ชีวิตไม่ใช้ไม่ใช่ชีวิต ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 21

ถ้าอ่านแค่หน้าปกเผินๆทำให้นึกถึงสโลแกนของช้างเมื่อหลายปีก่อนว่า “ชีวิตใช้ซะ” และก็กลายเป็นสโลแกนที่ใช้กันจนชินหูในหนังโฆษณาสมัยนี้ ล่าสุดไปดูหนังที่โรงก็เห็นโฆษณารถยนต์รุ่นหนึ่งที่บอกว่า “ออกไป…ใช้ชีวิต” ฟังจบปุ๊บอยากวิ่งออกจากโรงไม่ดูมันแล้วหนัง แล้วออกไปใช้ชีวิตเลย.. พูดเล่นครับ ดูจนจบนี่แหละ กลับมาที่หนังสือเล่มนี้ของหนุ่มเมืองจันท์ ทำไมถึงบอกว่า “ชีวิตไม่ใช้ไม่ใช่ชีวิต” เพราะหลายเรื่องราวที่เล่าในเล่มพูดให้เรากล้าที่จะออกนอกกรอบ หรือกล้าที่จะทำตามหัวใจไม่ใช่แค่สมอง แต่ก็ต้องอิ่มท้องด้วยนะครับ เช่น นิ้วกลม บอกให้เด็กคนนึงออกไปเที่ยวต่างจังหวัด หรือต่างประเทศคนเดียวบ้าง เพื่อแก้โรคไม่มั่นใจในตัวเอง น้องคนนี้เดินเข้ามาปรึกษา เอ๋ นิ้วกลม ว่าทำยังไงดีตัวเองเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย เอ๋ นิ้วกลม แนะนำไปง่ายๆว่า ออกไปเที่ยวไกลๆคนเดียวครับ เพราะเมื่อไหร่ที่เราต้องเดินทางคนเดียว นั่นหมายความว่าทุกเรื่องเราต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง…

กรอบที่ไม่มีเส้น ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 20

การ “ตีกรอบ” ให้บางเรื่อง หรือบางแง่มุมในชีวิต อาจเป็นสิ่งที่เราหลายคนเคยชินกัน เช่น กรอบความสำเร็จของชีวิต ต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง มีบ้านมั้ย มีรถมั้ย มีครอบครัวมั้ย หรือ มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดีมั้ย หรืออาจมีอีกหน่อยเป็นมีเงินฝากเก็บไว้ใช้ตอนเกษียณซักสองสามล้านมั้ย พอมีกรอบ เราก็รู้ว่าจะต้องไปถึงแค่ไหน หรือแค่ไหนที่ไม่ต้องเกินกว่ากรอบที่กำหนดไป แม้แต่ในการทำงานการตลาด ก็ต้องมีการกำหนดกรอบการทำงาน ที่เรียกว่า Framework ว่าอะไรบ้างที่ต้องทำ เพื่อให้รู้ว่าอะไรบ้างที่ไม่ต้องทำ เราส่วนใหญ่ชอบพูดเหมือนกันว่า ไม่ต้องการให้ชีวิตมีกรอบ แต่เรามักใช้ชีวิตแบบมีกรอบจนเคยชิน หนุ่มเมืองจันท์ นำเสนอแนวคิดใหม่ในชื่อของฟาสต์ฟู้ดธุรกิจเล่มที่ 20 นี้ว่า…

ความรู้สึกคือเหตุผลอย่างหนึ่ง ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 19

ล่าสุดอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ UNTHINK หรือชื่อไทยว่า “หลอกสมองให้ไม่ต้องคิด” แก่นของเรื่องคือแท้จริงแล้วมนุษย์เราไม่ได้คิดแบบมีเหตุผลอย่างที่เราคิด มนุษย์เรายังคงใช้อารมณ์ความรู้สึกเป็นประจำในทุกเรื่อง เพียงแต่เรามีเหตุผลมาสนับสนุนความรู้สึกนั้นเสมอ จนเผลอให้เราคิดว่าเราช่างเป็นสัตว์ประเสริฐที่ใช้สมองคิดอย่างมีเหตุผลอยู่เสมอ หนังสือเล่มนี้ของหนุ่มเมืองจันท์ก็เหมือนกัน ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของความรู้สึกในหลากแง่มุมที่น่าสนใจ ผมขอหยิบบางช่วงบางตอนในเล่มมาสรุปไว้เรียกน้ำย่อยแล้วกันครับ อุปสรรคเหมือนหินลับมีด อุปสรรคในชีวิตคือสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าเรามัวแต่ทุกข์เมื่อเกิดปัญหา ชีวิตก็คงไม่สนุกและสุขซักเท่าไหร่ แต่ถ้ามองอุปสรรคหรือปัญหานั้นเป็นเสมือนหินลับมีด และมองว่า “ปัญญา” ของเรานั้นก็เปรียบเสมือนมีด มีดที่ต้องการหินลับ เพื่อให้คมอยู่เสมอ ดังนั้นหินที่ใช้ลับมีดไม่เคยราบเรียบ เพราะถ้าหินเรียบ มีดก็จะไม่คม หินต้องมีความสาก มีสะดุด เหมือนกับอุปสรรคที่เข้ามาลับมีดสติปัญญาเราให้เฉียบคมเสมอ เมื่ออุปสรรคผ่านไป ก็จะกลายเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่า แต่คุณค่าของประสบการณ์นั้นไม่ใช่การบอกว่าเรา…

ดีที่สุดในสิ่งที่เป็น ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 18

“อะไรที่เกิดขึ้นแล้วย่อมดีเสมอ” เป็นการยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และหาข้อดีในสิ่งที่เป็นอยู่ให้เจอ แม้จะไม่มีข้อดีมีแต่ปัญหา แต่ถ้ารู้จักใช้ปัญญา แก้ปัญหา ก็ย่อมมีโอกาสใหม่ๆตามมาทุกครั้ง เพราะปัญหาคือบิดาของนักประดิษฐ์ และไม่ใช่แค่นักประดิษฐ์ แต่ยังหมายถึงโอกาสของชีวิต และทางธุรกิจมากมายด้วย มีตอนหนึ่งในเล่มที่เปรียบปัญหาในการทำงาน เหมือนกับการทำอาหารด้วยเตาถ่า ตอนจะจุดให้ไฟติดนั้นแสนลำบาก ต้องคอยหาถ่านก้อนเล็กมาเติม มือก็ต้องคอยพัดให้ไฟติด ก็เหมือนกับตอนเริ่มต้นธุรกิจ อะไรก็ยากไปหมด การทำงาน การใช้ชีวิต นั้นมี “สูตร” แต่ไม่มี “สูตรทำเร็จ” ที่ทำตามได้เป๊ะๆแล้วเพอร์เฟ็คเหมือนเค้า แต่ต้อง กะ กะ เอาว่าสูตรที่เรากำลังทำ ใช้กับชีวิตนี้ต้องประมาณไหน…

ให้โอกาสกับสิ่งที่เราไม่รู้ ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 16

ไม่แปลกที่เรามักชอบด่วนสรุป และตัดสินเป็นประจำ ผมยอมรับว่าผมเองก็เป็นหนึ่งคนในแบบที่ว่ามา จนลูกน้องบอกว่า “พี่อย่ารีบด่วนสรุปดิ ฟังให้จบก่อน” ครับ โดนลูกน้องดุ หัวหน้าที่ดีต้องปรับปรุง จากนั้นมาเวลาน้องคนนี้จะพูดอะไร แม้ในใจผมจะรีบด่วนสรุปด้วยความเคยชิน แต่ก็ตั้งใจฟังจนจบมากขึ้น และก็พบว่าในสรุปแล้วมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมสรุปในใจทุกครั้งไปนี่นา เจียง เจ๋อ หมิน อดีตประธานาธิบดีจีนบอกว่า ความรู้ในโลกนี้มีอยู่เพียงสองอย่าง รู้ว่ารู้ กับ รู้ว่าไม่รู้ แต่ยังมีอีกหนึ่ง รู้ ที่น่ากลัวที่สุดครับ คือ “คิดว่ารู้” ทั้งที่จริงไม่รู้ เพราะรีบด่วนสรุปตัดสินไป จนพลาดที่จะได้รู้อะไรใหม่ๆ เหมือนเรื่องแก้วหนึ่งใบ…

สนุกคิดแล้วบิดขี้เกียจ, ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 14

ยังคงเป็นหนังสือที่ให้ข้อคิดในเรื่องธุรกิจ การตลาด และชีวิต ที่ดีเหมือนเดิม ขนาดว่าเขียนมาเป็นสิบปีเพิ่งหยิบมาอ่านวันนี้ก็ยังได้อะไรใหม่ๆเสมอ ในแง่ข้อคิดของชีวิต เช่น ฝนตกเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกไม่เหมือนเคย หนุ่มเมืองจันท์เล่าว่าครั้งนึงไปเดินป่าเขาใหญ่แล้วเจอฝนเทจากฟ้า ทำให้ต้องรีบเดินหาที่หลบกำบังฝน แต่เดินเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอไม้ใหญ่ที่พอจะบังฝนได้ ในเมื่อหนีปัญหาไม่ได้ก็คิดให้สนุกกับปัญหาเลย คิดถึงตอนเป็นเด็กที่เคยสนุกกับการเล่นน้ำฝน แล้วทำไมวันนี้จะสนุกกับน้ำฝนเหมือนเดิมไม่ได้ จากที่วิ่งหนีฝน กลายเป็นวิ่งเข้าหาความสนุกกับฝนจากปัญหาที่เคยเป็นทุกข์ กลายเป็นโอกาสที่กลายเป็นสุขบางทีการแก้ปัญหาบางเรื่อง ก็แค่เปลี่ยนมุมมองเท่านั้นเองครับ บริษัทรถทัวร์ที่เอาใจใส่ลูกค้าผู้หญิง บางคนที่เคยนั่งรถทัวร์อาจสงสัยเวลาจองตั๋วว่า คนขายจะถามชื่อคนนั่งไปทำไม ที่ต้องถามเพราะคนจัดที่นั่งจะได้รู้ว่าที่ไหนผู้ชาย ที่ไหนผู้หญิง แล้วทีนี้เค้าก็จะจัดที่นั่งให้ผู้ชายได้นั่งกับผู้ชาย และผู้หญิงได้นั่งกับผู้หญิง เพื่อความอุ่นใจปลอดภัยของผู้หญิงที่จะได้ขึ้นรถทัวร์ ดูเป็นเรื่องเล็กๆสำหรับผู้ชาย แต่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้หญิงนะครับ รู้แบบนี้คราวหน้าผู้ชายคนไหนจองตั๋วรถทัวร์…

จุดหมายที่ปลายเท้า, ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 13

“ความมืด” รอบตัวเรา ไม่น่ากลัวเท่ากับ “ทัศนคติ” ต่อ “ความมืด” แค่ช่วงคำนำเปิดตัวก็คมแล้ว เหมือนเรื่องราวของนักธุรกิจคนหนึ่งในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง จากคนที่เคยมีทรัพย์สิน 1,000 ล้าน เหลือแค่ 100 ล้าน ทำเอาเครียดหนักนอนไม่หลับเป็นเดือนๆ จนได้มาเจอกับเพื่อนนักธุรกิจอีกคนที่เมื่อก่อนเคยมีทรัพย์เกือบ 20,000 ล้าน มาวันนี้กลายเป็นมีหนี้กว่า 10,000 ล้าน พอรู้เรื่องเพื่อนเท่านี้ก็หัวเราะออก ไม่เครียดนอนหลับสบายเลย เห็นมั้ยครับว่า “ความจริง” ยังคงเหมือนเดิม คือมีทรัพย์สิน 100 ล้าน แต่ความรู้สึกต่างกันลิบลับ…

ไม่ตั้งใจแต่ทำไมจึงสุข, ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจเล่ม 12

ความสุขหรือความทุกข์ของเรา ล้วนมาจากความ “คาดหวัง” เราหวังว่าเรื่องงานจะเป็นแบบนี้ หรือเราหวังว่าชีวิตคู่จะเป็นแบบนั้น แต่พอผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาด ความทุกข์ก็ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเราตั้ง “เส้นเกณฑ์ความคาดหวัง” เอาไว้ให้ต่ำๆหน่อย หรือถ้าเป็นไปได้ไม่คาดหวังอะไรเลย กลายเป็นว่าชีวิตกลับเต็มไปด้วยความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ ในวันนี้ ยุคที่ “ความสุข” กลายเป็นของหายาก หรือสิ่งมีค่ายิ่งกว่าเงินทอง เรามักไม่ค่อยมีความสุข ทั้งที่เมื่อมองย้อนกลับไปซัก 5 ปีก่อน ผมคิดว่าเราส่วนใหญ่มีชีวิตที่ดีกว่าวันนั้น ไม่ว่าจะด้วยเงินเดือนที่เพิ่มขึ้นโทรศัพท์เครื่องใหม่ขึ้นอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้นหรือแม้แต่เงินฝากในบัญชีที่เพิ่มขึ้น…ถ้าเงินฝากไม่เพิ่มงั้นยอดวงเงินบัตรเครดิตก็คงเพิ่มแหละ เรามีอะไรๆเยอะขึ้น แต่ทำไมความสุขถึงน้อยลง แต่หนังสือฟาสต์ฟู้ดธุรกิจเล่มนี้ยังเต็มไปด้วยข้อคิดดีๆทั้งในแง่การใช้ชีวิต และในแง่ธุรกิจเหมือนเดิม เช่น ถ้าน้ำในเหยือกเค็มเราจะทำอย่างไรให้หายเค็ม คิดง่ายๆก็มีสองทาง…

ฝันเรื่อยเรื่อยเหนื่อยก็พัก, ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจเล่มที่ 11

พูดถึงความฝัน คงไม่มีใครที่ไม่มีความฝัน บางคนฝันใหญ่ บางคนเล็ก บางคนฝันใกล้ เหมือนแค่เดินไปซื้อไอศกรีมกินซักแท่งก็สุขที่ได้ทำตามฝันแล้ว บางคนฝันไกล เหมือนต้องเดินตามฝันไปอีกสามสิบปี แต่จะฝันแบบไหนก็แล้วแต่เราจะเลือก แต่ที่แน่ๆคือระหว่างทางที่กำลังตามฝันเราอาจจะเหนื่อย หนุ่มเมืองจันท์ก็เลยบอกว่าอย่าลืมหยุดพักบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะเอาแต่พัก พักไป พักมา การพักจะกลายเป็นความฝันไปได้ ในฟาสต์ฟู้ดเล่มที่ 11 ของหนุ่มเมืองจันท์นี้ ก็ยังเต็มไปด้วยเกร็ดธุรกิจ และแง่คิดดีๆมากมาย เช่น โชค บูลกุล เจ้าของฟาร์มโชคชัย บอกว่า เวลาประชุม เค้าจะบอกลูกน้องเสมอว่า ให้เริ่มต้นจาก “ผมรู้…” เริ่มจากข้อมูล…

แพ้ได้แต่ไม่ยอม, ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ 9

เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของการ “ยอมรับ” แต่ “ไม่ยอมแพ้” ทั้งในแง่ชีวิต และธุรกิจ เพื่อให้เติบโตต่อไปได้ ไม่ยอมแพ้ จากความพ่ายแพ้ในวันนี้ ดิ้นรนต่อสู้เพื่อโอกาสใหม่ๆที่จะมาถึง ว่ากันว่าคนที่โชคดีจนประสบความสำเร็จ คือคนที่ต่อสู้เพื่อรอวันที่โอกาสมาถึง ถ้าไม่เตรียมพร้อมรอรับโชคดี ก็ไม่สามารถคว้าโชคดีนั้นไว้ได้ทัน เหมือนเรื่องของจาพนม นักแสดงไทยชื่อดังโกอินเตอร์ ได้แสดงร่วมกับนักแสดงดังระดับโลก ในหนังระดับโลกมาแล้วหลายเรื่อง ทั้ง Fast and Furious หรือ xXx ภาคล่าสุด จาพนมบอกว่า เค้าโชคดีที่เกิดมาจน เพราะความจนทำให้เค้าต้องอดทนมากกว่าใครๆ อดทนจนมีโอกาสทำหนังของตัวเอง อดทนจนได้รับโอกาสมากมาย…