ถ้ามีเพื่อนที่เป็น marketer หรือ advertiser ที่เชี่ยวชาญด้าน traditional แล้วอยากจะศึกษาด้าน digital ผมจะแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้ เพราะเนื้อหาเข้าใจง่าย มีให้ครบทุกแง่มุม อาจจะยังไม่ลึกมากแต่ก็จะได้ความเข้าใจในภาพรวมได้ค่อนข้างครบ รวมถึงพวกเคสจริงจาก SME ดีๆในบ้านเราประกอบด้วย

ในเล่มประกอบด้วย 4 บทใหญ่ ที่ประกอบด้วย 18 หัวข้อเริ่มตั้งแต่…

บทที่ 1 สร้างธุรกิจบนโลกดิจิทัล

ไม่ใช่แค่ digital marketing แต่ต้องเริ่มตั้งแต่ digital branding เลย

แล้วก็พูดถึงการสื่อสารกับผู้บริโภคยุคใหม่อย่างไกล้ชิดที่เรียกว่า MCC ย่อมาจาก Micro Customized Communication

คือทุกวันนี้ผู้บริโภคสามารถส่งข้อความตรงถึงแบรนด์ได้ทันทีทุกที่ทุกเวลา ดังนั้นเราสามารถทำให้ผู้บริโภคสมัยนี้รู้สึกประทับใจกับเราได้ง่ายกว่าสมัยก่อน

และสุดท้ายการที่แบรนด์สามารถเล่าเรื่องถึงผู้คนได้ง่ายกว่าในยุคสมัยไหนๆที่ผ่านมา ไม่ต้องมีตัวกลางอย่างสื่อสมัยก่อนที่แพงหูฉี่ ไม่ว่าจะหนังสือพิมพ์ หรือ ทีวี เพราะนี่คือยุคดิจิทัลที่ใครๆก็สามารถเป็นกระบอกเสียงให้ตัวเองดังได้

บทที่ 2 สร้างคอนเทนต์

ปฏิเสธไม่ได้ว่าตั้งแต่ดิจิทัลโต เฟซบุ๊คกลายเป็นหลุมดำดูดเวลาของคนทุกวันนี้มากกว่าช่องทางไหนๆ คอนเทนต์เลยกลายเป็นหัวใจสำคัญของการตลาดในปัจจุบัน

ในยุคนึงที่คำว่า content marketing มาแรง แต่คนส่วนใหญ่กลับเข้าใจว่ามันเป็นแค่ facebook post เท่านั้น แต่ในความเป็นจริงคือ “เนื้อหา” ทุกอย่างที่แบรนด์สื่อออกมาผ่านช่องทางใหม่ๆต่างหากคือใจความสำคัญ

และมีเครื่องมือสำคัญในปัจจุบันนี้ที่เรียกว่า Social Monitoring หรือ Social Listening ที่ทำให้แบรนด์สามารถได้ยิน เข้าใจ และตอบสนองผู้บริโภคในปัจจุบันได้ทันท่วงที ไม่ต้องรอ focus group หลังจากโฆษณาออกไป 6 สัปดาห์หรือ 3 เดือนอีกต่อไป เราสามารถเห็นทุกความคิดผ่านการคอมเมนต์ได้แบบ 24/7 แล้ว

บทที่ 3 เทคนิคการขายออนไลน์

ผู้เขียนก็บอกว่าไม่ใช่แค่มีหน้าเวปช็อปปิ้งออนไลน์แล้วจบ แต่ต้องเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคหรือลูกค้าของเราก่อนว่าเค้าอยู่ตรง touchpoint ไหนบ้าง

แต่ละพื้นที่หรือแต่ละประเทศก็มีพฤติกรรมที่ต่างกัน เช่น คนไทยอาจเน้นเฟซบุ๊ค แต่สิงค์โปรอาจพรุ่งตรงเข้าเว็บเลย

แล้วในบทนี้ยังมีหัวข้อสำคัญที่ผมชอบคือ Service Quality ผมเรียกแบบไทยๆว่า “การบริการขั้นเทพ”

เพราะ social media คือช่องทางบริการหลังการขายที่สำคัญที่สุดในทุกวันนี้แล้ว

สมัยก่อนเราอาจจะโทรเข้า call center เพื่อจะขอข้อมูล แต่ทุกวันนี้ผู้คนส่งข้อความตรงเข้า Line@ ของแบรนด์ หรือไม่ก็ตรงเข้า Messenger บนเฟซบุ๊ค ถ้าเมื่อไหร่ต้องกดโทรศัพท์หาแบรนด์โดยตรง แสดงว่านั่นเข้าขั้นเร่งด่วนหรือสาหัสสุดๆแล้ว (แค่คิดภาพแล้วก็สงสาร call center เลย)

และสิ่งสำคัญคือยอด like ทุกวันนี้ ไม่สำคัญเท่ากับ quality ของ like ที่ได้มาแล้ว

เพราะเราอยู่ในยุคที่ digital ทำให้การตลาดแบบ 1 to 1 ง่ายขึ้น หรือ direct marketing ได้มากขึ้น เราสามารถเลือกได้เลยว่าอยากให้คนแบบไหนมา like เพจเรา การมีแฟนเพจมั่วๆหนึ่งล้านคน ไม่มีมูลค่าเท่ากับแฟนเพจที่สนใจเราจริงๆแค่หนึ่งหมื่นคนครับ

บทที่ 4 เทรนด์ดิจิทัลที่ต้องรู้

Gen ME หรือผู้บริโภคยุคมิลเลนเนียล คือกลุ่มสำคัญบนออนไลน์เพราะคนกลุ่มนี้เกิดมาก็ออนไลน์แล้ว เชื่อตัวเองไม่เชื่อโฆษณา

เพราะเมื่อไหร่ที่เค้าสงสัยหรืออยากรู้อยากได้อะไร เค้าก็จะพุ่งไปที่การเสริชแล้วก็อ่านๆๆ อ่านจนรู้สึกอิ่มแล้วก็ตัดสินใจด้วยตัวเอง ส่วนผลลัพธ์ถ้าดีไม่ดีหลังจากนั้นก็จะกลายเป็น content ที่เค้าแชร์ออกไปให้โลกรู้

ดังนั้นแบรนด์ต้องทำตัวดีๆ ทำของดีๆ อย่าโม้เยอะ ไม่งั้นคน gen me เนี่ยแหละที่จะทำให้แบรนด์คุณพังได้

เนื้อหาทั้งหมดก็ประมาณนี้ครับ สำหรับผมการได้อ่านเล่มนี้เหมือนได้เติมความรู้ที่ขาดหายไปเพราะผมเองก็เป็นพวกลูกผสม ไม่กล้าเรียกตัวเองว่า purely digital และยังถือเป็นการจัดลำดับความรู้ที่มีให้เป็นที่เป็นทางด้วย

สิ่งสำคัญคือไม่ว่าคุณจะเป็น digital หรือ traditional สิ่งสำคัญคือผู้บริโภคหรือลูกค้าของคุณ

โฟกัสที่เค้าว่าตอนนี้อยู่เป็นใคร ทำอะไร และก็อยู่ที่ไหน

เพราะถ้าคุณเทมาดิจิทัลเต็มสูบ แต่ลูกค้าของคุณกลับอยู่แต่บน traditional คุณก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง อย่ายึดติดกับเครื่องมือครับ ไม่ว่า digital หรือ traditional มันก็เป็นแค่เครื่องมือเท่านั้น

อ่านเมื่อปี 2017

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/