Data-First Marketing เริ่มต้นด้วย Data Integration และ MarTech Stack Strategy

บนก่อนหน้าจะพูดถึงการวางแผนโดยละเอียด มาถึงบทที่ 6 ของ Data-First Marketing นี้จะเป็นการเริ่มลงมือทำ ตั้งแต่การทำ Data Integration, Architecture และ Technical Resource ว่าก่อนจะเริ่มต้นทำ ​Data-Driven Marketing ได้เราจะต้องเริ่มจากการเชื่อมดาต้าเข้าด้วยกัน และต้องวาง MarTech Stack Strategy ให้สอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจเรา Data-Driven เริ่มที่ Marketing Technology Stack Strategy อันดับแรกต้องวาง…

Data-First Marketing บทที่ 5 การตลาดกับธุรกิจต้องประสานกัน

การจะทำให้บริษัทหรือองค์กรตัวเองเป็น Data-Driven Marketing ได้ต้องเกิดจากการทำงานใกล้ชิดกันระหว่างทีมต่างๆ จนเป็นเสมือนทีมเดียวกันทั้งองค์กร โดยเฉพาะทีมการตลาดจะต้องทำงานร่วมในการกำหนดกลยุทธ์บริษัทร่วมกับทีมบริหารธุรกิจดุจทีมเดียวกัน จะไม่ใช่การที่ทีมธุรกิจไปกำหนดกลยุทธ์และเป้าหมายมา จากนั้นก็ส่งให้ทีมอื่นๆ โดยเฉพาะทีมการตลาดไปกำหนดแผนการของตัวเองต่อท้ายอีกทีหนึ่ง และสิ่งสำคัญอีกอย่างคือการที่ทีมการตลาดหรือทีมต่างๆ ต้องสามารถเข้าถึงดาต้าที่ต้องการได้โดยสะดวก เพื่อจะได้เอามาใช้วัดผลแคมเปญการตลาดว่าเกิดประสิทธิผลมากแค่ไหน ทำไปแล้วเกิดยอดขายจริงเข้ามาเท่าไหร่จากแคมเปญนี้ หรือทำไปแล้วไม่เกิดผลเลยแต่แค่ลูกค้าส่วนใหญ่แวะเข้ามาซื้อด้วยตัวเองเพราะความคุ้นเคย หรืออาจจะมาจากแคมเปญการตลาดช่องทางอื่น เพราะถ้าวัดผลไม่ได้เราก็ไม่มีทางรู้ว่าจะต้องปรับปรุงตรงไหน หรือตรงไหนที่ดีแล้วจะได้เอามาถอดรหัสแกะเป็นสูตรสำเร็จเพื่อขยายผลเพิ่มในครั้งหน้า เพราะส่วนใหญ่แล้วทีมการตลาดที่ต้องใช้ดาต้าลูกค้ามากที่สุดกลับเข้าถึงข้อมูลลูกค้าได้น้อยที่สุด จนทำให้มักจะถูกมองว่าเป็นทีมที่เอาแต่ใช้เงิน ไม่ใช่ทีมที่สร้างเงิน ขนาดคนการตลาดเองยังมองแบบนั้นเลยเมื่อทำการสำรวจออกมา ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจอย่างมากเมื่อปัญหาหลักเป็นแค่ว่าไม่สามารถเข้าถึงดาต้าที่ต้องการเพื่อติดตามวัดผลประสิทธิภาพแคมเปญการตลาดที่ทำลงไปได้ครับ และยิ่งถ้าเป็นบางธุรกิจที่อาจจะไม่ได้มีแค่ Online data หรือ Digital data เท่านั้นที่ส่งผลกระทบสำคัญต่อธุรกิจ แต่ยังมี…

5 เลเวลการใช้ Data-Driven Marketing จากหนังสือ Data-First Marketing

บทที่ 4 นี้จะเป็นแบบสอบถามวัดระดับความพร้อมของบริษัทคุณว่าอยู่ในระดับไหนของการใช้ Data-Driven Marketing ในหนังสือ Data-First Marketing ที่จะแบ่งออกได้เป็น 5 Level ที่สามารถลองทำตามแล้วนับคะแนนดูครับว่าทีมการตลาดบริษัทคุณอยู่ในเลเวลไหนวันนี้ แน่นอนว่าก่อนที่เราจะเดินไปข้างหน้าได้เราควรรู้ก่อนว่า ณ ตอนนี้เราอยู่ตรงไหน หลายครั้งเรามักหลงคิดไปเองว่าเราทำได้ดีกว่าที่ทำได้จริง และมีน้อยบริษัทจริงๆ ที่ประเมินตัวเองต่ำไป ดังนั้นในบทที่ 4 ของหนังสือ Data-First Marketing จึงแบ่งระดับการใช้ Data-Driven Marketing ของบริษัทต่างๆ ออกเป็น 5 ระดับ…

Data-First Marketing กลยุทธ์ Transform บริษัทให้เป็น Data-Driven Marketing

บริษัทต่างยอมรับว่า Data นั้นสำคัญต่อธุรกิจและการตลาดขนาดไหน แต่กลับมีน้อยมากที่ยอมลงทุนในการทำเรื่อง Data-Driven Marketing อย่างจริงจัง จนทำให้ผู้ที่กล้าลงทุนก่อนใครค่อยๆ กลายเป็นผู้นำที่ทิ้งห่างคู่แข่งไปเรื่อยๆ ในระยะยาวแบบที่ยากจะไล่ตามได้ทันเหมือนการทำธุรกิจและการตลาดยุคก่อนด้วย บ้างก็ไปให้ความสำคัญกับแค่การทำ Data Analytics เข้าใจผิดว่าการทำ Data-Driven Marketing ทั้งหมดคือการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ในมือ ในความเป็นจริงแล้วการทำ Analytics เป็นแค่ปลายทางของการทำ Data-Driven เพราะในความเป็นจริงแล้วการจะทำ Data-Driven ต้องเริ่มต้นตั้งแต่การวาง Data Strategy ให้สอดคล้องกับ Business Strategy และ…

Data-First Marketing จากทีมบ๊วยสู่ทีมท็อปเพราะดาต้า Moneyball

สรุปหนังสือ Data-First Marketing บทที่ 2 จะพูดถึง Case study การใช้ Data สำหรับทีมกีฬาที่นอกเหนือจากภาพยนต์เรื่อง Moneyball ที่เปลี่ยนจากทีมบ๊วยมาเป็นทีมท็อปของ Major League Baseball ด้วยการทำ Data Analytics เป็นทีมแรก จนส่งผลให้ทุกทีมต้องทำตาม ในโลกของการแข่งขันกีฬาแท้จริงแล้วเต็มไปด้วยดาต้ามากมาย การแข่งขัน Formula One หรือ F1 เองก็เป็นหนึ่งกิจกรรมที่ใช้ความสามารถด้าน Data Analytics…

Data-First Marketing กลยุทธ์การตลาดยุค Age of Analytics

Marketing in Age of Analytics การตลาดเปลี่ยนไปเพราะ Data แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้หมายความว่าแค่มี Data แล้วจะชนะได้ แต่ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้ ว่าใครสามารถใช้ Data ที่มีให้ได้ประโยชน์มากที่สุด เรื่องมีอยู่ว่านักการตลาดบางคนมักดีใจเมื่อเว็บไซต์ตัวเองติด SEO มากถึง 15,000 keywords แต่ในความเป็นจริงแล้วเราต้องมาดูว่าจาก 15,000 keywords ที่เราติด SEO จากการตั้งใจคำ Content marketing มานานนั้นส่งผลกระทบทางด้านบวกต่อธุรกิจหรือยอดขายอย่างไรบ้าง และนี่คือกับดักที่คนส่วนใหญ่เผลอติดกับ ให้ความสำคัญกับ…

Data-First Marketing Part 2 How Digital Disrupt Marketing

สรุปหนังสือ Data-First Marketing ตอนที่ 2 ยังคงอยู่ในบทนำแต่ใจความสำคัญต่างกับตอนแรกที่สรุปไปอย่างมาก เพราะใจความหลักคือ Digital เข้ามา Disrupt โลก Marketing ไปอย่างมาก เพราะมันเข้ามาเปลี่ยน Consumer Journey ไปแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถ้าอยากรู้เชิญอ่านต่อได้เลยครับ CMO Revolution & Evolution ตำแหน่ง CMO หรือ Chief Marketing Officer กำลังถูกสั่นคลอนและลดความสำคัญลงทุกที จากข้อมูลบอกให้รู้ว่าคนที่อยู่ในตำแแหน่งนี้มีอายุงานสั้นกว่า…

Data-First Marketing กลยุทธ์ชนะคู่แข่งในตลาดยุค Analytics

สรุปหนังสือ Data-First Marketing หนังสือที่จะบอกให้คุณรู้ว่าการจะเอาชนะคู่แข่งในยุค Big Data & Analytics นั้นจะต้องทำอย่างไร เมื่อ Marketing กับ Sale มักทำงานแยกกัน ใช้ Metrics ตัวชี้วัดและ KPI แยกกัน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วสองทีมนี้ต้องทำงานประสานเป็นเนื้อเดียวกันมากที่สุดจึงจะเอาชนะคู่แข่งในตลาดยุค Data และ Analytics Sale ชอบบ่นว่า Marketing หา Lead ที่ไม่มีคุณภาพมาให้เป็นประจำจึงทำให้ปิดการขายไม่ได้ Conversion…

Twilight of Democracy สนธยาประชาธิปไตย

สรุปหนังสือ Twilight of Democracy สนธยาประชาธิปไตย หนังสือที่ทำให้เข้าใจว่าทำไมคนดีๆ ถึงกลายเป็นเผด็จการ สำรวจแรงดึงดูดอันหอมหวานแห่งอำนาจนิยมที่ทำให้ปัญญาชนหัวก้าวหน้าทั่วโลกหวั่นไหว แปรพักตร์ และไม่มีวันยอมรับตัวเอง นี่คือหนังสือเล่มโปรดของ Barack Obama ในปี 2020 หนังสือเล่มนี้เล่าให้เราเห็นภาพว่าเหตุใดหลายประเทศในยุโรปจึงค่อยๆ ถูกดึงจากประชาธิปไตยไปเป็นเผด็จการมากขึ้น และเหตุใดบางกลุ่มคนจึงยอมรับในอำนาจนิยมโดยเต็มใจ ยอมที่จะละทิ้งอำนาจประชาธิปไตยในมือไปให้กับเผด็จการบางกลุ่มคน หนังสือเล่มนี้บอกให้รู้ว่าระบบการปกครองแบบราชาธิปไตยเดิมที่ถูกกุมอำนาจโดยบางกลุ่มคนไม่ได้หายไปตามกาลเวลา เพียงแค่รูปแบบของอำนาจถูกเปลี่ยนผ่านตามช่วงเวลากลายเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตยแบบกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ เดิมทีราชาธิปไตยเดิมคือการกุมอำนาจเบ็ดเสร็จโดยคนบางกลุ่มหรือสกุลเท่านั้น แล้วก็เอาสายเลือดหรือพิธีกรรมต่างๆ มาเป็นตัวกีดกั้นกลุ่มใหม่ที่จะเข้าถึงอำนาจในมือได้ จากนั้นอำนาจแบบเบ็ดเสร็จก็ถูกเปลี่ยนผ่านในรูปแบบเผด็จการต่างๆ ปากอ้างว่าเพื่อคนส่วนมากแต่แท้จริงแล้วคือเพื่อพวกพ้องตัวเองที่จะได้เข้าถึงอำนาจและเป็นชนชั้นที่สูงกว่า (แค่ละทิ้งระบบสายเลือดออกไป) ระบบใหม่ที่เกิดหลังจากระบบราชาธิปไตยก็ล้วนแต่กำหนดข้อจำกัดบางอย่างในการเข้าถึงอำนาจการปกครอง ไม่ว่าจะด้วยเอาความรู้เฉพาะกลุ่มเป็นตัวกีดกั้น จึงทำให้น้อยคนนักสามารถเข้าถึงอำนาจที่ถูกอ้างว่าเพื่อประชาชนทุกคนจริงๆ…

ขายดีเพราะขึ้นราคา – กลยุทธ์และเทคนิคการขึ้นราคา

หนังสือขายดีเพราะขึ้นราคาเล่มนี้เปิดให้นักการตลาด ผู้บริหาร และเจ้าของธุรกิจได้เห็นภาพว่าการขึ้นราคาไม่ใช่เรื่องต้องห้ามหรือน่ากลัวอย่างที่คิด เพราะถ้าเราสามารถอธิบายลูกค้าได้ชัดเจนว่าเหตุผลที่ต้องจ่ายเราแพงกว่าสินค้าคล้ายๆ กันในท้องตลาดคืออะไร หรือแม้แต่การสร้างเกมการแข่งขันขึ้นมาใหม่ที่ทำให้ลูกค้าไม่สามารถหยิบเราไปเทียบกับสินค้าหรือบริการที่คล้ายกันได้แบบง่ายๆ หนังสือเล่มนี้อธิบายการขึ้นราคาอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แถมยังเต็มไปด้วยตัวอย่างธุรกิจที่ผู้เขียนเข้าไปให้คำปรึกษาและสามารถทำให้ขึ้นราคาได้สบายๆ ซึ่งขั้นตอนการขึ้นราคามีทั้งหมด 4 ลำดับ ขึ้นราคา เปลี่ยนฐานลูกค้า ใส่ข้อมูล ขยายธุรกิจ การขึ้นราคาเป็นสิ่งที่ควรทำเพราะทำให้ธุรกิจได้กำไร ทำให้พนักงานภูมิใจที่ได้ทำงานบริษัทที่กล้าขายแพงกว่า ฐานลูกค้าก็จะเปลี่ยนมาเป็นกลุ่มคนที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพ เพราะพวกเขาคือลูกค้าชั้นเยี่ยมหรือลูกค้าตลาดบน การขึ้นเวลาทำให้เรามีเวลาเหลือคิดถึงอนาคตมากกว่าการลดราคา เพราะขายน้อยลงแต่ได้เงินเพิ่มขึ้นเวลาว่างจึงเหลือ ไม่ใช่ทุกคนอยากได้ของถูกเสมอไป ตั่วอย่างจากตุ๊กตาฮินะที่มีหน้าตาน่ารักเหมือนทารก และตุ๊กตาฮินะของร้านนี้ก็ขายแพงกว่าร้านอื่นมาก แต่คนก็ยังแห่มาซื้อทุกปี เดิมทีตลาดนี้เชื่อกันว่าถ้าขายแพงจะไม่มีคนซื้อ แต่ร้านนี้ตั้งราคาสวนทางและเปิดโอกาสให้คนได้จองล่วงหน้าไม่สามารถเดินเข้ามาแล้วซื้อได้แบบร้านปกติ นี่คือการเพิ่มคุณภาพจนทำให้ขายแพง รถไฟขบวน 7…