Contagious ธรรมดาแต่ดังมาก

สรุปหนังสือ Contagious ธรรมดาแต่ดังมาก หน้าปกเค้าบอกว่า..ยิงให้ตรงจุด แล้วคนจะหยุดพูดถึงคุณไม่ได้ ด้วยเคล็ดลับจากหลักสูตรการตลาดยอดนิยมของ Wharton School คนการตลาดหรือคนโฆษณาส่วนใหญ่ แม้กระทั่งเจ้าของแบรนด์หรือร้านอาหารเล็กๆต่างก็พยายามหาทางคิดจนหัวแตกว่า ทำยังไงสินค้าหรือบริการเราจะขายดีติดตลาด กลายเป็นคำพูดติดปากของใครๆเหมือนเค้าบ้างนะ แล้วเค้าที่ว่าน่ะเค้าไหน? ก็เค้าที่เป็นเคสดังๆ word of mouth หรือ viral ดังๆกระหึ่มทั่วบ้านทั่วเมืองนั่นไงล่ะ ถ้าคนพูดถึงเค้ากันมากขนาดนั้นยอดขายมันก็ต้องพุ่งขึ้นเอาๆบ้างหละน่า.. เหรอครับ? ไวรัลไฟลามทุ่งหรือ wom ช่วยให้ขายดีได้ด้วยหรอครับ? ถ้างั้นผมต้องถามว่าคุณวัดมันจากอะไรล่ะ? ไวรัลอาจเป็นกระแสแค่ชั่วข้ามคืน 2-3 วัน ที่ทำให้ทุกคนพูดถึงพร้อมกัน…

Concept is Everything – 1,000 ไอเดียหรือจะสู้ 1 คอนเซปต์

สรุปหนังสือ Concept is Everything ฉบับภาษาไทยของสำนักพิมพ์ Welearn นี้มีชื่อไทยว่า 1,000 ไอเดียหรือจะสู้ 1 คอนเซปต์ บางคนอาจสงสัยว่าแล้วไอเดียกับคอนเซปต์มันต่างกันอย่างไร ผมขออธิบายแบบนี้ครับในฐานะคนที่เคยเป็นครีเอทีฟและทำโฆษณามาก่อน ไอเดียคือวิธีการ หรือจะเรียกให้ง่ายขึ้นคือ execution ก็ว่าได้ แต่คอนเซปต์นั้นคือแนวทางหรือเป้าหมายของเรา เช่น เราต้องไปทะเล นั่นคือคอนเซปต์ ส่วนจะไปทะเลด้วยวิธีการไหนนั่นคือไอเดียครับ กลับมาที่หนังสือเล่มนี้ต่อ หนังสือที่จะทำให้คุณรู้ว่าคอนเซปต์นั้นสำคัญไฉน เพราะ ยะมะดะ โซ ผู้เขียนเป็นถึง Creative Director…

Outside In ขายอะไรกำไรแค่ได้ใจลูกค้า

สรุปหนังสือ Outside In หรือ ขายอะไรก็กำไรแค่ได้ใจลูกค้า หัวใจของหนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องของ “ประสบการณ์ลูกค้า” ที่ทำแล้วเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้ในระยะยาว และทำให้ธุรกิจนั้นกลายเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งจนยากที่จะเลียนแบบได้ทันที ฟังแบบนี้อาจดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับผู้บริหาร หรือนักธุรกิจมากกว่านักการตลาด แต่ความจริงแล้วผมอยากจะบอกว่า หนังสือเล่มนี้เหมาะกับนักการตลาดและคนสายงานโฆษณามากกว่าผู้บริหาร เพราะอย่างที่รู้กันว่า “แบรนด์” นั้นคือสิ่งที่ผู้คนรู้สึก ดังนั้นประสบการณ์ที่ดีจึงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับแบรนด์นั้น เพื่อจะกลายเป็นแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่ในระยะยาว การปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าให้ดีจนไปสู่ยอดขายหรือกำไรบริษัท มีหัวใจหลักอยู่ที่ 3 ขั้นตอน เห็นปัญหา ทำความเข้าใจ และปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เช่น ครั้งนึง Fedex เคยเริ่มปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าด้วยการ เอากองภูเขาพัสดุที่สุมอยู่ด้านหลังพนักงานออกไปไว้หลังฉากไม่ให้ลูกค้าเห็น…

The Brand Gap แบรนด์แก๊ป

สรุปหนังสือ The Brand Gap เป็นหนังสือด้านแบรนด์และการตลาดที่แม้จะผ่านมามากกว่าสิบปีแล้ว แต่แก่นของเนื้อหาก็ยังใหม่อยู่เสมอ แบรนด์ คำที่ใครๆก็รู้จักแต่จะมีซักกี่คนที่ “เข้าใจ” ถึงความหมายจริงๆของคำง่ายๆคำนี้กันแน่ แม้จะผ่านการทำงานมาหลายปีแต่หนังสือเล่มนี้ก็ทำให้ผมเข้าใจคำว่า “แบรนด์” ได้ชัดและใหม่ขึ้นอีกครั้ง แบรนด์ ไม่ใช่ Logo ไม่ใช่ Slogan ไม่ใช่ Tagline แต่เป็น “ความรู้สึก” ที่คนมีแต่สินค้า บริการ หรือบริษัทของเรา การสร้าง Brand ไม่ใช่การเที่ยวเร่แปะ Logo หรือชื่อยี่ห้อไปทั่ว…

BRAND ZAG แบรนด์+แข็ง+ปัง โดย Marty Neumeier

สรุปหนังสือ BRAND ZAG, หลังจากเพิ่งอ่าน BRAND GAP จบเมื่อวันก่อน ก็เลยหยิบ BRAND ZAG เล่มนี้ขึ้นมาอ่านต่อ เพราะกำลังมันส์เรื่องแบรนด์ที่ Marty Neumeier เล่าแบบง่ายๆแต่ทำให้เข้าใจแบบลึกๆ ที่ยากจะมีกูรูที่ไหนทำได้ โดยเฉพาะในยุคที่เต็มไปด้วยกูรูด้านการตลาดอย่างทุกวันนี้ โดยใจความสำคัญของคำว่า “แบรนด์” ที่ Marty Neumeier เน้นย้ำคือ มันไม่ใช่สิ่งที่คุณหรือบริษัทเป็นคนพูด แต่มันคือสิ่งที่ “ผู้คนพูดถึงคุณ” เพราะแบรนด์ทุกๆแบรนด์นั้นถูกสร้างขึ้นจาก “ประสบการณ์” ที่มาจากความพึงพอใจของผู้คน และ…

David Ogilvy คำสารภาพของคนโฆษณา

ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากครับที่สามารถหาหนังสือเล่มนี้มาได้ ตอนที่ไปเดินงานหนังสือช่วงต้นปี 2562 แล้วก่อนกลับผมบังเอิญเห็นบูทของร้านหนังสือมือสองร้านหนึ่งที่ชั้นล่าง(เสียดายจำชื่อร้านไม่ได้) ในร้านดูเต็มไปด้วยหนังสือที่เก่ามากถึงขั้นจะใช้คำว่า “โบราณ” ก็ยังได้ ด้วยความเป็นคนบ้าหนังสือหน่อยๆก็เลยเดินเข้าไป เผื่อจะเจอทองโดยบังเอิญ และก็บิงโก! ผมได้หนังสือเล่มนี้ที่ค้างอยู่ในใจผมมานาน ในฐานะคนทำโฆษณาและการตลาดปฏิเสธไม่ได้เลยว่า David Ogilvy คนนี้เป็นดั่งปรมาจารย์ของคนโฆษณาก็ว่าได้ ผมเลยไม่รอช้ารีบคว้ามาโดยไม่แคร์สภาพ เพราะถ้าดูจากสภาพแล้วต้องบอกว่ายังสวยงามมาก เพราะหนังสือเล่มนี้น่าจะพิมพ์ออกมานานมากๆๆๆๆๆ มากจนไม่คิดว่าผมจะยังได้มาครอบครองได้แบบนี้ เพ้อไปเยอะเข้าเรื่องเนื้อหาที่จะสรุปหนังสือ คำสารภาพของคนโฆษณา หรือ Confessions of an Advertising Man ที่เขียนโดย David Ogilvy…

Propaganda โฆษณาชวนเชื่อ

สรุปอย่างย่อ นี่คือหนังสือที่สอนเรื่องการ PR ชั้นดี ที่เผยเบื้องหลังของสิ่งต่างๆรอบตัวที่เรามองข้ามมาตลอด ให้เห็นความเชื่อมโยงที่จริงอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะถ้าลองคิดตามดูจะพบว่ามันจริงซะจริงจนไม่รู้จะว่ายังไง เช่น การจะทำให้สินค้าที่ผ่านการออกแบบมีค่าในสายตาผู้บริโภคทั่วไปมากขึ้น ก็จะไม่ใช้การโฆษณาตรงๆ แต่จะใช้การสร้างกระแสให้เห็นคุณค่าของการศิลปะ อาจจะผ่านหอศิลป์ต่างๆมากมาย เพื่อให้คนยอมรับในคุณค่าของการออกแบบมากขึ้น แม้หนังสือเล่มนี้จะอ่านแล้วไม่สมูทเท่าไหร่นักในความคิดผม แต่ผมว่าเนื้อหาในเล่มมีประเด็นเด็ดๆที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อนไม่น้อยเลยครับ ดังนั้นถ้าใครทำงานการตลาด ทำงานด้านการขาย หรือทำงานประชาสัมพันธ์ หรืออาจจะแค่อยากรู้เท่าทันว่าสารที่เราเห็นผ่านสื่อรอบตัวนั้น แท้จริงแล้วเค้ากำลังต้องการอะไรจากเรากันแน่ เพราะการโฆษณาชวนเชื่อคือการไม่บอกตรงๆว่าอยากให้เราทำอะไร แต่เป็นการพูดอ้อมๆหรือสะกิดเบาๆให้เรารู้เองว่าเราควรทำหรือคิดอย่างไร สรุปอย่างยาว ผมขอหยิบบางส่วนในเล่มมาเล่าให้ฟังเพื่อเรียกน้ำย่อยให้คุณไปหามาอ่านเองแบบเต็มๆที่งานหนังสือที่กำลังจะมาถึงสิ้นเดือนนี้ หรือลองไปหาดูตามร้านหนังสือใกล้บ้านนะครับ ป้อนเรื่องให้คนต้องคิด ทำให้คนไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่นที่ไม่อยากให้คิด อย่างการที่สื่อต่างๆพยายามป้อนข่าวโน่นนี่นั่นใส่หัวเราตลอดเวลา บางทีเค้าก็ไม่ได้อยากให้เราใส่ใจเรื่องนั้นหรอก แต่เค้าแค่ไม่อยากให้เรามีเวลาว่างไปใส่ใจเรื่องอื่นที่เค้าไม่อยากให้เราใส่ใจ…

Disruption ฉีกแนวคิดสู่ชั้นเชิงธุรกิจ

ว่าด้วยวิธีคิดแบบ TBWA ที่เป็นแนวทางให้ TBWA ทั่วโลก คิดยังไงให้ต่าง? คำถามนี้คนโฆษณาและการตลาดมักจะคุ้นกันดี โดยเฉพาะคนเอเจนซี่ที่ต้องรับโจทย์จากนักการตลาด หรือแบรนด์มาอีกทีว่า จะทำยังไงให้สินค้าหรือบริการตัวเองต่างจากคู่แข่ง ทั้งๆที่ทุกวันนี้ความแตกต่างในสินค้าหรือบริการนั้นกลับแทบไม่มีเหลืออีกแล้ว นวัตกรรมใหม่ๆที่เคยทำให้แบรนด์ๆแตกต่างในได้ในอดีต กลับถูกลอกเลียนแบบได้ในเวลาที่สั้นลงกว่าทุกยุคที่ผ่านมา หรือที่มีคำเรียกว่า commondization หรือแปลง่ายๆเป็นภาษาชาวบ้านว่า “มันก็คือกันทั้งนั้นแหละ” แล้วเราจะทำยังไงให้เรา “ต่าง” จากคู่แข่งได้บ้างล่ะ? หนังสือเล่มนี้บอกว่ามันยังพอมีแนวทางอยู่ และแนวทางนี้ก็ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆก็คือ Convention / Disruption / Vision Convention…

ถ้าอยากขายซุป ต้องขายขนมปังด้วย

ขายยังไง? ทุกวันนี้คุณขายสินค้าหรือบริการของคุณยังไงบ้าง หลายครั้งเรามักติดภาพกรอบความคิดเดิมๆของสินค้าและบริการนั้น จนเราลืมไปว่ามันยังมีวิธีอื่นที่เราจะ “ขายมันใหม่” ออกไปได้อีกมากมาย ตัวอย่างการ “หาวิธีขายใหม่” ที่น่าสนใจจนกลับมาเพิ่มยอดขายได้จริงในเล่มนี้ เรื่องแรกก็คือชื่อหนังสือเลยครับ เอาขนมปังมาช่วยขายซุปถ้วยเดิม เรื่องมันมีอยู่ว่า คนอร์คัปซุป(ที่ญี่ปุ่น) ประสบปัญหาราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นในช่วงปี 2005-2008 เหมือนกับผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็เลยพยายามแก้เกมส์ครั้งแรกด้วยการชูจุดขายว่า นี่คือซุปที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจากในประเทศจากเกาะฮอกไกโดเท่านั้น โดยคาดหวังว่าความเป็นชาตินิยมของญี่ปุ่นจะกลับมากระตุ้นยอดขายให้ตัวเอง แต่ผลที่ได้คือเปล่าเลยครับ ยอดขายไม่กระเตื้องแถมยังเปลืองงบโฆษณาอีกต่างหาก ผู้เขียนก็เลยออกไปสำรวจกลุ่มลูกค้าตัวจริงแล้วพบว่า คนส่วนใหญ่กินเป็นมื้อเช้า แต่คนที่กินมื้อเช้าส่วนมากชอบกินขนมปัง คนส่วนใหญ่ที่กินคนอร์คัปซุปเป็นมื้อเช้านั้นชอบกินกับขนมปัง เพราะทำให้อร่อยขึ้นเยอะ แต่คนที่กินขนมปังกลับไม่เคยกินกับคนอร์คัปซุป ก็เลยเกิดเป็นไอเดียการชูจุดขายใหม่ว่าจะ “ปังจุม” หรือ…

The Content Revolution, คอนเทนต์ปัง ยังไงก็โดน!

เมื่ออ่านจบแล้วสรุปในหนึ่งประโยคได้ว่า “เลิกแทรกแซง แต่เร่งส่งเสริม” การโฆษณาตลอดหลายสิบหรือร้อยปีที่ผ่านมาเอาแต่ “แทรงแซง” หรือขัดจังหวะคนมาตลอด แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไหร่นัก เช่น โฆษณาที่บังคับก่อนเราจะดูยูทูปโดยไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเราหรือความสนใจของเราเลย หรือ โฆษณาตามทีวีที่เราคุ้นเคยกัน ก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับเราเท่าไหร่นัก ยิ่งเป็นในยุคดิจิทัลมากขึ้น มีเสียงรบกวนมากมายจากโฆษณาในแต่ละวัน จากข้อมูลรีเสริชที่เคยอ่านล่าสุดบอกว่า เราเห็นโฆษณามากกว่า 5,000 ชิ้นในแต่ละวัน แต่ทำไมเรากลับจำมันได้ไม่ถึง 1% เลยล่ะ ก็เพราะโฆษณาส่วนใหญ่ที่เราเห็นยังคงเน้นที่การ “แทรกแซง” ชีวิตเราเสมอ แล้วโฆษณาในยุคนี้ที่บอกว่าเป็น content marketing ล่ะต่างกันยังไง? ต่างกันครับ ตรงที่การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งจะเน้นการ…