สรุปหนังสือ 2030 อนาคตอันใกล้ไม่มีอะไรเหมือนเดิม

สรุปหนังสือ 2030 อนาคตอันใกล้ไม่มีอะไรเหมือนเดิม How Today’s Biggest Trends Will Collide and Reshape the Future of Everything จับกระแสแห่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในทุกมิติ อีกไม่กี่ปีข้างหน้าโลกจะเผชิญกับความจริงแบบใหม่ที่เราไม่คุ้นเคย เขียนโดย Mauro F. Guillen เป็นหนังสือที่เล่าให้เห็นภาพในอนาคตอีก 27 ปีข้างหน้าในปี 2030 ว่าน่าจะเป็นอย่างไร ไม่ได้เขียนจากสิ่งที่มโนหนักมากแบบหนังสือเทรนด์ปกติ แต่เขียนจากความน่าจะเป็นที่เกิดขึ้นในวันนี้ และเมื่อถึงปี 2030…

Futuration เปลี่ยนปัจจุบันทันอนาคต

หนังสือเล่มนี้สรุปภาพอนาคตจากสิ่งที่เป็นในวันนี้ บวกกับการคาดการณ์จากความรู้ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ที่หลากหลายของผู้เขียน ดร. สันติธาร เสถียรไทย ชายผู้ใช้คำว่า “อิจฉริยะ” ก็น่าจะน้อยไป แต่ขอโทษด้วยเพราะผมไม่สามารถหาคำไหนที่ดีกว่านี้ได้ในตอนนี้ ถ้าใครสนใจใคร่รู้ว่าในอนาคตอันใกล้จะเกิดอะไรขึ้น ควรอ่านหนังสือเล่มนี้ และถ้าใครสนใจว่าอนาคตที่ไกลออกไปจะมีรูปร่างหน้าตาประมาณไหน ก็ไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้ หนังสือเล่มนี้ทำให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น และสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้น รวมถึงจะมีอะไรบ้างที่จะดับสูญหายไปตามกาลเวลา เพราะสิ่งที่แน่นอนคือความไม่แน่นอน นี่ไม่ใช่แค่หลักธรรมของพุทธ แต่เป็นสัจธรรมของจักรวาล ขนาดดาวฤกษ์ดวงใหญ่กว่าดวงอาทิตย์ยังดับสูญสลายหายไปเป็นหลุมดำได้ นับประสาอะไรกับเศษเสี้ยวฝุ่นธุลีเล็กๆเช่นมนุษย์เรา ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาบทสรุปของหนังสือเล่มนี้ ขอผมเล่าให้คุณฟังหน่อยว่า ดร. สันติธาร เสถียรไทย คนนี้เป็นใคร ทำไมเค้าถึงคาดการณ์อนาคตได้น่าสนใจขนาดนั้นครับ…

21 Lessons for the 21st Century 21 บทเรียนสำหรับศตวรรษที่ 21

ชีวิตในศตวรรษนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดเลยนะครับ และถ้าคุณคิดว่ามันยากแล้วที่จะใช้ชีวิตในศตวรรษนี้ แต่เหมือนว่าความเป็นจริงที่น่าจะเกิดขึ้นนั้นกลับยากยิ่งกว่าจะจินตนาการไหว จนผมคิดว่าที่คิดๆกันว่า “ยาก” อยู่แล้วนั้นอาจจะกลายเป็น “ง่ายไปเลย” เมื่อเจอกับความน่าจะเป็นที่จะถาโถมเข้ามาดุจพายุทั้งหลายด้านพร้อมๆกัน หนังสือเล่มนี้บอกถึง 21 สิ่งสำคัญที่น่าจะเกิดขึ้นในศตวรรษนี้ ในศตวรรษที่เราส่วนใหญ่จะมีอายุยืนกว่าคนในวันนี้มาก หรือเอาง่ายๆว่าถ้าค่าเฉลี่ยของอายุคนในวันนี้อยู่ที่ 70 กว่าปี แต่เด็กที่เกิดตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นไปน่าจะอายุยืนกันถึง 100 ปีเป็นเรื่องปกติ แล้วเมื่อเราอายุยืนขึ้นแต่การใช้ชีวิตกลับยิ่งยากขึ้นอย่างที่ยากจะจินตนาการได้ แต่หนังสือเล่มนี้ก็พอให้แนวทางที่น่าสนใจและก็มีความเป็นไปได้ไม่มากก็น้อยที่ให้เราได้เตรียมตัวรู้เพื่อจะรับมือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น หรือถ้าไม่เกิดขึ้นก็ถือว่าโชคดีเสียด้วยซ้ำ ผมว่าหนังสือเล่มนี้ถ้าคุณได้อ่านหนังสือ “ทางรอดในโลกใบใหม่ แห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ของ Klaus Schwab”…

วันพรุ่งนี้ที่เกิดขึ้นแล้ว

แม้จะผ่านมา 4 ปี แต่ก็ยังไม่เก่าเลย เนื้อหาและประเด็นในเล่มยังเต็มไปด้วยความสดใหม่ และเข้ากับยุคสมัยอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเรื่อง พินัยกรรมออนไลน์เมื่อชีวิตจริงเราออฟไลน์จากโลกนี้ไปแล้ว ในยุคที่ email และ social media ของเราแต่ละคนเต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย ถ้าเปรียบให้เห็นภาพง่ายๆก็เหมือนกับแฟ้มเอกสาร สมุดจดข้อความ และอัลบั้มรูปทั้งหลาย ที่คนในครอบครัวเราคงอยากเก็บรักษาต่อไว้ หรือไม่ก็ปิดการใช้งานไปไม่ได้เปิดรับเพื่อนใหม่ให้ดูแปร่งๆ ทาง Facebook และ google ก็มีนโยบายให้ญาติครอบครัวสามารถส่งเอกสารยืนยันการเสียชีวิต เพื่อให้คนที่อยู่ไกล้ชิดได้ไกล้ชิดกับผู้ตายได้เป็นครั้งสุดท้าย แล้ว digital assets ทั้งหลายของเราล่ะ จะส่งต่อให้กับคนที่ยังอยู่เป็นมรดกบ้างได้หรือไม่…

WAKE ME UP WHEN NOW ENDS ลืมตาในอนาคต

ชื่อหนังสืออาจฟังดูย้อนแย้ง แต่เนื้อหาในเล่มนั้นเข้าใจง่ายกว่านั้นเยอะ เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยบทความเกี่ยวกับ เทคโนโลยี ที่ฟังดูเหมือนล้ำยุคหลุดมาจากหนัง Sci-fi แต่ในความเป็นจริงมันเกิดขึ้นแล้ววันนี้ ในโลกของเรา แค่มันยังมาไม่ถึงเราโดยตรง ไม่ได้หมายความว่ามันยังไม่เกิดขึ้นจริง ถ้าคนที่มาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม ที่พอคุ้นกับหนังเรื่อง Minority Report หนังตำรวจล้ำยุคที่สามารถรู้ได้ว่าใครกำลังจะก่อคดีหรืออาชญากรรม แล้วสามารถจับกุมได้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง ดูล้ำเหลือเชื่อเหมือนจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ เมื่อหลายสิบปีก่อนจนถึงตอนนี้ แต่ในวันนี้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นมานานนับสิบปีแล้วด้วย กรมตำรวจในบางรัฐในอเมริกามีโปรแกรมที่สามารถคาดเดาได้ว่าพื้นที่ไหนน่าจะเกิดอาชญากรรมขึ้น แล้วก็ส่งตำรวจเข้าไปดูแลพื้นที่นั้นทันที จนสามารถทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมลดต่ำลงอย่างมาก เห็นมั้ยครับว่าอนาคตที่ว่านั้นไม่ได้ไกลจากวันนี้เลย หลายๆเรื่องที่เราคิดว่าเป็นเรื่องในอนาคตนั้นปรากฏขึ้นมากมาย แค่มันยังไม่ได้อยู่ไกล้ตัวหรือให้เรารู้เท่านั้นเอง งั้นผมขอหยิบสองสามเรื่องในเล่มที่ผมเห็นว่าน่าสนใจเอามาเล่าแบบสรุปสู่กันฟัง เพื่อว่าคุณอยากจะไปหาซื้อมาอ่านเต็มๆดูเพื่อรู้จักอนาคตในปัจจุบันให้มากขึ้น Majority Illusion…

รู้ทันอนาคตที่(อาจจะ)ไม่มีคุณ The Industries of the Future

เป็นหนังสือที่ให้ภาพอนาคตแบบคร่าวๆตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้เราเตรียมพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเกิดขึ้นได้ทันท่วงที เพราะถ้าเราไม่เตรียมพร้อมรับมือไว้ ก็ตามชื่อหนังสือนั่นแหละครับ เราอาจจะไม่มีที่ยืนในอนาคตได้ ด้วยเทคโนโลยีต่างๆมากมายที่พร้อมเข้ามาแทนที่มนุษย์เรา Formless และ Borderless คือสองคำที่น่าจะเป็นหัวใจหลักในการบรรยายถึงโลกอนาคต, Formless คือการไม่ยึดติดกับสิ่งเดิม ไม่ว่าจะวิธีการ ความเชื่อ หรือความสำเร็จ เพราะทุกสิ่งจะเปลี่ยนแปลงตลอดและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ส่วน Borderless คือโลกจะเปิดกว้างยิ่งขึ้น เส้นแบ่งต่างๆจะค่อยๆจางหายไป มีโอกาสให้แทบกับทุกคน แต่โลกที่เปิดกว้างขึ้นก็ไม่ได้มีแค่โอกาส แต่มันหมายถึงการแข่งขันและคู่แข่งที่จะพรั่งพรูตามมาด้วย ดังนั้นถ้าไม่แกร่ง ไม่เร็ว ไม่ชัดเจนในความเชี่ยวชาญพอ ก็ยากที่จะมีที่ให้เราอยู่ในอนาคตครับ เพราะนวัตกรรมกับโลกาภิวัฒน์นั้นสร้างทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ โลกาภิวัฒน์จะทำให้ค่าแรงในประเทศสูงขึ้น แต่ด้วยค่าแรงที่สูงขึ้นนี่แหละที่จะทำให้คนในประเทศไม่มีงานทำ…