สรุปหนังสือ 52 วิธีตัดสินใจให้ไม่พลาด The Art of Thinking Clearly 2

สรุปหนังสือ 52 วิธีตัดสินใจให้ไม่พลาด หรือ The Are of Thinking Clearly 2 เล่มนี้อ่านจบมาจะเดือนเพิ่งจะได้มีเวลาหยิบขึ้นมาสรุปให้เพื่อนๆ ในอ่านแล้วเล่าได้อ่านต่อ ก่อนจะสรุปหนังสือเล่มนี้ให้ฟังก็ต้องบอกเลยว่า นี่เป็นหนังสืออีกเล่มที่ดีมาก ช่วยเปิดโลกไอเดียให้กว้างขึ้น บวกกับยังเป็นคู่มือในการใช้เป็น Reference ชั้นดีเวลาจะทำแคมเปญการตลาด เพราะบางเรื่องอาจเป็นสิ่งที่เราคิดอยู่แล้วแต่ไม่เคยมีข้อมูลใดมาซัพพอร์ท ดังนั้นใครที่เป็นนักการตลาด คนทำธุรกิจ หรือคนโฆษณา ผมแนะนำเต็มที่ว่าคุณควรอ่านหนังสือเล่มนี้และมีติดไว้ทั้งที่บ้านกับที่โต๊ะทำงาน เพราะถ้าคิดไอเดียไม่ออกหนังสือ 52 วิธีตัดสินใจให้ไม่พลาด The Are of Thinking…

ATOMIC HABITS เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็น

หนังสือ Atomic Habits เพราะชีวิตดีได้กว่าที่เป็นเล่มนี้ถ้าให้สรุปสั้นๆ ก็ว่าด้วยศาสตร์แห่งการสร้างและปรับเปลี่ยนนิสัยใหม่ เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการ โดยบอกให้โฟกัสที่การกระทำระหว่างทางมากกว่าผลลัพธ์ เพราะถ้าเรามัวแต่โฟกัสที่ผลลัพธ์ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่เห็นผลทันทีที่ลงมือทำ ก็เลยจะทำให้เราถอดใจไวเกินไป ดังนั้นถ้าใครมีเป้าหมายใหญ่ใดในชีวิตให้คงเป้านั้นไว้แล้วมาโฟกัสที่การกระทำในแต่ละวันแทน ถ้าพูดในภาษานักการตลาดก็คือเรา Set goal ไว้ได้ แต่ต้องหันมาโฟกัสที่ Strategy หรือกลยุทธ์ว่าอะไรคือสิ่งที่เราต้องทำเพื่อไปให้ถึงปลายทางฝันที่ตั้งใจครับ และกลวิธีหรือ Tactics ของหนังสือ Atomic Habits เล่มนี้ก็จะพูดถึงการทำให้ดีขึ้นแค่วันละ 1% เท่านั้นพอ ไม่ต้องทำให้ดีขึ้นมากแบบก้าวกระโดดเพราะมันมักจะยากจนเราถอดใจ แต่เอาแค่ดีขึ้นวันละนิด วันละ 1% จากเมื่อวานเท่านั้นครับ…

ทุกพฤติกรรมมีความเสี่ยง โปรดอย่าลำเอียงก่อนตัดสินใจ

สรุปหนังสือ A Guide to Behaving Better หรือ ทุกพฤติกรรมมีความเสี่ยง โปรดอย่าลำเอียงก่อนตัดสินใจ เล่มนี้ เป็นหนังสือที่เล่าเรื่อง Behavioral Economics หรือเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมได้เข้าใจง่าย ที่มีส่วนผสมของจิตวิทยา หรือ Psychology เข้ามาผสม ในรูปแบบทความสั้นๆไม่กี่หน้าก็อ่านจบ ดังนั้นถ้าใครกำลังมองหาซักเล่มเพื่อจะเริ่มเรียนรู้เรื่องนี้ หนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งเล่มที่ผมกล้าแนะนำครับ และขนาดผมเองอ่านหนังสือแนวนี้มาไม่น้อย แต่ยังได้พบกับเนื้อหาใหม่ๆที่ยังไม่เคยอ่านเจอที่ไหนมาก่อนในเล่มนี้ไม่น้อยเหมือนกัน อย่างเรื่อง ทำไมข่าวเทียมถึงฆ่าไม่ตาย ปัญหา Fake News ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่คนรุ่นใหม่ทั่วโลกให้ความสนใจ แต่ปัญหาเรื่อง…

How Happiness Works ความสุขทำงานอย่างไร

จากนักเศรษฐศาสตร์ด้วยความสุขและพฤติกรรม ที่มีดีกรีระดับปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ ที่ปัจจุบันเป็นถึงศาสตราจารย์ทางด้านวิทยาศาสตร์พฤติกรรมไปแล้ว ณัฐวุฒิ เผ่าทวี คนนี้เขียนบอกเล่าเรื่องราวของ ความสุข พฤติกรรม และ เศรษฐศาสตร์ เอาไว้ให้อ่านเข้าใจง่าย แถมยังสนุกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงินไม่ใช่ความสุข เค้าเล่าว่าจากงานวิจัยร่วมของ Daniel Kahneman (เจ้าของรางวัลโนเบลด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ที่เขียนหนังสือชื่อดังแต่ยังไม่มีแปลไทยอย่าง think fast and slow) พบว่า คนที่มีเงินเยอะแทนที่จะใช้เวลาพักผ่อนหาความสุข กลับเป็นว่าพวกเขาใช้เวลาทำงานมากกว่าคนที่มีเงินน้อยกว่า และผลก็คือความเครียดที่มากกว่าที่เรามักชอบคิดว่า คนรวยมักจะมีความสุขนั่นเองครับ แต่ถ้าไม่มีเงินเลยนั่นก็ทุกข์อีกเรื่องเลยนะครับฉะนั้นทำงานหาเงินให้พอดี แล้วก็ใช้เวลาหาความสุขให้ตัวเองบ้างนะครับ…

Unthink หลอกสมองให้ไม่ต้องคิด

เป็นหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาและพฤติกรรมของคน ที่เอาไปประยุกต์ใช้กับการตลาดและชีวิตประจำวันได้หลายเรื่อง ถ้าใครที่ชอบอ่านแนวเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม จิตวิทยา หรือจิตวิทยาสังคม แล้วอยากรู้ให้ลึกขึ้นอีกระดับ ผมแนะนำเล่มนี้ เนื้อหาโดยสรุปคือ…เรามักคิดว่าเราใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา และมีสติในการเลือกหรือตัดสินใจแทบทุกเรื่องในชีวิต แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย เราแทบไม่ได้คิดก่อนจะเลือกเสมอไปอย่างที่เราชอบคิด แต่เราจะคิดเมื่อเลือกไปแล้ว คิดให้เหตุผลหลังเลือก ไม่ใช่เลือกอย่างมีเหตุผล จากการทดลองในเล่มที่น่าสนใจหลายเรื่อง แต่ขอหยิบบางเรื่องที่เห็นว่าน่าสนใจจริงๆมาสรุปให้ฟังก็แล้วกันครับ เราไม่ได้หัวใจเต้นแรงเพราะตกหลุมรักใครบางคนเสมอไป แต่บางครั้งเราตกหลุมรักใครบางคนตรงหน้าเพราะหัวใจเรากำลังเต้นแรงอยู่ จากการทดลองที่ให้ผู้ชายหญิงเดินข้ามสะพานสูงที่เชื่อมระหว่างสองผา พบว่าชายหรือหญิงที่เดินข้ามสะพานที่น่าหวาดเสียวนี้มา รู้สึกว่าตัวเองประทับใจฝ่ายตรงข้ามที่รออยู่ปลายสะพานมากกว่าผู้ทดลองอีกกลุ่ม ที่ให้เดินข้ามทางธรรมดาปกติที่ไม่ได้หวาดเสียวไปกระตุ้นการเต้นของหัวใจแต่อย่างไร ผลคือชายหญิงที่เดินข้ามสะพานสูงที่น่าหวาดเสียวมีอาการทางร่างกายคล้ายกับการตกหลุมรักใครบางคนจนหัวใจเต้นแรง เลยทำให้ปิ๊งกับคนปลายทางจนมีการขอเบอร์ติดต่อกันหลังจากนั้นมากกว่ากลุ่มที่เดินข้ามทางปกติไม่หวาดเสียวกระตุ้นให้หัวใจเต้นแรง ถ้ารู้แบบนี้แล้วอยากให้ใครซักคนตกหลุมรัก ให้พาไปเล่นรถไฟเหาะ หรือดูหนังสยองขวัญแทนหนังรักนะครับเดทหน้า แถมการใส่เสื้อสีแดงที่สื่อถึงความร้อนแรง ก็ยังทำให้คุณดูน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย อันนี้เค้าทดสอบมาแล้ว…

165 เกร็ดสถิติจาก Harvard ที่จะทำให้คุณอ่านเกมขาดเรื่องธุรกิจ

Stats & Curiosities from Harvard Business Review เป็นอีกหนึ่งหนังสือที่น่าสนใจและอ่านง่ายอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะอ่านแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จบแล้ว แต่กลับได้สถิติ ตัวเลข จากการสำรวจที่หลากหลาย จนทำให้ใครก็ตามที่กำลังหาข้อมูลสนับสนุนการทำพรีเซนเทชั่นสามารถเอาไปใช้ได้แบบน่าเชื่อถือ (ก็มาจาก Havard Business Review นิ จะมีซักกี่คนที่จะไม่เชื่อกันล่ะ) ไม่ต้องเกริ่นเยอะกว่านี้แล้ว ผมขอเอาบางสถิติในเล่มที่ผมคิดว่าน่าสนใจด้วยความแปลกใหม่และไม่น่าเชื่อเอามาเล่าสรุปสู่กันฟังแล้วกันนะครับ สถิติที่ 4 ผู้คนไม่ชอบธนบัตรเก่า และอยากใช้มันให้เร็วที่สุด คนที่ได้รับธนบัตรดอลลาร์ใบเก่ามีโอกาสจะนำธนบัตรไปใช้มากกว่าคนที่ได้รับธนบัตรใบใหม่ถึง 82% เพราะผู้คนรู้สึกขยะแขยงธนบัตรที่มีสภาพยับเยินและอยากกำจัดไปให้พ้นๆ เพราะรู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยเชื้อโรค… ดังนั้นถ้ารัฐบาลอยากให้คนออมเงินเยอะๆช่วงไหน ก็พยายามแจกจ่ายธนบัตรใบใหม่ๆสวยๆออกไปนะครับ…

The upside of irrationality เหตุผลที่ไม่ควรมีเหตุผล

โดยรวมแล้วเล่มนี้พูดถึงความไม่มีเหตุมีผลของมนุษย์เรา โดยหลักของเศรษฐศาสตร์กระแสหลักแล้วนั้นเชื่อว่า มนุษย์นั้นเป็นผู้มีเหตุและผลในการคิดและตัดสินใจโดยสมบูรณ์ การกระทำทุกอย่างของมนุษย์นั้นผ่านความคิดที่พึงสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้แก่ตัวเอง แหม ฟังดูยังกับเทพยังไงก็ม่รู้ แต่จากการสำรวจแล้วนั้นกลับพบว่าเป็นคนละขั้วตรงข้าม เพราะผลสำรวจออกมาว่ามนุษย์นั้นกลับหูเบาเอนเอียงใจโลเล และไร้เหตุผลจนกลายเป็นเหตุผลของมนุษย์ไปซะแล้ว เช่น จากการสำรวจพบว่ามนุษย์นั้นชอบแก้แค้นเพื่อชดใช้ความยุติธรรมให้ตัวเอง แม้กระทั่งยอมสละเลือดเนื้อ(ทรัพย์สิน)ของตัวเองเพื่อเอาคืน นี่เป็นแค่หนึ่งหัวข้อจาก 11 หัวข้อที่น่าสนใจจากทั้งเล่มนี้ ใครที่เป็นแฟนหนังสือแนวเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม หรือจิตวิทยา ขอแนะนำว่านี่เป็นอีกเล่มที่คุณควรค่าแก่การอ่านครับ อ่านเมื่อปี 2016

คู่มือควบคุมอารมณ์คน Make Peace with Anyone

หนังสือที่อาจดูหน้าปกแปลกๆชื่อเล่มแปร่งๆ ดูเผินๆเหมือนหนังสือสะกดจิตหรือธรรมกายยังไงไม่รู้ แต่พอได้อ่านดูจะรู้ว่าเป็นหนังสือที่ดีและน่าสนใจบวกกับความอ่านง่ายคิดตามได้อย่างไม่น่าเชื่อ หนังสือคู่มือควบคุมอารมณ์คน หรือ Make Peace With Peace แนะนำวิธีการควบคุมตัวเอง และชี้นำความคิดคนรอบข้างด้วยหลักจิตวิทยาง่ายๆ เพียงแค่คุณต้องมีสติไม่ใช้อารมณ์ในตอนนั้น เช่น ถ้าคุณอยากให้คนอื่นปฏิบัติตัวอย่างไรคุณต้องสร้างภาพให้เค้าเชื่อว่าเค้าเป็นคนอย่างนั้น เช่น ถ้าคุณอยากให้เพื่อนร่วมงานคุณคนนึงใจเย็นขึ้นทั้งๆที่เค้าเป็นคนใจร้อนขี้โมโห คุณต้องพูดให้เค้าเชื่อว่าเค้าเป็นคนใจเย็นมากในความคิดคุณ จากตรงนั้นจะเป็นจุดเริ่มต้นให้เค้ามองเห็นภาพตัวเองแบบนั้น พอคนเราเชื่อว่าตัวเองเป็นคนแบบนั้นเราก็จะไม่ทำให้ตัวเองผิดหวัง นี่เป็นแค่หนึ่งในหลายเทคนิคในหนังสือเล่มนี้ พออ่านจบก็มีความรู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้มีหลายส่วนที่คล้ายที่ เดล คาเนร์กี้ เขียนในหนังสือของเค้า จนทำให้เราคิดว่าหรือมันจะเป็นแก่นเดียวกันในการเข้าใจตัวเองและเข้าถึงผู้อื่น อ่านเมื่อปี 2016

Quirkology เปลี่ยนมุมคิดด้วยจิตวิทยาภาคพิศดาร

โดย Richard Wiseman หนังสืออีกเล่มสำหรับคนที่ชอบเรื่องจิตวิทยาหรือเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมโดยเฉพาะ และก็เหมาะสำหรับคนทำการตลาดทั้งหลายด้วยนะ.. ..แต่ถ้าคนที่อ่านหนังสือแนวนี้มาเยอะแล้วอาจจะพบว่าหลายบทในเล่มนี้เหมือนกับหลายๆเล่มที่เคยอ่านผ่านมาทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น Malcolm Gladwell หรือ Dan Ariely และนักเขียนด้านนี้คนอื่นๆอีกหลายคนที่ผมจำชื่อไม่ได้ แล้วหนังสือเล่มนี้สนุกตรงไหนล่ะ.. ..มันสนุกตรงที่ผู้เขียนไปศึกษาติดตามพฤติกรรมแปลกๆของคนเราออกมาเป็นผลลัพธ์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นคนเราจะเดินช้าลงโดยไม่รู้ตัวเมื่อถูกป้อนความคิดเรื่องความแก่ชราลงไปก่อนหน้านั้น อาจจะด้วยการอ่าน พูด หรือทำแบบสอบภาม จะเห็นว่าคนเรานั้นสามารถูกชี้นำความคิดได้ง่ายๆ.. ..แต่หัวข้อที่ผมรู้สึกชอบมากที่สุดในเล่มนี้เป็นเรื่องของ “มุขตลก” ผู้เขียนพยายามค้นหาว่ามีมั้ยนะมุขตลกที่เป็นสากลของโลกนี้ ที่สามารถทำให้คนทุกคนบนโลกขำได้หมด ปรากฏว่าไม่มีครับ เพราะแม้แต่มุขที่ตลกที่สุดจากการโหวตจากคนหลายแสนคนทั่วโลก จากหัวข้อมุขตลกกว่าหมื่นมุขที่มีคนส่งเข้ามา พบว่าได้คะแนนเพียง 55% เท่านั้น…

The (Honest) Truth About Dishonesty อ่านทะลุความคิด ด้วยจิตวิทยาแห่งการโกง

โดย Dan Ariely จะนิยามผู้เขียนว่าเป็นนักศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ผู้โด่งดังก็ว่าได้ เพราะหนังสือหลายเล่มที่เค้าเขียนมาเชื่อว่าเราหลายคนคงคุ้นกันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็น พฤติกรรมพยากรณ์ หรือ เหตุผลที่ไม่ควรมีเหตุผล.. ..พฤติกรรมคนเราสามารถศึกษาได้ไม่ยากแต่คาดเดาได้ไม่ง่าย มนุษย์ที่ว่ากันว่าเป็นสิ่งมีชีวิตทีอุดมไปด้วยเหตุและผลนั้น แท้จริงแล้วกลับใช้อารมณ์ในการดำเนินชีวิตเป็นส่วนใหญ่จนน่าตกใจ ไม่น่าเชื่อว่าเราจะรอดจากวิกฤตต่างๆในสมัยโบราณจนกลายมาเป็นเผ่าพันธุ์ที่ปกครองโลกใบนี้ได้.. ..เล่มนี้ผู้เขียนศึกษาถึงเรื่องพฤติกรรมการโกงของมนุษย์เราซึ่งไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์เราส่วนใหญ่(แทบจะทุกคนบนโลกนี้)กลับเป็นผู้ที่มีความขี้โกงในตัวเล็กๆน้อยๆ แต่จะมีก็เพียงแต่ส่วนน้อยมากเท่านั้นที่ไม่โกงเลยหรือโกงแบบสุดลิ่มทิ่มประตู แล้วทำไมมนุษย์เราผู้มีอารยถึงกลายเป็นผู้ขี้โกงทุกคนไปโดยไม่รู้ตัวได้ล่ะ.. ..ใช่แล้วครับเหตุผลคือทุกครั้งที่คนเราโกงแบบเล็กๆน้อยๆ (มีผลศึกษามาแล้วว่าประมาณ 15-20% ของค่าเฉลี่ยจากการไม่โกง) ก็เพราะคนเราเชื่อว่านั่นไม่ใช่การโกงหรือการทำผิดอะไรมากมาย พอด้วยเราไม่คิดว่ามันผิดเราก็เลยทำไปโดยไม่รู้ตัวเสมอมา.. ..ไม่ว่าจะเป็นการเอาดินสอหรือปากกาในที่ทำงานกลับมาใช้ที่บ้าน (อย่าบอกว่าคุณไม่เคยเพราะผมเคย) การแอบปริ้นท์หรือซีร็อกซ์เอกสารส่วนตัวในที่ทำงาน หรือบางคนปริ้นท์รายงานให้ลูกจากที่ออฟฟิศ หรือแม้แต่แอบเบิกเงินค่าเดินทางหรือค่าจิปาถะเกินมาเล็กๆน้อยๆโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจก็ตาม คนส่วนใหญ่(ไม่อยากจะบอกว่าทุกคน)คงจะเคยทำงานมาแล้วทั้งนั้น.. ..แล้วจะทำอย่างไรให้คนไม่โกงเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ล่ะ?.. ..เช่นกัน…