พูดคล่องไม่ต้องคิด Fluent Forever

“อยากเก่งขึ้น” ความคิดแรกที่ทำให้หยิบเล่มนี้จากชั้นหนังสือที่บ้านมาอ่าน เพราะรู้สึกว่าตัวเองอยากเก่งภาษาอังกฤษมากขึ้น ถ้าถามว่าทุกวันนี้ผมอยู่ในเลเวลไหน ก็ต้องบอกว่าระดับเดียวกับสาวบาร์เบียร์ตามถิ่นที่เที่ยวของฝรั่งนี่แหละครับ ไม่ซิ ดีไม่ดีผมว่าผมเลเวลในความรู้ทั้งพูด ฟัง อ่าน เขียน น้อยกว่าอีกด้วยซ้ำ พอเห็นหน้าปกและเคยอ่านจากไหนผ่านๆจำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่า หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณคล่องทุกภาษาที่คุณต้องการมากขึ้น ไม่ใช่ด้วยการท่องจำ หรือทำแบบทดสอบใดๆ แต่เป็นการแนะวิธีหลักแนวคิดในการเข้าใจที่จะเรียนรู้ภาษาที่สอง สาม สี่ และต่อไปเรื่อยๆเท่าที่คุณต้องการ เพราะผู้เขียนบอกว่าตัวเองสามารถพูดได้หลายภาษาและพูดได้แทบจะเหมือน “ภาษาแม่” หรือภาษาที่พูดได้แต่กำเนิดเลยด้วยซ้ำ ทั้งหมดแล้วด้วยหลักแนวคิดที่ผู้เขียนเอามาถ่ายทอดในหนังสือเล่มนี้ พออ่านดูก็พบว่าจริงครับ เพราะแทบไม่ได้สอนอะไรเรื่องภาษา คำศัพท์ หรือประโยคใดๆเลย แต่สิ่งที่ผู้เขียนค้นพบและเอาเคล็ดลับมาบอกก็สรุปประเด็นสำคัญในการเรียนรู้ภาษาได้ว่า ให้แปลคำเป็น “ภาพ”…

MARX มาร์กซ ความรู้ฉบับพกพา

Karl Marx หรือ คาร์ล มาร์กซ ชื่อที่ใครบางคนน่าจะคุ้นหูหรือคุ้นตา และถ้าเคยอ่านพวกหนังสือประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองมาบ้างก็ยิ่งน่าจะคุ้นขึ้นไปใหญ่ และยิ่งถ้าบอกว่า มาร์กซ คนนี้ คือหนึ่งในผู้ทำให้แนวคิดการปกครองแบบสังคมนิยมเป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาผู้นำประเทศทั้งหลาย ก็คงจะร้องอ๋อกันเลยทีเดียว สิ่งที่ผมเข้าใจมาก่อนหน้าจะอ่านหนังสือเล่มนี้คือ มาร์กซ คนนี้คือผู้ที่ก่อสร้างแนวคิดสังคมนิยมให้กับโลก แต่ความจริงแล้วสังคมนิยมมีมาก่อนเค้า แต่ มาร์กซ คนนี้ทำให้แนวคิดเรื่องสังคมนิยมเป็นที่ตราตรึงใจของบรรดาผู้นำประเทศ หรือผู้นำที่มาจากการปฏิวัติทั้งหลาย จากหนังสือสองเล่มสำคัญที่เค้าเขียน คือ Das Kapital (หรือ Capital ในภาษาอังกฤษ) กับ Communist Manifesto…

BIG DATA SERIES II คิดแบบนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล

สรุปอย่างย่อ เป็นหนังสือที่ให้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นกว่าเริ่มแรกมากในความคิดผม ว่าการจะทำโปรเจค Big data นั้นต้องทำอย่างไร และประกอบด้วยอะไรบ้าง โดยเฉพาะการเจาะลึกไปยังด้าน Data Scientist ตามชื่อหนังสือเลย เพราะในเล่มจะประกอบด้วยโมเดลการคิดและสมการแบบต่างๆ ที่ถ้าเป็นคนที่ไม่มีความรู้พื้นฐานด้านคณิตศาสตร์หรือการวิเคราะห์ข้อมูลมาอาจเมาได้(แบบผม) ดังนั้น ถ้าใครกำลังจะเริ่มทำโปรเจคเกี่ยวกับ Big Data แต่ยังไม่รู้ว่าต้องรู้อะไรบ้าง หรือทำไปแล้ว และอยากจะหาแนวทางเปรียบเทียบการทำงาน ผมกล้าแนะนำหนังสือเล่มนี้เลย แต่ถ้าคุณเป็นคนทั่วไป ที่พอรู้เรื่อง digital หรือ data มาบ้าง ผมไม่ค่อยกล้าแนะนำเล่มที่ 2 นี้เท่าไหร่…

Deluxe “How Luxury Lost its Luster” ความหรูหรา สูญสิ้นมนต์เสน่ห์ไปได้อย่างไร

494 หน้า ที่อัดแน่นเรื่องราวของความหรูหรา จากแบรนด์สุดหรูไปจนถึงห้องเสื้อโอต์ ตูกูร์ ของชนชั้นสูงที่สามัญชนคงไม่มีวันได้ใส่ ตั้งแต่เบื้องหน้าร้านแฟล๊กชิพสุดหรู ไปจนถึงเบื้องหลังจักรเย็บเครื่องหนังโดยแรงงานสาวค่าแรงต่ำในโรงงานประเทศจีน ตีแผ่ทุกซอกมุมของแบรนด์หรูที่เราคนเมืองเฝ้าใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของ หนีบกระเป๋าลวดลายดาร์มิเยร์ออกไปกินกาแฟตอนกลางวัน แท้จริงแล้วเรากำลังจ่ายให้กับอะไรกันแน่? แล้วความหรูหราคืออะไร? ฟรังซัวส์ มองเตอเนย์ อดีตประธานของชาแนลประจำยุโรปอธิบายไว้ว่า “อย่างน้อยที่สุดมันต้องไม่มีที่ติ อย่างมากที่สุดมันต้องไม่เหมือนใคร” ผมว่านี่คือคำนิยามของความหรูหราที่ทำให้ผู้ชายอย่างผมเข้าใจภาพทั้งหมดได้ชัดเจน ธรรมชาติของมนุษย์ล้วนอยากโดดเด่น แตกต่าง หรือเป็นคนสำคัญเสมอ แบรนด์หรูทั้งหลายก็พยายามหยิบยื่นสิ่งนั้นด้วยข้าวของที่เป็นป้ายโฆษณาตัวเราให้คนรอบตัวเข้าใจอย่างที่เราต้องการ เริ่มที่บรรดาห้องเสื้อโอต์ กูตูร์ ในฝรั่งเศษส่วนใหญ่นั้น แรกเริ่มเดิมทีมาจากการทำเสื้อผ้าแบบเฉพาะบุคคลให้กับชนชั้นสูงเท่านั้น จนมาถึงการปฏิวัติทางอุตสาหกรรมในประเทศอังกฤษทำให้เกิดชนชั้นกลางมากมายที่ร่ำรวยและมีเงินมากพอ และก็อยากลิ้มลองชีวิตแบบชนชั้นสูงหรือบรรดาขุนนางในยุโรปด้วย ห้องเสื้อดังๆไม่ว่าจะเป็น ชาแนล…

ถ้าอยากขายซุป ต้องขายขนมปังด้วย

ขายยังไง? ทุกวันนี้คุณขายสินค้าหรือบริการของคุณยังไงบ้าง หลายครั้งเรามักติดภาพกรอบความคิดเดิมๆของสินค้าและบริการนั้น จนเราลืมไปว่ามันยังมีวิธีอื่นที่เราจะ “ขายมันใหม่” ออกไปได้อีกมากมาย ตัวอย่างการ “หาวิธีขายใหม่” ที่น่าสนใจจนกลับมาเพิ่มยอดขายได้จริงในเล่มนี้ เรื่องแรกก็คือชื่อหนังสือเลยครับ เอาขนมปังมาช่วยขายซุปถ้วยเดิม เรื่องมันมีอยู่ว่า คนอร์คัปซุป(ที่ญี่ปุ่น) ประสบปัญหาราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นในช่วงปี 2005-2008 เหมือนกับผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็เลยพยายามแก้เกมส์ครั้งแรกด้วยการชูจุดขายว่า นี่คือซุปที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจากในประเทศจากเกาะฮอกไกโดเท่านั้น โดยคาดหวังว่าความเป็นชาตินิยมของญี่ปุ่นจะกลับมากระตุ้นยอดขายให้ตัวเอง แต่ผลที่ได้คือเปล่าเลยครับ ยอดขายไม่กระเตื้องแถมยังเปลืองงบโฆษณาอีกต่างหาก ผู้เขียนก็เลยออกไปสำรวจกลุ่มลูกค้าตัวจริงแล้วพบว่า คนส่วนใหญ่กินเป็นมื้อเช้า แต่คนที่กินมื้อเช้าส่วนมากชอบกินขนมปัง คนส่วนใหญ่ที่กินคนอร์คัปซุปเป็นมื้อเช้านั้นชอบกินกับขนมปัง เพราะทำให้อร่อยขึ้นเยอะ แต่คนที่กินขนมปังกลับไม่เคยกินกับคนอร์คัปซุป ก็เลยเกิดเป็นไอเดียการชูจุดขายใหม่ว่าจะ “ปังจุม” หรือ…

รู้อะไรไม่สู้รู้ดาต้า DATA FOR THE PEOPLE

สรุปอย่างย่อ นี่คือหนังสือที่จะทำให้คุณเข้าใจ data มากขึ้นในหลายมิติ คุณจะพบว่า data มากมายรอบตัวนั้นเกี่ยวพันกับชีวิตเราอย่างแยกไม่ออกแล้ว และ data ในอดีตของเรานั้นกลับเป็นตัวชี้น้ำ data ในอนาคตเรามากขึ้นทุกที หรือจะอนุมานว่า data นั้นเปรียบเสมือนดาบสองคมก็ว่าได้ ขึ้นอยู่กับคนที่มีเอาไปใช้ยังไง แต่ส่วนใหญ่วันนี้มักเอาไปใช้ไม่ค่อยดี เช่น ปากบอกว่าเพื่อให้บริการเราได้ดียิ่งขึ้น แต่ความจริงแล้วกลับหลอกล่อให้เราคลิ๊กซื้ออะไรที่ไม่จำเป็นมากขึ้นต่างหาก ฉะนั้น ใครที่อยากรู้เท่าทัน data ไม่ควรพลาดหนังสือเล่มนี้ ดีไม่ดีอ่านจบคุณอาจจะอยากลบข้อมูลทุกอย่างบนโซเชียล แล้วก็เลิกออนไลน์ไปออกธุดงเลยก็ได้ครับ สรุปแบบยาว ในยุคดิจิทัลที่ไม่ว่าใครก็ใช้สมาร์ทโฟนกันทั้งนั้น คนไทยเกือบ 50…

อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไป

นั่นซิครับ อะไรไม่จำเป็นก็ทิ้งไปจริงๆนะครับ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนให้เรา “ทิ้ง” แต่สอนให้เรา “เลือก” เฉพาะอะไรที่จำเป็นหรือสำคัญในชีวิตเราเท่านั้น เพราะทุกวันนี้เราเต็มไปด้วยสิ่งไม่สำคัญกับชีวิตเรามากมาย ที่ทั้งดึงพลังงาน ดูดเวลา ทำให้เราเสียสมองหมดแรงกับเรื่องที่ไม่สำคัญอยู่แทบทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นข่าวคราวอัพเดทประจำวันที่ไม่ค่อยสำคัญกับชีวิตเราเท่าไหร่ เอาง่ายๆเราไม่รู้ก็ไม่ได้ทำให้เราโง่ขึ้นหรอกครับ แต่ในทางกลับกันยิ่งรู้มากขึ้นเรื่องพวกนี้กลับยิ่งแย่งชิงพื้นที่ในสมองและความสนใจจากเราไปจากสิ่งที่เราควรจะสนใจมากกว่า ใจความสำคัญของเล่มนี้พูดถึง “ข้าวของ” ต่างๆที่เราพยายามซื้อมาด้วยเงินที่เราพยายามหาให้ได้มากขึ้น ทั้งๆที่ข้าวของทั้งหลายกว่า 90% ในชีวิตเราที่เรามีนั้น เราไม่มีมันก็มีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบากขึ้นเท่าไหร่เลย แถมบางทีอาจทำให้เราสบายขึ้นด้วยซ้ำ เพราะเราไม่ต้องคอยเก็บกวาดดูแลรักษา จนไม่รู้ว่าในที่สุดเรา เราเป็นเจ้าของมัน หรือมันเป็นเจ้าของเรากันแน่ เพราะเรามักคิดเหมือนกันว่า การเป็นเจ้าของนั้นคือการได้มา แต่เปล่าเลยครับ ความจริงแล้วการเป็นเจ้าของที่แท้จริงคือการพร้อมจะทิ้งมันไปต่างหาก…

อยากชวนเธอไปอำผี

“ไม่เชื่อก็ต้องพิสูจน์” ผมว่าประโยคนี้แหละ เป็นประโยคที่สรุปหนังสือเล่มนี้ได้ดีที่สุดในความคิดผม เพราะตามความเชื่อเดิมของไทยเราคือ “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” แต่หนังสือเล่มนี้กลับกล้าคิดกลับด้านไม่ได้ให้ “ท้าทาย” หรือ “ลบหลู่” แต่อย่างไร แต่กลับสอนให้คนกล้าตั้งคำถาม สงสัย และพิสูจน์ในเรื่องต่างๆที่ลึกลับทั้งหลาย ผู้เขียนนำบทความจากการวิจัยต่างๆมาประกอบการอธิบายให้ความรู้ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องผีทั้งหลาย ตั้งแต่ผีติดรูปถ่ายยันไปถึงผีถ้วยแก้ว เรื่องการถอดจิต เรื่องการญาณหยั่งรู้อนาคต หรือเรื่องความเชื่ออย่างการฤกษ์ตกฟากว่ามีผลกับชีวิตเราจริงมั้ย (ถ้าเรารู้ก็มี แต่ถ้าเราไม่รู้ก็ไม่มี แปลกดีมั้ย?) หรือหมอดูแม่นๆ ตำนานน้ำท่วมโลก เรือโนอาร์ ศุกร์13 ไปยันเรื่องตัวประหลาดอย่างซอมบี้ผีดิบ ยักษ์อสูร คนแคระฮอบบิท…

The Content Revolution, คอนเทนต์ปัง ยังไงก็โดน!

เมื่ออ่านจบแล้วสรุปในหนึ่งประโยคได้ว่า “เลิกแทรกแซง แต่เร่งส่งเสริม” การโฆษณาตลอดหลายสิบหรือร้อยปีที่ผ่านมาเอาแต่ “แทรงแซง” หรือขัดจังหวะคนมาตลอด แม้แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ค่อยเปลี่ยนเท่าไหร่นัก เช่น โฆษณาที่บังคับก่อนเราจะดูยูทูปโดยไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเราหรือความสนใจของเราเลย หรือ โฆษณาตามทีวีที่เราคุ้นเคยกัน ก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับเราเท่าไหร่นัก ยิ่งเป็นในยุคดิจิทัลมากขึ้น มีเสียงรบกวนมากมายจากโฆษณาในแต่ละวัน จากข้อมูลรีเสริชที่เคยอ่านล่าสุดบอกว่า เราเห็นโฆษณามากกว่า 5,000 ชิ้นในแต่ละวัน แต่ทำไมเรากลับจำมันได้ไม่ถึง 1% เลยล่ะ ก็เพราะโฆษณาส่วนใหญ่ที่เราเห็นยังคงเน้นที่การ “แทรกแซง” ชีวิตเราเสมอ แล้วโฆษณาในยุคนี้ที่บอกว่าเป็น content marketing ล่ะต่างกันยังไง? ต่างกันครับ ตรงที่การทำคอนเทนต์มาร์เก็ตติ้งจะเน้นการ…

52 วิธีคิดให้ได้อย่างเฉียบคม The Art of Thinking Clearly

“ความคิด กับ ความจริง คือคนละสิ่งกัน” ถ้าให้สรุปหนังสือเล่มนี้ในหนึ่งประโยค ผมว่าประโยคนี้แหละ เพราะเรามักจะสร้างความคิดขึ้นมาครอบงำความจริงไว้อีกขั้นนึง ความคิดจึงมีความจริงอยู่ส่วนนึงที่เป็นส่วนน้อย ที่เหลือก็จะเป็นอารมณ์ สภาพแวดล้อม หรือตัวแปรต่างๆที่อยู่รอบตัวเรา ดังนั้นหนังสือเล่มนี้เลยเหมือนคู่มือที่ทำให้เราเข้าใจหลักการ 52 ของความคิดคิด เพื่อให้เรารู้เท่าทันและเข้าใจตัวเราเองและคนเราว่า “คิดกันยังไง” ถ้าถามว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่ทำงานด้านการตลาด โฆษณา หรือนักวางกลยุทธ์ เพราะคุณจะรู้ว่าเราสามารถชี้นำความคิดหรือพฤติกรรมของคนได้ด้วยวิธีไหนบ้าง แน่นอนไม่มีวิธีไหนสามารถรับประกันผลได้ 100% แต่มันก็จะช่วยเพิ่มโอกาสที่จะประสบความสำเร็จให้ได้ เช่น เรื่อง Illusion of control หรือ…