หางกระดิกหมา 2

สรุปหนังสือ หางกระดิกหมา เล่ม 2 ว่าด้วยเรื่องของกลโกงคอร์รัปชันที่เอามาเปิดเผยอย่างเป็นขั้นเป็นตอนโดยคุณบรรยง พงษ์พานิช ผู้คร่ำหวอดในแวดวงเศรษฐกิจและสังคมมายาวนานกว่า 40 ปี (ผมเคยอ่านหนังสือของแกมาเล่มนึงแล้วบอกตามตรงว่าผมชอบสไตล์การเล่าเรื่องของคุณบรรยงมาก) ส่วนคุณธนกร ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคอร์รัปชัน ปัจจุบันเป็นผู้แทนขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชันในคณะอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ ด้านการป้องกันทุจริต ส่วนชื่อหางกระดิกหมา ก็เป็นนามปากกาของทั้งคู่ หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมเข้าใจกลโกงคอร์รัปชันอย่างที่ไม่เคยรู้ และอะไรที่เคยคิดว่ารู้ก็ได้รู้ลึกรู้จริงขึ้นมาก ว่าการโกงกันนั้นเขาทำกันอย่างไร การคอร์รัปชันไหนมีแบบไหนบ้าง และหนังสือเล่มนี้ก็ยังเต็มไปด้วยเคสการโกงที่ไม่ได้มีแค่ในเมืองไทย แต่มีเคสการโกงจากทั่วโลกรวบรวมมาให้เราได้เรียนรู้กัน ผู้เขียนแนะนำว่าการปราบปรามคอร์รัปชันที่ดีที่สุดไม่ใช่การรอผู้กล้าผู้ทรงธรรม หรือพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาปราบกลุ่มโกงกิน แต่เป็นการสร้างระบบที่ป้องกันการโกงกินที่ดีตั้งแต่แรก เพราะถ้าระบบดีแล้ว ต่อให้คนไม่ดีเข้ามาก็โกงยาก หรืออาจจะถึงขั้นโกงไม่ได้เลย ส่วนถ้าคนดีเข้ามา นานวันเข้าก็มักจะเข้าอีหรอบเดิมคือหลงเพลินกับอำนาจ…

Futuration เปลี่ยนปัจจุบันทันอนาคต

หนังสือเล่มนี้สรุปภาพอนาคตจากสิ่งที่เป็นในวันนี้ บวกกับการคาดการณ์จากความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่หลากหลายของผู้เขียน ดร. สันติธาร เสถียรไทย ชายผู้ใช้คำว่า “อิจฉริยะ” ก็น่าจะน้อยไป แต่ขอโทษด้วยเพราะผมไม่สามารถหาคำไหนที่ดีกว่านี้ได้ในตอนนี้ ถ้าใครสนใจใคร่รู้ว่าในอนาคตอันใกล้จะเกิดอะไรขึ้น ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ และถ้าใครสนใจว่าอนาคตที่ไกลออกไปจะมีรูปร่างหน้าตาประมาณไหน ก็ไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้ทำให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น รวมถึงจะมีอะไรบ้างที่จะดับสูญหายไปตามกาลเวลา เพราะสิ่งที่แน่นอนคือความไม่แน่นอน นี่ไม่ใช่แค่หลักธรรมของพุทธ แต่เป็นสัจธรรมของจักรวาล ขนาดดาวฤกษ์ดวงใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ยังดับสูญสลายหายไปเป็นหลุมดำได้ นับประสาอะไรกับเศษเสี้ยวฝุ่นธุลีเล็กๆเช่นมนุษย์เรา ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาบทสรุปของหนังสือเล่มนี้ ขอผมเล่าให้คุณฟังหน่อยว่า ดร. สันติธาร เสถียรไทย คนนี้เป็นใคร ทำไมเค้าถึงคาดการณ์อนาคตได้น่าสนใจขนาดนั้นครับ…

Pray Station ชั่วโมงท่องมนต์

ศิรศักดิ์ อิทธิพลพาณิชย์ ชื่อนี้สำหรับคนวัยสามสามนิดๆขึ้นไปคงจะคุ้น กับฉายา “เจ้าพ่อเพลงประกอบละคร” ของค่าย Exact หรือละครช่อง 5 ดังๆในสมัยก่อน ที่แจ้งเกิดจากเพลง “แทนใจ” ที่ติดชาร์ตเพลงฮิตแทบทุกคลื่นวิทยุเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่ได้ลอง “บวช” เป็นพระครั้งหนึ่งในชีวิต แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าศิรศักดิ์ หรือ ปิงปอง (ชื่อเล่นของเค้า) คนนี้เป็นชาวพุทธ เพราะเค้าเป็นชาวคริสต์มาตั้งแต่กำเนิด! เจอจั่วหัวหน้าปกแบบนี้ ผมก็ไม่ขอพลาดแล้วล่ะครับ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าจากมุมมองของชาวคริสต์ตลอดชีวิต เมื่อไปบวชแล้วจะได้ประสบการณ์และมุมมองแบบไหนมาเล่าให้ฟัง สิ่งสำคัญจากการบวชช่วงสั้นๆเป็นเวลาสองอาทิตย์ของปิงปองชาวคริสต์ ที่กลายเป็น “พระปอง” ในเวลานั้น…

How Happiness Works ความสุขทำงานอย่างไร

จากนักเศรษฐศาสตร์ด้วยความสุขและพฤติกรรม ที่มีดีกรีระดับปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ ที่ปัจจุบันเป็นถึงศาสตราจารย์ทางด้านวิทยาศาสตร์พฤติกรรมไปแล้ว ณัฐวุฒิ เผ่าทวี คนนี้เขียนบอกเล่าเรื่องราวของ ความสุข พฤติกรรม และ เศรษฐศาสตร์ เอาไว้ให้อ่านเข้าใจง่าย แถมยังสนุกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงินไม่ใช่ความสุข เค้าเล่าว่าจากงานวิจัยร่วมของ Daniel Kahneman (เจ้าของรางวัลโนเบลด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ที่เขียนหนังสือชื่อดังแต่ยังไม่มีแปลไทยอย่าง think fast and slow) พบว่า คนที่มีเงินเยอะแทนที่จะใช้เวลาพักผ่อนหาความสุข กลับเป็นว่าพวกเขาใช้เวลาทำงานมากกว่าคนที่มีเงินน้อยกว่า และผลก็คือความเครียดที่มากกว่าที่เรามักชอบคิดว่า คนรวยมักจะมีความสุขนั่นเองครับ แต่ถ้าไม่มีเงินเลยนั่นก็ทุกข์อีกเรื่องเลยนะครับฉะนั้นทำงานหาเงินให้พอดี แล้วก็ใช้เวลาหาความสุขให้ตัวเองบ้างนะครับ…

Kitchen เห็นชาติ

หนังสืออาหารที่ไม่ได้สอนวิธีทำ แต่เน้นเรื่องราวที่เล่าอยู่เบื้องหลังของอาหารแต่ละอย่าง ใกล้ก็มากไกลตัวก็มี จนผมคิดว่าถ้ายิ่งได้อ่านเวลาที่กำลังกินอยู่คงจะดี เพราะยิ่งเป็นการปรุงความอร่อยด้วยเรื่องราวจากนักเขียน ผู้เป็นนักวาดภาพประกอบ แต่เขียนเล่าเรื่องได้อร่อยกลมกล่อมไม่น่าเชื่อ อย่างที่บอกครับว่าหนังสือเล่มนี้เป็นการเล่าเรื่องราว ที่มาที่ไป หรือประวัติศาสตร์ของอาหารแต่ละชนิด ทั้งคาว ทั้งหวาน ทั้งที่เคยกิน หรือทั้งที่แค่เคยได้ยินก็ตาม อย่าง เพรทเซล เพรทเซลเป็นขนมปังอบเส้นยาวๆที่ขดเป็นรูปคล้ายๆโบว์(ในความคิดผม) หรือเลข 8 ถ้าในบ้านเราก็นึกถึงร้าน Auntie Anne’s ที่มีขายตามห้างทั่วไปก็ได้ครับ ผมเพิ่งรู้ว่าเจ้าเพรทเซลนี้เป็นอาหารประจำชาติในเยอรมนี แต่ที่จริงแล้วมีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี จากเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาคือ เพรทเซล มีกำเนิดมาจากความคิดสร้างสรรค์ของบาทหลวงชาวอิตาลีเมื่อราว 1,400 กว่าปีก่อน…

DeScience

เป็นหนังสือที่รวมเรื่องราวความคิดเบื้องหลังงานออกแบบระดับโลก ที่ไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจเบื้องหลังงานออกแบบแต่ละชิ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นวิทยาศาสตร์หรือภูมิความรู้เบื้องหลังของงานออกแบบชิ้นนั้นด้วย ชื่อหนังสือเลยเป็นการเล่นคำให้พ้องกับการออกเสียงว่า Design มาเป็น De+Science ที่บอกให้รู้ว่าในเบื้องหลังนั้นมีวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์คอนเซ็ปต์คาร์ของเบนซ์ ที่มีชื่อว่า Bionic Car ที่ดูจากหน้าตาอาจจะประหลาดจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเบนซ์ เพราะมองแล้วเหมือนปลามากกว่า แต่ก็ใช่ครับ Bionic Car รถยนต์ต้นแบบของเบนซ์รุ่นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากปลา แล้วก็ไม่ใช่ปลาธรรมดาด้วยนะครับ แต่เป็นปลาบ็อกซ์ฟิช Boxfish ที่อาศัยอยู่ในแนวประการังแถบแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย โดยปลาสายพันธุ์นี้ก็จะรูปเหลี่ยมๆตามชื่อ อ่านถึงตรงไหนหลายคนอาจมีคำถามว่า ในเมื่อเจ้าบ็อกซ์ฟิชหน้าตารูปทรงดูเหลี่ยมๆเหมือนลูกเต๋า ทำไมถึงเอามาใช้ออกแบบเป็นรถต้นแบบของเบนซ์ซะล่ะ อย่างเบนซ์ควรต้องเป็นปลาฉลามที่ดูปราดเปรียวดุดัน หรือมีระดับกว่านี้รึเปล่า แต่อย่างที่บอกครับว่าเบื้องหลังการออกแบบของหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้อ้างอิงอยู่กับความสวยงาม…

พระเจ้าอยู่ในรายละเอียด MUJI

แบรนด์ที่หลายคนคุ้นหู หลายคนรู้จัก หลายคนอาจจะมีปากกาซักด้ามหรือสมุดซักเล่ม และหลายคนก็ถึงขั้นเป็นสาวก MUJI ตัวจริง หลายครั้งที่เวลาผมได้ยินคนใกล้ตัวใช้คำว่า MUJI หรือ มูจิ อธิบายถึงอะไรบางอย่าง ที่ต้องการจะสื่อว่าของสิ่งนั้นดูน้อยๆแต่มีคุณค่ามากๆ หรือจะสื่อถึงแนวคิดแบบ Minimalism หรือแม้แต่จะคำว่า มูจิ นิยามไปถึงแนวคิดแบบ Less is More และสุดท้ายหมายถึงอะไรที่ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ในความคิดของบางคนซะเหลือเกิน ทำไมชื่อแบรนด์อย่าง MUJI ถึงกลายเป็นคำนิยามสามัญของคนหลาคนไปได้? เพราะมูจิเอง เป็นแบรนด์ที่มีความชัดเจนตั้งแต่การออกแบบ และย้อนไปจนถึงแนวคิดที่มาของการออกแบบนั้น อะไรที่ไม่จำเป็นก็จะถูกตัดทิ้งไป…

ยังหายใจต้องไม่แพ้

เป็นหนังสือฟาสต์ฟู้ดธุรกิจเล่มเฉพาะกิจ ที่เอาเรื่องดีๆจาก 19 เล่มแรกของหนุ่มเมืองจันท์มารวมไว้ในเล่มเดียว แม้ทั้ง 19 เล่มแรกผมจะอ่านมาหมดแล้ว แต่เล่มนี้ก็เหมือนเป็นการเตือนความจำให้สมองได้ทำงานอีกครั้งนึง อย่างเรื่องหนึ่งที่ผมชอบมากตั้งแต่อ่านครั้งแรก จนพอได้อ่านครั้งนี้ก็ทำให้รู้สึกชอบมากเป็นพิเศษ คือเรื่องของนักวิ่งที่ชื่อว่า “จอห์น สตีเฟ่น อัควารี” จอห์น สตีเฟ่น อัควารี เป็นชาวแทนซาเนียที่มาเข้าร่วมแข่งขันวิ่งมาราธอนที่โอลิมปิกแม็กซิโกในปี 1968 เค้าวิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้ายแบบไม่มีใครคาดคิด เพราะมาหลังจากพิธีมอบเหรียญรางวัลเรียบร้อย และผู้คนก็พอกันเดินออกจากสนามกีฬาแล้ว แต่ อัควารี คนนี้กลับเพิ่งวิ่งเข้ามาในสนามด้วยอาการบาดเจ็บเลือดโชกขาข้างขวา จนต้องเอาผ้าพันแผลห้ามเลือดไว้ เค้าวิ่งด้วยความเร็วที่ช้ากว่าเดินของคนปกติเสียอีก แต่ อัควารี คนนี้ก้ยังไม่หยุดวิ่ง…

เมื่อหัวว่างจึงสร้างสรรค์ ธุรกิจพอดีคำ ลำดับที่ 3

อีกหนึ่งหนังสือที่ผมชอบและอยากแนะนำให้ทุกคนได้อ่าน แม้คุณจะไม่ได้ทำงานด้านความคิดสร้างสรรค์ ต้องใช้ไอเดียเป็นประจำ หรือเป็นนักสร้างนวัตกรรมอะไรก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนปฏิเสธไม่ได้ว่าล้วนต้องการเหมือนกันก็คือ “เราจะทำวันนี้ให้ดีกว่าเมื่อวานอย่างไร” หนังสือเล่มนี้มีแนวทางให้คุณอ่านแล้วเอาไปประยุกต์ใช้ตามหน้างานในแต่ละวันครับ เมื่อพูดถึงคำว่า “ความคิดสร้างสรรค์” คำนี้อาจฟังดูเป็นเรื่องยาก แต่ผมอยากจะบอกความลับให้คุณรู้ว่าไม่ว่าใครก็มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีอย่างไม่น่าเชื่อได้ ขอแค่เพียงเข้าใจหลักการ อยู่ในสถาพแวดล้อมที่เหมาะสม เพียงเท่านี้ความคิดสร้างสรรค์ก็บรรเจิดได้ทุกคน เพราะความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้เป็นแค่พรสวรรค์ของใครบางคนอย่างที่เราเชื่อกันครับ ผู้เขียน คุณกวีวุฒิ เต็มภูวภัทร เจ้าของเพจ 8 บรรทัดครึ่ง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Design Thinking เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างนวัตกรรม หรือเรียกเป็นภาษาฝรั่งเท่ห์ๆว่า Innovation ว่าคนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดคิดไปว่า innovation คือ…

โลกที่เห็น เป็นอย่างที่คิด ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 29

เพราะเราไม่ได้เห็นโลกตามความจริง แต่เราจะเห็นโลกตามความคิด สถานการณ์เดียวกันคนนึงมองเห็นแต่ปัญหา แต่อีกคนกลับมองเห็นโอกาส ตอนเกิดวิกฤตเศรษฐกิจหลายคนเห็นความล่มสลาย แต่คนอีกไม่น้อยมองเห็นโอกาสใหม่ๆ ดังนั้นถ้าใครบอกว่าเพราะโลกมันไม่ดี หรือเพราะตอนนี้มีแต่เรื่องแย่ๆ อยากให้ลองปรับความคิด เปลี่ยนทัศนคติดูซักนิด แล้วคุณจะพบเรื่องดีๆที่ไม่เคยคิดอีกเยอะ หนังสือเล่มนี้อยู่ในชุด ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ เล่มที่ 29 ของ หนุ่มเมืองจันท์ ตั้งแต่โดนลูกน้องเก่าหลอกให้อ่านเล่มนึง จนเสพย์ติดต้องตามเก็บย้อนหลังจนอ่านครบทุกเล่มแล้วครับวันนี้ เนื้อหาในเล่มนี้มีหลายหน้าที่น่าสนใจมาก ปกติเวลาผมเจออะไรน่าสนใจ ผมจะขีดต้นประโยคของช่วงที่หน้าสนใจ และพับมุมล่างของเล่มไว้ เพราะมุมบนผมเอาไว้พับตอนหยุดพักเวลาจะกลับมาอ่านต่อ อย่าง ทฤษฎีความสุขของไอน์สไตน์ เคยได้ยินมาก่อนมั้ยครับ? ผมคนนึงแหละที่ไม่เคย จนได้พบว่าทฤษฎีความสุขของไอน์สไตน์เองน่าจะได้รางวัลโนเบลอีกซักรอบ ในสาขาสันติภาพโลก…