม่ถึงเราโดยตรง ไม่ได้หมายความว่ามันยังไม่เกิดขึ้นจริง ถ้าคนที่มาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม ที่พอคุ้นกับหนังเรื่อง Minority Report หนังตำรวจล้ำยุคที่สามารถรู้ได้ว่าใครกำลังจะก่อคดีหรืออาชญากรรม แล้วสามารถจับกุมได้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง ดูล้ำเหลือเชื่อเหมือนจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ เมื่อหลายสิบปีก่อนจนถึงตอนนี้ แต่ในวันนี้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นมานานนับสิบปีแล้วด้วย กรมตำรวจในบางรัฐในอเมริกามีโปรแกรมที่สามารถคาดเดาได้ว่าพื้นที่ไหนน่าจะเกิดอาชญากรรมขึ้น แล้วก็ส่งตำรวจเข้าไปดูแลพื้นที่นั้นทันที จนสามารถทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมลดต่ำลงอย่างมาก เห็นมั้ยครับว่าอนาคตที่ว่านั้นไม่ได้ไกลจากวันนี้เลย หลายๆเรื่องที่เราคิดว่าเป็นเรื่องในอนาคตนั้นปรากฏขึ้นมากมาย แค่มันยังไม่ได้อยู่ไกล้ตัวหรือให้เรารู้เท่านั้นเอง งั้นผมขอหยิบสองสามเรื่องในเล่มที่ผมเห็นว่าน่าสนใจเอามาเล่าแบบสรุปสู่กันฟัง เพื่อว่าคุณอยากจะไปหาซื้อมาอ่านเต็มๆดูเพื่อรู้จักอนาคตในปัจจุบันให้มากขึ้น Majority Illusion…

ฟิสิกส์หรรษา ชุด เรื่องลึกลับธรรมดา

ฟิสิกส์ที่เคยเป็นเรื่องยาก(สมัยเรียนมัธยมปลายผมตกติดศูนย์ตลอดเลยครับ) กลับกลายเป็นเรื่องง่ายด้วยเรื่องราวไกล้ตัว ตั้งแต่ 1 วินาทีที่เราคุ้นเคย ในแง่ฟิสิกส์มันคือช่วงเวลา 9,192,631,770 รอบจากการแกว่งของรังสีที่แผ่ออกมาจากอะตอมซีเซียม-133 ในสถานะพื้นขณะเกิดการเปลี่ยนสถานะระหว่าง 2 ระดับพลังงานไฮเปอร์ไฟน์ ไปจนถึง 1 เมตร คืออะไร และ 1 กิโลกรัมจริงๆแล้วคืออะไร ไปจนถึงเรื่องสุดหลุดจินตนาการอย่าง เราสามารถสร้างปืนใหญ่ที่ยิ่งได้แรงพอจนลูกปืนนั้นสามารถวนรอบโลกกลับมาที่จุดที่ยิงมันออกไปได้มั้ย และเจ้าของคำถามหลุดจินตนาการจนฟังดูเพ้อเจ้อนี้ก็คือ เซอร์ ไอแซก นิวตัน อัจฉริยะที่เราทุกคนคุ้นกันดีนี่เอง ถ้าถามว่าคนทำงานโฆษณาการตลาดอย่างผมอ่านหนังสืออย่างนี้ไปจะเอาไปใช้อะไรได้ พี่จิก ประภาส ชลศรานนท์เคยกล่าวไว้ว่า ความคิดสร้างสรรค์เหมือนการตีหินให้เกิดประกายไฟ…

บันทึกการเดินทางในโลกกาแฟ

ในฐานะคนที่กินกาแฟเข้าปากอยู่ทุกวัน แต่กับเรื่องกาแฟนั้นกลับไม่ค่อยมีความรู้อะไรเลย หนังสือเล่มนี้เลยเหมือนเติมคาเฟอีนเรื่องกาแฟให้สมองผม เผื่อคราวหน้าที่มีใครถามเรื่องกาแฟจะได้พอมีอะไรไปโม้เขาได้บ้าง ที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้เลยว่า กาแฟชั้นเยี่ยมที่อิตาลีนั้น เมล็ดส่วนใหญ่กลับมาจากอินเดีย อินเดียเป็นหนึ่งในชาติที่ส่งออกเมล็ดกาแฟเป็นลำดับต้นๆของโลก โดยเฉพาะส่งออกไปยังอิตาลี ดินแดนต้นตำรับเอสเพรสโซ่ของโลก ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร้านกาแฟที่อิตาลีนั้น ถ้ายืนกินที่บาร์จะถูกกว่านั่งกินที่โต๊ะถึงเกือบเท่าตัว และที่นั่นมีร้านกาแฟเก่าแก่ที่เปิดมากว่า 200 ปี ที่ชื่อ Cova Pasticceria ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1817 รู้แบบนี้อยากลองบินไปดื่มซักช็อตเลยครับ แต่ก็ยังไม่สุดเพราะมีร้านกาแฟที่น่าจะเก่าแก่ที่สุดในโลกอยู่ที่เมืองเวนิส ที่มีอายุเกือบ 300 ปี ชื่อ Caffe Florian ที่เปิดมาตั้งแต่ปี 1720…

ผัวเดียวเมียเดียว

“ผัวเดียวเมียเดียว” คงไม่มีใครว่าแปลกในทุกวันนี้ แต่ถ้าย้อนหลังกลับไปไม่ถึงร้อยปีเชื่อหรือไม่ว่าเป็นเรื่องแปลกที่ไม่มีใครยอมรับ และก็ไม่มีกฏหมายรองรับด้วย แต่เดิมทีสังคมไทยเป็นสังคมแบบ “ผัวเดียวหลายเมีย” มาแต่ครั้งโบราณกาล จนเพิ่งมาเปลี่ยนแนวคิด แนวปฏิบัติ จนออกมาเป็นกฏหมายรองรับ “ผัวเดียวเมียเดียว” ก็ในช่วงทศวรรษ 2480 เมื่อ 70กว่าปีก่อนเท่านั้นเอง แล้วทำไมต้องกลายมาเป็นผัวเดียวเมียเดียวด้วยล่ะ? ก็เพราะว่า “สยาม” หรือชาติไทยในยุคล่าอาณานิคมนั้น ที่เพื่อนบ้านล้วนตกเป็นของชาติตะวันตกทั้งนั้น ไม่ว่าจะพม่า มลายู กลายเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ หรือลาว กัมพูชา เวียดนาม กลายเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส พี่ไทยก็เลยเหลือตัวลีบๆแบบๆที่แม้จะบอกว่าเราไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นของใคร แต่ในความเป็นจริงแล้วเราตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่า “กึ่งอาณานิคม”…

Biz View 361º กระตุกต่อมคิด มองธุรกิจมุมใหม่

“มุมใหม่” คำง่ายๆแต่น้อยคนนักจะทำได้ เพราะคนเราส่วนใหญ่มักจะติดมุมมองเดิมจากความเคยชิน ความเคยชินทำให้เราใช้สมองกับสิ่งนั้นลดลงโดยธรรมชาติ ซึ่งก็ไม่ผิดแปลกอะไร เพราะนั่นเป็นพันธุกรรมของมนุษย์เราที่ถูกโปรแกรมมาโดย DNA แล้วว่าพยายามเซฟพลังงานให้มากที่สุด โดยเฉพาะพลังงานทางความคิดที่ต้องใช้สมอง เพราะใครจะเชื่อว่าสมองที่หนักแค่ 1.2 กิโลนิดๆ กลับใช้พลังงานมากถึง 20% แต่ก็ยังมีกลุ่มคนจำนวนน้อยที่สามารถข้ามขีดจำกัดนั้นไปได้ ด้วยการใช้สมองให้มากกว่าคนทั่วไป พยายามคิดหา “มุมใหม่” ใน “สิ่งเดิม” จนเจอโอกาสมากมายที่มีแต่คนมองข้ามทั้งๆที่มองเห็นอยู่ตรงหน้า จนทำให้คนเหล่านั้นกลายเป็นผู้ที่ “ประสบความสำเร็จ” ทั้งหลายแหล่ที่เราเห็นตามหน้าข่าวทีวี หนังสือพิมพ์ หรือบนหน้าฟีดเฟซบุ๊คของเราด้วยซ้ำไป ฟังแบบนี้อาจจะดูท้อ แต่ความจริงแล้วการพยายามหา “มุมมองใหม่” เป็นเรื่องที่สร้างและฝึกฝนได้…

Youtility การตลาดที่ดีเริ่มต้นที่การให้

สรุปอย่างย่อ ผมว่าหนังสือเล่มนี้เป็นส่วนผสมของ Content Marketing, Realtime Marketing, Social Media และ Digital Value Transformation ใจความหลักคือการทำยังไงให้เป็นประโยชน์กับคนบนออนไลน์ ทำไมต้องคนบนออนไลน์ เพราะในวันนี้แทบไม่มีใครไม่ออนไลน์ คนไทยกว่า 50 ล้านคนใช้เฟซบุ๊ก ผมว่าอีก 20 ล้านที่ไม่ใช่น่าจะเป็นเด็กน้อยเกินกว่าจะมี Account หรือไม่ก็คนเฒ่าคนแก่มากๆอย่างยายผมที่อายุ 9x ปีแล้วและตาเป็นต้อจนมองทีวีแยกไม่ออกไหนพี่เบิร์ด ไหนลุงตู่ ดังนั้นการตลาดในวันนี้หัวใจสำคัญคือการทำยังไงที่จะช่วยเหลือคนบนออนไลน์ด้วยความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญที่ตัวเองมี ดังนั้นการตลาดในวันนี้ไม่ใช่การเที่ยวตะโกนให้คนเข้ามาซื้อ แต่คอยฟังเสียงกระซิบเล็กๆของคนมากมายที่มีปัญหา…

สาวไส้แบรนด์ดัง มาสร้างแบรนด์ให้โดน

เต็มไปด้วยเรื่องราวของแบรนด์ดังทั้งไกล้ตัว(ในประเทศ)และไกลตัว(แบรนด์อินเตอร์)มากมาย ตั้งแต่แม่กิมไล้ของฝากยอดนิยมเวลาเมืองเพชรบุรี ไปยันแบรนด์โซนี่อดีตยักษ์ใหญ่ระดับโลก ให้ได้รู้ในเรื่องที่ไม่เคยรู้ หรือเจาะให้ลึกในเรื่องที่พอรู้อยู่แล้ว เป็นหนังสือที่อ่านสนุกเข้าใจง่าย เอาจริงๆใช้เวลาแค่ 2 ชั่วโมงก็จบแล้ว ถ้าถามว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร ผมว่าเหมาะกับทุกคนที่สนใจอ่านเอาประดับความรู้รอบตัว โดยเฉพาะนักการตลาดหรือคนทำโฆษณาที่อาจจะแนะนำให้หามาอ่านเป็นพิเศษหน่อย แล้วคุณจะได้มุมมองใหม่ๆในการวางแผนกลยุทธ์หรือการทำการตลาดมากขึ้น ผมขอหยิบบางบทบางตอนที่เห็นว่าน่าสนใจ เอามาเล่าเป็นน้ำจิ้มเรียกน้ำย่อยให้คุณไปหาซื้ออ่านก็แล้วกันนะครับ ว่าด้วยเรื่องของแบรนด์ที่ดี แบรนด์ที่ดีสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้มากกว่าแบรนด์อื่นซึ่งขายสินค้าประเภทเดียวกัน เคสตัวอย่างคือ เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว บริษัทฮิตาชิของญี่ปุ่นกับบริษัทจีอีของอเมริกา ร่วมกันลงทุนสร้างโรงงานผลิตโทรทัศน์ในประเทศอังกฤษ พอผลิตออกมาแล้วแต่ละฝ่ายก็เอายี่ห้อของตัวเองมาติด ตั้งราคาได้เองตามใจชอบ ทำไปทำมาปรากฏว่า โทรทัศน์ซึ่งติดยี่ห้อฮิตาชิตั้งราคาได้สูงกว่าจีอีถึง 75 ดอลลาร์ แถมยังขายได้มากกว่าสองเท่าแสดงว่าแบรนด์ฮิตาชิมีภาษีดีกว่าจีอีอยู่หลายขุม…

ปั่นฟรีคิกพลิกไอเดีย

ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนเอาเรื่องราวของธุรกิจและการตลาด ไปเปรียบเทียบกับฟุตบอลได้อย่างหมดจดได้อย่างหนังสือเล่มนี้ ถ้าคุณเป็นคนที่พอรู้เรื่องบอลบ้าง คุณก็จะเข้าใจเรื่องราวการตลาดและมุมมองของธุรกิจได้ง่ายขึ้น เพราะผู้เขียนๆเปรียบเทียบการตลาดกับฟุตบอล ตั้งแต่การเลือกนักเตะ แผนการเล่น ไปยันการปั่นฟรีคิก ให้กลายเป็นเรื่องการตลาดได้อย่างไม่น่าเชื่อ หรือถ้าคุณไม่รู้จักโลกของฟุตบอลเท่าไหร่นัก แต่คุณพอรู้เรื่องการตลาดหรือธุรกิจอยู่บ้าง หนังสือเล่มนี้ก็จะช่วยคุณเปิดมุมมองใหม่ให้รู้จักโลกของฟุตบอลด้วยมุมมองการตลาดและธุรกิจได้อย่างน่าสนุก เผื่อเวลาที่คุณต้องไปคุยธุรกิจกับคนที่ชอบฟุตบอล คุณก็จะต่อติดกับเค้าได้ง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ผมขอหยิบบางตอนบางหน้า ที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังพอกระตุ้นความอยากซื้อหนังสือเล่มนี้ซักหน่อยแล้วกันครับ ขนาดสนาม เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมการแข่งฟุตบอลถึงต้องมีฝ่ายละ 11 คน มีฝ่ายละ 20 คนไม่ได้หรอ หรือเหลือแค่ฝ่ายละ 7 คนไม่ได้หรอ คำตอบก็คือได้ครับ แต่ตัวแปรที่ทำให้ต้องมีฝ่ายละ 11 คนในการแข่งแบบปกติก็คือ…

KEYNES เคนส์

ถ้าใครที่ชอบอ่านแนวเศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การเมือง น่าจะคุ้นกับชื่อนี้ดี ผมเองก็คุ้นชื่อ เคนส์ มานานพอสมควรเวลาอ่านหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจทีไร ก็ต้องเจอชื่อ เคนส์ คนนี้เป็นประจำ รู้แต่เพียงคร่าวๆว่า เคนส์ เป็นผู้สร้างแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่สำคัญเอาไว้ให้รัฐบาลหลายประเทศในโลกใช้เป็นแนวทางอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะรัฐบาลอังกฤษ กับ อเมริกา เป็นหนังสือที่น่าจะเหมาะกับคนที่กำลังเรียนทางด้านเศรษฐศาสตร์ หรืออยู่ในแวดวงนี้มากกว่าคนทั่วไป เพราะอาจจะทำให้ไม่ค่อยสนุกหรือไม่เข้าใจจากความรู้พื้นฐานที่มีไม่เท่ากับคนที่ร่ำเรียนมา ที่พูดแบบนี้เพราะสารภาพตรงๆว่าอ่านจบแล้วผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรืออินซักเท่าไหร่นัก แต่พอจับประเด็นที่น่าสนใจบางอย่างมาเล่าสู่กันฟังได้บ้าง เช่น คำว่า “การว่างงาน” หรือ unemployment เพิ่งปรากฏใน Oxford…

THE DISRUPTOR

สรุป The Disruptor อย่างย่อ นี่คือหนังสือที่เต็มไปด้วยเรื่องราวดีๆกว่า 50 ตอนสั้นๆ ขนาดตอนละไม่เกิน 10 หน้า ที่สามารถเอาติดตัวไว้อ่านระหว่างเดินทางไปไหนมาไหน หรือแม้จะตอนที่กำลังขึ้นลิฟต์ รอกาแฟ หรือแม้แต่จะเข้าส้วมก็ยังได้ แล้วถึงแม้แต่ละตอนจะสั้นๆแต่สาระที่ได้นั้นกลับไม่ได้น้อยเหมือนอย่างจำนวนหน้าเลย เพราะหลายเรื่องเป็นประสบการณ์ตรงของคุณรวิศ หาญอุตสาหะ CEO เครื่องสำอางศรีจันทร์ (ที่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพิ่งรีแบรนด์ใหม่ทำเอาไม่น้อยหน้าแบรนด์ฝรั่งใดๆเลยด้วยซ้ำ) จากการบริหารธุรกิจของตัวเองที่เอามาถ่ายทอดให้เราได้เรียนรู้โดยที่เราไม่ต้องเจ็บตัวแบบเค้า หรือบางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ผมเคยอ่านเจอมาแล้ว แต่คุณรวิศก็ได้ให้มุมมองใหม่ที่ผมคาดไม่ถึงมาก่อน ทำให้ผมได้ขยายมุมมองและความรู้เดิมที่เคยมีในเรื่องเก่าให้กลายเป็นเรื่องใหม่ในแบบที่นึกไม่ถึง และอีกหลายเรื่องที่ผมไม่เคยรู้หรืออ่านเจอมาก่อน แต่คุณรวิศน่าจะเป็นนักสะสมข้อมูลตัวยง เห็นท้ายเล่มบอกว่าสะสมหนังสือไว้กว่า 5,000 เล่ม (โอเคตอนนี้ผมยอมแพ้ครับ…