กิน หลับ ขยับตัว, Eat Move Sleep

ถ้าจำให้มีคำนิยามซักประโยคให้กับหนังสือเล่มนี้ ผมว่าน่าจะเป็น “กินให้ดี หลับให้พอ ขยับตัวให้มาก” น่าจะเป็นประโยคนี้แหละครับ คือใจความของเล่มนี้ TOM RATH ผู้เขียนป่วยเป็นโรคที่หาได้ยากมาก เป็นโรคผิดปกติทางพันธุกรรมที่เรียกว่า Von Hipple-Lindau (VHL) ที่พบเพียง 1 ใน 4,400,000 คนเท่านั้น การกลายพันธุ์นี้ไปปิดสวิตช์ยีนที่ควบคุมเนื้องอก ทำให้เซลล์มะเร็งเติบโตแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย จากคนปกติมีเนื้องอกไม่กี่จุดในตัวก็ถือเป็นเรื่องใหญ่แล้ว แต่สำหรับชายคนนี้มีเป็นสิบๆจุดพร้อมกัน แถมแต่ละจุดก็ไม่ใช่เล็กๆ เนื้องอกก้อนโตๆผสมมะเร็งอยู่เต็มตัวไปหมด หลังจากผู้เขียนรู้ว่าตัวเองเป็นชายที่โชคร้ายติดอันดับโลก เค้าเริ่มตั้งสติได้แล้วก็หาทางที่จะมีชีวิตให้ยาวนานที่สุด เริ่มจากการพยายามศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเนื้องอกเนื้อร้ายที่อยู่ในร่างกายเค้า ศึกษาหาจุดอ่อนของมัน และพยายามเล่นงานจุดอ่อนของโรคร้ายนี้กลับคืน…

99เรื่องต้องรู้ก่อนมีบ้าน

และต่อให้มีบ้านแล้วก็ควรต้องอ่าน เพราะเชื่อได้เลยว่าหลายเรื่องเจ้าของบ้านไม่เคยรู้มาก่อนเลย อย่างผมมีบ้านของตัวเองมา 3 ปีแล้ว ใน 99 เรื่องผมกลับรู้ไม่ถึงสิบเรื่องด้วยซ้ำ วันนี้เลยขอหยิบยกบางเรื่องเอามาเล่าให้คนที่อยากมีบ้าน กำลังจะมีบ้าน และมีบ้านแล้ว ได้อัพเดทความรู้เอาไว้ ซี่กุญแจต้องหงายขึ้น…นึกภาพเวลาเรากำลังจะเข้าบ้านแล้วหยิบกุญแจจะเสียบเข้าลูกบิดประตูบ้านนะครับ ทีนี้ดูที่ลูกกุญแจของเราว่าตอนที่เรากำลังจะเสียบเข้ารูกุญแจเพื่อปลดล็อคบ้านนั้น มันจะมีสองด้าน ด้านที่เรียบๆกับด้านที่เป็นซี่ๆแบบฟันปลา การติดกุญแจประตูที่ถูกต้องนั้นต้องให้เราหันด้านซี่แหลมๆของลูกกุญแจขึ้นด้านบนเวลาจะไขเข้าประตูบ้านทุกครั้ง เพราะจะช่วยยืดอายุของสปริงในรูกุญแจให้ใช้ได้ยาวนานที่สุด กุญแจเขาควายดีกว่า…ถ้าไม่เห็นภาพประกอบก็คงจะงงได้ไม่ยาก แต่คิดภาพง่ายๆตามผมนะครับ กุญแจประตูส่วนใหญ่มีสองแบบที่เราคุ้นๆกัน คือแบบลูกบิดที่ใช้กันเป็นประจำ กับแบบเป็นก้านออกมาให้เราบิด กุญแจเขาควายคือแบบก้านครับ และที่ผู้เขียนแนะนำแบบนี้เพราะมันง่ายต่อการใช้งานกว่า เพราะแม้มือของคุณจะไม่ว่างบิดเพื่อเปิดเพราะหอบหิ้วของมาเต็ม ก็สามารถใช้ข้อศอกหรือแขนกดกุญแจแบบเขาควายเพื่อเปิดประตูได้ ดีใจที่กุญแจที่บ้านทางโครงการติดตั้งแบบนี้ให้หมดทุกห้องเลย บานเลื่อนอากาศรั่ว…ถ้าเราสังเกตุดูเวลาไปดูบ้านตามโครงการใหม่ๆ จะเห็นว่ามักติดตั้งประตูหรือกระจกบานเลื่อนไว้รอบบ้าน…

เศรษฐศาสตร์มีจริต

ดร. วิรไท สันติประภพ, นักเศรษฐศาสตร์พเนจร เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องเศรษฐศาสตร์อีกเล่มที่อ่านเข้าใจได้ไม่ยาก และก็ทำให้เข้าใจภาพความจริงของเศรษฐกิจบ้านเมืองเราในช่วงก่อนยุค คสช ได้มากพอควร และพออ่านจบก็เลยเพิ่งรู้ว่าผมมีหนังสือของนักเขียนคนนี้อยู่อีกเล่มแต่ยังไม่ได้อ่าน คือ “ประชานิยม: ทางสู่ความหายนะ” เป็นเล่มที่ได้จากงานหนังสือเมื่อต้นปี 2560 แต่เล่มนี้เพิ่งได้มาจากงานหนังสือเมื่อปลายปีเดียวกันแต่ดันอ่านจบก่อนซะงั้น เนื้อหาหลักๆของเล่มผมว่าแบ่งเป็นสองส่วน คือ “ประชานิยม” กับ “ทุนนิยม” (ความจริงในเล่มมีเนื้อหาหลายหัวข้อ อันนี้ผมขอสรุปจากความรู้สึกส่วนตัวของผมนะครับ) “ประชานิยม” กลายเป็นสิ่งที่คนไทยถูกพรรคการเมืองและรัฐบาลตั้งแต่ยุคทักษิณมอบให้ เสมือนขนมเค้กที่ปราศจากคำเตือนถึงอันตรายของโรคต่างๆที่จะตามมา เพราะทุกครั้งที่ไม่ว่าจะรัฐบาลหรือพรรคการเมืองใดๆก็ตามต้องการคะแนนนิยมจากประชาชน ก็จะหยิบเอานโยบายประชานิยมต่างๆขึ้นมาหาเสียง ไม่ว่าจะรถไฟฟ้า 20บาททุกสายทุกเส้น(จนวันนี้บินหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้) ไปจนถึงจำนำข้าวทุกเมล็ด…

เศรษฐศาสตร์เปลี่ยนสิ่งประหลาดให้เป็นเรื่องปกติ

ถ้าใครที่ชื่นชอบผลงานของอาจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์หลายชุด ที่เขียนให้ชาวบ้านอ่านเข้าใจได้แม้จะไม่ได้เรียนเศรษฐศาสตร์มา(ตัวอย่างผมเป็นต้น) เช่น โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี หรือล่าสุดก็ Global Change ที่มีถึงเล่ม 5 เข้าไปแล้วกับสำนักพิมพ์ Openbooks ก็น่าจะชอบหนังสือเล่มนี้เหมือนกับที่ผมชอบ และส่วนนึงผมก็คิดว่าหนังสือเล่มนี้ออกไปทางแนวเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ที่กำลังเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในบ้านเรา ทำให้อ่านง่าย อ่านสนุก แถมยังได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้และมองข้ามมาตลอดด้วย ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องเกริ่นเพื่อปูความเข้าใจของหนังสือเล่มนี้เยอะ ผมขอหยิบยกตัวอย่างบางเรื่องที่ผมคิดว่าน่าสนใจเอามาสรุปให้อ่านโดยประมาณนึงก็แล้วกัน รูปแบบ 3 อย่างของการตัดสินใจ....คนเรามีรูปแบบการตัดสินใจอยู่ 3 รูปแบบ 1. การใช้จุดอ้างอิง (reference-dependence) คือ…

Sapiens; A Brief History of Humankind เซเปียนส์ ประวัติย่อมนุษยชาติ

สรุปแบบย่อเมื่ออ่านจบ หนังสือเล่มนี้ดูเหมือนจะหนา(ซึ่งก็ควรจะหนาเพราะมีทั้งหมด 608 หน้า) แต่เนื้อหาข้างในกลับสนุกมากจนไม่อยากให้จบเลย(นี่พูดจริงๆไม่ได้เวอร์) เพราะหนังสือเล่มนี้ทำให้เราเข้าใจประวัติศาสตร์มนุษย์ชาติที่เป็นเราทุกวันนี้ ภายใต้สายพันธุ์ที่ชื่อว่า Sapiens หรือเรียกเต็มๆว่า Homo Sapiens ที่หมายความว่ามนุษย์ผู้เจริญแล้ว(เป็นการตั้งชื่อที่อวยตัวเองสุดๆเลยนะเจ้ามนุษย์) แต่ในความเป็นจริงแล้วมนุษย์นั้นไม่ได้มีแค่สายพันธุ์เดียวแบบโดดๆ แต่ก่อนหน้านี้มนุษย์เองก็มีมากมายหลายสายพันธุ์ ถ้าให้เปรียบก็คงเหมือนกับแมวมากมายที่มีหลายสายพันธุ์ เพียงแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมมนุษย์สายพันธุ์อื่นถึงสูญพันธุ์ไปหมดขนาดสายพันธุ์อย่างนีแอนเดอร์ทาล (Homo Neanderthalensis) ที่ดูจากโครงสร้างที่เหลืออยู่แล้วก็แข็งแรงกว่าเซเปียนส์อย่างเราด้วยซ้ำ แต่ทำไมกันเราผู้อ่อนแอกว่าถึงอยู่รอดและครองโลกอยู่ในวันนี้ได้ หนังสือเล่มนี้ให้ความรู้ตั้งแต่อดีตกาลอันไกลโพ้นของมนุษย์สายพันธุ์แรกเริ่ม ตั้งแต่เริ่มแยกสายพันธุ์จากลิงไร้หางออกมา แล้วก็ปฏิวัติการเกษตร จนเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ และให้ภาพถึงอนาคตของอภิมนุษย์ หรือมนุษย์เซเปียนอย่างเรานั้นอาจขึ้นมาเป็นผู้นำเพื่อล้างเผ่าพันธุ์เราเองก็ได้ หนังสือเซเปียนส์เล่มนี้แบ่งเนื้อหาออกเป็นสี่ส่วน ตามการปฏิวัติครั้งสำคัญของมนุษยชาติ เริ่มตั้งแต่การปฏิวัติการรับรู้ ที่แยกเราออกจากฝูงสัตว์หรือมนุษย์สายพันธุ์อื่นโดยเด็ดขาด…

โฆษณาฆ่าไม่ตาย Advertising Transformed

เขียนโดย Fons Van Dyck นักโฆษณาและผู้ก่อตั้ง Think BBDO ในกรุงบรัสเซลส์ และได้รับเลือกให้เป็น “สุดยอดนักการตลาด” โดยชมรมการตลาดเบลเยียมด้วย หนังสือเล่มนี้พิมพ์ออกในช่วงปี 2014 น่าจะเป็นช่วงที่โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ platform อื่นๆกำลังบูมสุดขีด บอกถึงแนวทางการปรับตัวของโฆษณาและการตลาดให้กับบรรดานักการตลาดและคนโฆษณาทั้งหลาย แต่ผมว่าเทไปทางนักการตลาดมากกว่านะ ระหว่างที่อ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าผู้เขียนกำลังพยายามโน้มน้าวให้นักการตลาดหรือบรรดาลูกค้าที่เป็นแบรนด์ส่วนใหญ่เชื่อว่า “โฆษณาแบบดั้งเดิม” (ผมขอใช้คำนี้แล้วกันที่หมายถึง TVC, Print และ Radio) จะไม่ตายและไม่หายไปไหน และที่สำคัญกลับยิ่งเป็นสำคัญที่จะทำให้แบรนด์ทั้งหลายผ่านพ้นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจไปได้แบบเหนือคู่แข่งอีกด้วย ผู้เขียนบอกว่าสาเหตุที่คนทุกวันนี้ปฏิเสธโฆษณากันมากขึ้น…

ขาย 100 คน ซื้อ 99 คน

แม้ไม่ใช่นักขายโดยอาชีพ แต่คุณรู้มั้ยครับว่าเราทุกคนก็ล้วนเป็นนักขายโดยธรรมชาติ เพราะการซื้อขายคือการแลกเปลี่ยนให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการกันมาแต่เกิด เช่น เด็กทารกต้องขายเสียงร้องให้เพื่อได้รับน้ำนมจากแม่ โตขึ้นมาหน่อยก็เริ่มต้องขายการทำตัวดีเพื่อให้พ่อแม่ชื่นชมหรือได้รับขนม โตมาอีกนิดก็เริ่มจะขายคำหวานเพื่อให้ได้รับความรักความสนใจจากเพศตรงข้าม โตขึ้นมาก็ต้องขายความสามารถเพื่อแลกเงิน หรือบางคนก็เปิดธุรกิจค้าขายตรงๆไปก็มี นี่แหละครับทำไมผมถึงบอกว่ามนุษย์เราล้วนเป็นนักขายมาตั้งแต่เกิดแล้ว ดังนั้นผมจึงกล้าบอกว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เหมาะกับแค่คนที่มีอาชีพเป็นนักขายหรือ Sale เท่านั้น แต่เหมาะกับทุกคนต่างหาก ว่าแต่ อะกิระ คะกะตะ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เป็นใคร… …ตามประวัติท้ายเล่มบอกว่าเป็นชายที่ได้รับการขนานนามในญี่ปุ่นว่าเป็น “เทพเจ้าการขาย” มีเปอร์เซ็นต์การปิดการขายสำเร็จอยู่ที่ 99% ฟังดูเหมือนโม้แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเรื่องจริงมั้ย แต่ผมคิดว่าก็น่าจะสูงมากๆจนทำให้ชาวบ้านที่ญี่ปุ่นให้ฉายาเค้าแบบนั้นนั่นแหละครับ ใจความสำคัญของการขายให้สำเร็จจากหนังสือเล่มนี้ผมว่ามีอยู่แค่ 3 ข้อ 1.คุณต้องเข้าใจคน… หมายถึงคุณต้องเข้าใจในธรรมชาติของความเป็น “คน”…

165 เกร็ดสถิติจาก Harvard ที่จะทำให้คุณอ่านเกมขาดเรื่องธุรกิจ

Stats & Curiosities from Harvard Business Review เป็นอีกหนึ่งหนังสือที่น่าสนใจและอ่านง่ายอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะอ่านแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็จบแล้ว แต่กลับได้สถิติ ตัวเลข จากการสำรวจที่หลากหลาย จนทำให้ใครก็ตามที่กำลังหาข้อมูลสนับสนุนการทำพรีเซนเทชั่นสามารถเอาไปใช้ได้แบบน่าเชื่อถือ (ก็มาจาก Havard Business Review นิ จะมีซักกี่คนที่จะไม่เชื่อกันล่ะ) ไม่ต้องเกริ่นเยอะกว่านี้แล้ว ผมขอเอาบางสถิติในเล่มที่ผมคิดว่าน่าสนใจด้วยความแปลกใหม่และไม่น่าเชื่อเอามาเล่าสรุปสู่กันฟังแล้วกันนะครับ สถิติที่ 4 ผู้คนไม่ชอบธนบัตรเก่า และอยากใช้มันให้เร็วที่สุด คนที่ได้รับธนบัตรดอลลาร์ใบเก่ามีโอกาสจะนำธนบัตรไปใช้มากกว่าคนที่ได้รับธนบัตรใบใหม่ถึง 82% เพราะผู้คนรู้สึกขยะแขยงธนบัตรที่มีสภาพยับเยินและอยากกำจัดไปให้พ้นๆ เพราะรู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยเชื้อโรค… ดังนั้นถ้ารัฐบาลอยากให้คนออมเงินเยอะๆช่วงไหน ก็พยายามแจกจ่ายธนบัตรใบใหม่ๆสวยๆออกไปนะครับ…

Digital Strategies ติดอาวุธให้แบรนด์พุ่งแรงในโลกดิจิทัล

ถ้ามีเพื่อนที่เป็น marketer หรือ advertiser ที่เชี่ยวชาญด้าน traditional แล้วอยากจะศึกษาด้าน digital ผมจะแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้ เพราะเนื้อหาเข้าใจง่าย มีให้ครบทุกแง่มุม อาจจะยังไม่ลึกมากแต่ก็จะได้ความเข้าใจในภาพรวมได้ค่อนข้างครบ รวมถึงพวกเคสจริงจาก SME ดีๆในบ้านเราประกอบด้วย ในเล่มประกอบด้วย 4 บทใหญ่ ที่ประกอบด้วย 18 หัวข้อเริ่มตั้งแต่… บทที่ 1 สร้างธุรกิจบนโลกดิจิทัล ไม่ใช่แค่ digital marketing แต่ต้องเริ่มตั้งแต่ digital branding…

ชีวิตดีขึ้นทันตาเห็น แค่หยิบเรื่องมาคุยเล่น 30 วินาที

หนังสือว่าด้วยศาสตร์แห่งการคุยเล่นที่จะทำให้ชีวิตเราดีขึ้น การคุยเล่นที่บางคนอาจจะเห็นว่าไร้สาระนั้น จะรู้มั้ยว่าความไร้สาระนั่นแหละคือแก่นสารของชีวิตเรา คนที่คุยเล่นได้เก่งคือคนที่มีทักษะในการสื่อสารได้ดี และก็เป็นคนที่ใครๆก็รักและชื่นชอบ ถ้าเราสังเกตุจากสิ่งรอบตัวในชีวิต เราจะพบเจอแต่เรื่องราวไร้สาระที่กลายมาเป็นสาระหลักในชีวิตเรามากขึ้นทุกวัน การพูดคุยคือส่วนหนึ่งในการทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคนที่พูดคุยเก่งก็มีแนวโน้มจะเติบโตในหน้าที่การงานได้ดี หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านง่ายๆ และเหมาะจะเอามาทดลองใช้ในชีวิตประจำวันดู แม้แต่การสัมภาษณ์งาน ก็ยังแฝงการคุยเล่นที่ไร้สาระ เพื่อดูว่าคุณเป็นคนรับมือกับเรื่องเล่านี้ยังไงเลย เรามาหัดคุยเล่นกันวันละ30วินาทีกันเถอะครับ อ่านเมื่อปี 2016