Mostly Cloudy มีเมฆเป็นส่วนมาก

แม้จะผ่านมา 3 ปี หนังสือเล่มนี้ก็ยังไม่เก่า น่าแปลกใจทั้งๆที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ แต่ก็ยังคงความสดใหม่ในแก่นที่จะสื่อ หรือเพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพรียวๆ แต่เป็นการหยิบเทคโนโลยีใหม่ๆในตอนนั้นมาเล่าในมุมมองของมนุษย์ ในวิถีของพฤติกรรม หรือในชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไปและกำลังจะเปลี่ยนแปลงซะมากกว่า สารภาพตรงๆตอนเริ่มอ่านคำนำว่า หนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์เมื่อปี 2015 และเป็นเรื่องราวข่าวสารเกี่ยวกับเทคโนโลยี เพราะจากชื่อหนังสือที่ตั้งใจสื่อไปถึงระบบ cloud ที่กำลังมาในตอนนั้น ผมกลับใจเสียนิดๆว่า “นี่เรากำลังจะอ่านเรื่องเก่าๆหรอนี่ แล้วมันจะน่าสนใจหรือนั่น” แต่เมื่ออ่านจบก็อย่างที่บอกไปในย่อหน้าแรกว่า เออ น่าสนใจ ไม่ใช่แค่ด้วยข่าวคราวหรือเนื้อหาที่ไม่เคยรู้ แต่ยังรวมถึงมุมมองในเรื่องเดิมๆที่เคยรู้ด้วย เช่น ในยุคที่ความไม่สวยคือความงามที่คนออนไลน์ยอมรับได้สมัยก่อนถ้าการ์ตูนอะไรซักอย่างจะดังได้ ต้องมีความสวยงามด้วยตาไม่น้อยเลย แต่กับทุกวันนี้สิ่งที่ไม่สวยงามอย่างลายเส้นเขี่ยๆ ก็กลายเป็นอะไรที่คนส่วนมากยอมรับกัน…

WAKE ME UP WHEN NOW ENDS ลืมตาในอนาคต

ชื่อหนังสืออาจฟังดูย้อนแย้ง แต่เนื้อหาในเล่มนั้นเข้าใจง่ายกว่านั้นเยอะ เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยบทความเกี่ยวกับ เทคโนโลยี ที่ฟังดูเหมือนล้ำยุคหลุดมาจากหนัง Sci-fi แต่ในความเป็นจริงมันเกิดขึ้นแล้ววันนี้ ในโลกของเรา แค่มันยังมาไม่ถึงเราโดยตรง ไม่ได้หมายความว่ามันยังไม่เกิดขึ้นจริง ถ้าคนที่มาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม ที่พอคุ้นกับหนังเรื่อง Minority Report หนังตำรวจล้ำยุคที่สามารถรู้ได้ว่าใครกำลังจะก่อคดีหรืออาชญากรรม แล้วสามารถจับกุมได้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง ดูล้ำเหลือเชื่อเหมือนจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ เมื่อหลายสิบปีก่อนจนถึงตอนนี้ แต่ในวันนี้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นมานานนับสิบปีแล้วด้วย กรมตำรวจในบางรัฐในอเมริกามีโปรแกรมที่สามารถคาดเดาได้ว่าพื้นที่ไหนน่าจะเกิดอาชญากรรมขึ้น แล้วก็ส่งตำรวจเข้าไปดูแลพื้นที่นั้นทันที จนสามารถทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมลดต่ำลงอย่างมาก เห็นมั้ยครับว่าอนาคตที่ว่านั้นไม่ได้ไกลจากวันนี้เลย หลายๆเรื่องที่เราคิดว่าเป็นเรื่องในอนาคตนั้นปรากฏขึ้นมากมาย แค่มันยังไม่ได้อยู่ไกล้ตัวหรือให้เรารู้เท่านั้นเอง งั้นผมขอหยิบสองสามเรื่องในเล่มที่ผมเห็นว่าน่าสนใจเอามาเล่าแบบสรุปสู่กันฟัง เพื่อว่าคุณอยากจะไปหาซื้อมาอ่านเต็มๆดูเพื่อรู้จักอนาคตในปัจจุบันให้มากขึ้น Majority Illusion…

The Content Revolution, คอนเทนต์ปัง ยังไงก็โดน!

เมื่ออ่านจบแล้วสรุปในหนึ่งประโยคได้ว่า “เลิกแทรกแซง แต่เร่งส่งเสริม” การโฆษณาตลอดหลายสิบหรือร้อยปีที่ผ่านมาเอาแต่ “แทรงแซง” หรือขัดจังหวะคนมาตลอด แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไหร่นัก เช่น โฆษณาที่บังคับก่อนเราจะดูยูทูปโดยไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเราหรือความสนใจของเราเลย หรือ โฆษณาตามทีวีที่เราคุ้นเคยกัน ก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับเราเท่าไหร่นัก ยิ่งเป็นในยุคดิจิทัลมากขึ้น มีเสียงรบกวนมากมายจากโฆษณาในแต่ละวัน จากข้อมูลรีเสริชที่เคยอ่านล่าสุดบอกว่า เราเห็นโฆษณามากกว่า 5,000 ชิ้นในแต่ละวัน แต่ทำไมเรากลับจำมันได้ไม่ถึง 1% เลยล่ะ ก็เพราะโฆษณาส่วนใหญ่ที่เราเห็นยังคงเน้นที่การ “แทรกแซง” ชีวิตเราเสมอ แล้วโฆษณาในยุคนี้ที่บอกว่าเป็น content marketing ล่ะต่างกันยังไง? ต่างกันครับ ตรงที่การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งจะเน้นการ…

Rise of The Robots หุ่นยนต์ผงาด เทคโนโลยี และภัยแห่งอนาคตที่ไร้งาน

สรุปอย่างสั้น เมื่อเทคโนโลยีอย่างหุ่นยนต์ ไม่ว่าจะในรูปแบบที่มีตัวตนจริงๆที่จับต้องได้ หรืออาจจะเป็นแค่ระบบที่จับต้องไม่ได้อย่าง AI ก็ตาม กำลังจะเข้ามาปฏิวัติชีวิตเราทุกคนบนโลกที่เกี่ยวข้องกับระบบ “ตลาด” อย่างไม่อาจจะต้านทานได้ การเปลี่ยนแปลงจากเทคโนโลยีหุ่นยนต์ครั้งนี้จะรุ่นแรงยิ่งกว่าเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างคอมพิวเตอร์ หรือเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตไปอย่างเทียบกันไม่ได้ ลองคิดดูซิว่าตอนที่คอมพิวเตอร์เริ่มกลายเป็นหนึ่งในอุปกรณ์สำนักงาน ก็ทำเอาผู้ใหญ่หลายคนในตอนนั้นต้องปรับตัวเรียนรู้ใหม่มากขนาดไหนกว่าจะลงตัว หรืออย่างตอนที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงทุกหย่อมหญ้าด้วยพลังของสมาร์ทโฟนราคาถูก ที่ทำให้การเข้าถึงข้อมูลบนออนไลน์นั้นเป็นเรื่องง่ายที่คนรุ่นปู่ย่าก็ทำได้ จนขาดไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ การปฏิวัติหุ่นยนต์นี้ถ้าจะเรียกว่าการปฏิวัติทางเทคโนโลยีที่เป็นเรื่องของ Big Data, Machine Learning และ AI หรือที่เรียกรวมๆได้ว่า “ระบบอัตโนมัติ” ก็ได้ครับ แล้วเจ้าระบบอัตโนมัตินี่แหละที่จากที่เคยเอามาทดแทนแรงงานแบบทำซ้ำได้ เช่น การผลิตรถยนต์ทุกวันนี้แทบจะไม่ต้องใช้คนงานเท่าสมัยก่อนอย่างเทียบไม่ได้ เพราะสามารถใช้หุ่นยนต์ในการทำงานซ้ำๆที่แน่นอนเหล่านั้นได้รวดเร็วและแทบไม่มีความผิดพลาดเลย…

INBOUND MARKETING การตลาดแบบแรงดึงดูด

สรุปหนังสือ Inbound Marketing เล่มนี้ เมื่ออ่านจบผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนสามกลุ่ม กลุ่มแรกคือคนที่เพิ่งเรียนรู้และสนใจเรื่องการตลาด อยากรู้ว่าการตลาดในยุคดิจิทัลทุกวันนี้ควรรู้อะไร และต้องทำอย่างไร หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นหนังสือการตลาด 101 ที่ครบและครอบคลุมในทุกด้านที่จำเป็นต้องรู้ กลุ่มที่สองคือคนที่กำลังสนใจศึกษาเรื่องดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง หรือการตลาดออนไลน์เพิ่มเติม อาจจะเป็นคนที่เก่งกาจเรื่องการตลาดและการขายแบบเดิม แต่อยากอัพเดทตัวเองให้ทันโลก แบบหลักสูตรเร่งลัด และไม่ต้องการพวกศัพท์แสงเทคนิคเยอะ เพราะหนังสือเล่มนี้ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย สามารถเปรียบเปรยกับเรื่องต่างๆรอบตัวได้อย่างดี นั่นหมายความว่าผู้เขียนต้องแตกฉานดีจนสามารถเปรียบเทียบกับเรื่องต่างๆรอบตัว สามารถทำให้เรื่องใหม่ของคนที่ยังไม่แน่นเรื่องดิจิทัล ก็สามารถเข้าใจได้ว่าไม่ได้ใหม่จนน่ากลัวขนาดนั้น ส่วนกลุ่มที่สามที่ผมอยากแนะนำให้อ่านก็คือพวกที่คิดว่ารู้ดีอยู่แล้ว หรือคนที่ทำงานด้านดิจิทัลมานาน ด้วยความที่มันนานนี่แหละครับ บางครั้งบางทีเราก็อาจหลงลืมอะไรบางอย่างที่มันเป็นพื้นฐานไปได้ เหมือนได้กลับมาทบทวนความรู้อีกครั้ง หรือบางเรื่องก็อาจจะได้อีกมุมมองในเรื่องที่เคยรู้ หรือเคยคิดว่ารู้ครับ เนื้อหาในเล่มแบ่งย่อยออกเป็น…

ทางรอดในโลกใบใหม่ แห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่, Shaping the Fourth Industrial Revolution

จากหนังสือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ก่อนหน้าที่เคยอ่านไป ที่บอกให้รู้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่คืออะไร ก็คือการปฏิวัติด้วย Big Data, Machine Learning และ AI ที่มีพื้นฐานมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 หรือการปฏิวัติดิจิทัล มาคราวนี้ Klaus Schwab ออกมาเขียนหนังสือเล่มต่อเพื่อบอกให้รู้ว่า ถ้าอยากจะรอดให้ได้ต้องทำตัวอย่างไร ในวันนี้มนุษย์ส่วนใหญ่อาจถูกเทคโนโลยีที่สร้างมากดขี่หรือทำลายล้างเราไปโดยไม่รู้ตัว และไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่ต้องปรับตัว แต่ผู้เขียนยังบอกว่าสิ่งสำคัญคือทั้งสังคมและโดยเฉพาะภาครัฐยิ่งต้องปรับตัว เพราะไม่อย่างนั้นแล้วคุณค่าของมนุษย์จะถูกเทคโนโลยีที่สามารถทดแทนได้เข้ามาล้มล้างเราไปหมด หรือเทคโนโลยีที่ทรงพลังไม่น่าเชื่อจะกลายเป็นเครื่องมือของผู้ทรงอำนาจกลุ่มเล็กๆ ที่จะยิ่งใช้กดขี่คนส่วนมากให้ไม่ได้ลืมตาอ้าปากยิ่งกว่าเดิม แง่คิดหนึ่งในเล่มที่น่าสนใจที่ผู้เขียนบอกว่า เรามักอ้างว่าเทคโนโลยีก็เหมือนดาบสองคม เหมือนเหรียญสองด้าน หรือก็เป็นแค่เครื่องมือที่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ เช่น…

รู้ทันอนาคตที่(อาจจะ)ไม่มีคุณ The Industries of the Future

เป็นหนังสือที่ให้ภาพอนาคตแบบคร่าวๆตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที เพราะถ้าเราไม่เตรียมพร้อมรับมือไว้ ก็ตามชื่อหนังสือนั่นแหละครับ เราอาจจะไม่มีที่ยืนในอนาคตได้ ด้วยเทคโนโลยีต่างๆมากมายที่พร้อมเข้ามาแทนที่มนุษย์เรา Formless และ Borderless คือสองคำที่น่าจะเป็นหัวใจหลักในการบรรยายถึงโลกอนาคต, Formless คือการไม่ยึดติดกับสิ่งเดิม ไม่ว่าจะวิธีการ ความเชื่อ หรือความสำเร็จ เพราะทุกสิ่งจะเปลี่ยนแปลงตลอดและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ส่วน Borderless คือโลกจะเปิดกว้างยิ่งขึ้น เส้นแบ่งต่างๆจะค่อยๆจางหายไป มีโอกาสให้แทบกับทุกคน แต่โลกที่เปิดกว้างขึ้นก็ไม่ได้มีแค่โอกาส แต่มันหมายถึงการแข่งขันและคู่แข่งที่จะพรั่งพรูตามมาด้วย ดังนั้นถ้าไม่แกร่ง ไม่เร็ว ไม่ชัดเจนในความเชี่ยวชาญพอ ก็ยากที่จะมีที่ให้เราอยู่ในอนาคตครับ เพราะนวัตกรรมกับโลกาภิวัฒน์นั้นสร้างทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ โลกาภิวัฒน์จะทำให้ค่าแรงในประเทศสูงขึ้น แต่ด้วยค่าแรงที่สูงขึ้นนี่แหละที่จะทำให้คนในประเทศไม่มีงานทำ…

Digital Strategies ติดอาวุธให้แบรนด์พุ่งแรงในโลกดิจิทัล

ถ้ามีเพื่อนที่เป็น marketer หรือ advertiser ที่เชี่ยวชาญด้าน traditional แล้วอยากจะศึกษาด้าน digital ผมจะแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้ เพราะเนื้อหาเข้าใจง่าย มีให้ครบทุกแง่มุม อาจจะยังไม่ลึกมากแต่ก็จะได้ความเข้าใจในภาพรวมได้ค่อนข้างครบ รวมถึงพวกเคสจริงจาก SME ดีๆในบ้านเราประกอบด้วย ในเล่มประกอบด้วย 4 บทใหญ่ ที่ประกอบด้วย 18 หัวข้อเริ่มตั้งแต่… บทที่ 1 สร้างธุรกิจบนโลกดิจิทัล ไม่ใช่แค่ digital marketing แต่ต้องเริ่มตั้งแต่ digital branding…

The Dentsu Way

หนังสือเล่มนี้ผมอ่านเมื่อปี 2016 จำได้ว่าเป็นหนังสือที่ว่าด้วยวิธีคิดแบบ Dentsu ว่าหนึ่งในเอเจนซี่ยักษ์ใหญ่ระดับโลกเค้ามีหลักการคิดยังไง เท่าที่จำได้ถึงตอนนี้คือไอ้หลักการคิดแบบ ZMOT ของ Google นั้นถูกเขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ตั้งแต่ปี 2010 แล้ว หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยวิธีการคิดแบบ cross communication หรือโมเดล AISAS ที่เข้ามาแทนที่โมเดลการสื่อสารแบบเก่าๆอย่าง AIDA AIDA ย่อมาจาก Aware > Interest > Desire > Action จะเห็นว่าเป็นโมเดลการสื่อสารแบบเดิมที่เน้นส่งโฆษณายัดเข้าตาสะกดจิตให้คนจำจนออกไปซื้อ ส่วนโมเดลของ…

บิ๊กดาต้า มหาประลัย Weapons of Math Destruction

จะทำอย่างไรเมื่อชะตาชีวิตต้องถูกกำหนดโดยคณิตศาสตร์ หรือจะมองว่า Algorithm เป็นดั่งลิขิตสวรรค์ในยุคดิจิทัลก็ว่าได้ นี่คือหนังสือที่ไม่ได้ขู่ให้คุณกลัวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์สมัยนี้ แต่จะสอนให้คุณรู้เท่าทันและพยายามรวมตัวกันเรียกร้องให้เกิดความเป็นธรรมใน code โปรแกรมแต่ละบรรทัดที่กำลังกำกับวิถีชีวิตเราแทบทั้งหมดอยู่โดยไม่รู้ตัว คุณรู้มั้ยครับว่าเวลาเราเสริชหาคำซักคำบน Google แม้จะเป็นคำเดียวกันเป๊ะๆแต่ผลลัพธ์ที่ได้อาจจะแตกต่างกันอย่างไม่น่าเชื่อ สมมติว่าคุณเป็นนักธุรกิจที่รักการลงทุน ส่วนผมเป็นนักกิจกรรมเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ถ้าเราทั้งคู่เสริชหาคำว่า “บริษัทน้ำมัน” เหมือนกัน แต่ผลลัพธ์ของคุณกับผมจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง คุณน่าจะพบกับเว็บที่แนะนำการลงทุนในบริษัทน้ำมันที่น่าสนใจ และก็จะเจอกับข่าวคราวผลกำไรของบริษัทน้ำมันต่างๆ ส่วนผมที่เป็นนักกิจกรรมน่ะหรอครับ ก็จะเจอแต่ข่าวฉาวของบริษัทน้ำมันทั้งหลายว่าไปรั่วที่ไหน และทำให้สัตว์อะไรต้องสูญพันธ์ไปแล้วบ้าง นี่คือสิ่งทีเรียกว่าภาวะ “Filter Bubble” ในยุคดิจิทัลครับ นั่นหมายความว่าชะตาชีวิตเราในวันนี้ถูกกำหนดโดยโปรแกรมเมอร์และบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านข้อมูลเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะ facebook, google…