กลิ่นล่าสุดที่คุณได้กลิ่นมาคือกลิ่นอะไรครับ ส่วนผมเพิ่งได้กลิ่นข้าวไข่เจียวหมูสับที่ชวนเรียกน้ำย่อยมื้อเย็นมาเมื่อกี๊เลย คุณอาจจะได้กลิ่นจากน้ำหอม หรือกลิ่นจากห้องนอนเป็นประจำ กลิ่นนั้นสามารถเรียกความทรงจำเราให้นึกถึงตอนที่เราเคยได้กลิ่นนั้น แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแสนนานแล้วก็ตาม ทำให้คุณกลับมารู้สึกว่าเหมือนเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง

นั่นคือเสน่ห์ของกลิ่นอย่างที่ประสาทสัมผัสไหนก็ให้ไม่ได้ เพราะแค่เราลองหลับตาแล้วดมกลิ่น จินตนาการบวกกับความทรงจำจะสามารถพาเราได้ทุกที่บนโลกภายในพริบตา

และที่กลิ่นนั้นกระตุ้นความทรงจำเราได้ดีนั้นก็เพราะสมองกลีบหน้าของเรานั้นต่อตรงเข้ากับการรับกลิ่น ทำให้ทุกครั้งที่เราได้กลิ่นเรามักจะนึกถึงความทรงจำนั้นได้ดีกว่าการเห็นได้หรือยินอยู่เสมอ

ถ้าใครเคยสูญเสียคนรักไป เคยเป็นมั้ยครับที่ว่าเวลาเราได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเค้า ไม่ว่าจะน้ำหอมกลิ่นประจำตัวเค้า หรือกลิ่นตัวเค้าจากเสื้อผ้าชุดเก่าเค้า เรามักจะต้องเผลอตกลงไปในห้วงความทรงจำจนน้ำตาต้องไหลเป็นประจำใช่มั้ยครับ

หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณได้รู้จักกลิ่นแบบที่คุณไม่เคยรู้จัก แต่ไม่ใช่ผ่านการดม แต่เป็นด้วยการดู ดูผ่านตัวอักษรทีละตัว ตัวหนังสือทีละคำ แล้วคุณจะพบว่าโลกของกลิ่นนั้นเล้นลับอัศจรรย์ยิ่งกว่าภาพยนต์เรื่อง Alice in Wonder Land เลยทีเดียว

ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยอดีต มนุษย์เราก็หลงไหลในกลิ่นหอมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แถมยังมีวิธีใช้กลิ่นหอมที่แปลกประหลาดไม่น่าเชื่อ อย่างในสมัยโบราณ ชาวโรมันพรมน้ำกุหลาบใส่นกพิราบ ก่อนปล่อยให้มันบินในห้องจัดเลี้ยงเพื่อให้มีกลิ่นหอมลอยฟุ้งในอากาศ

กลิ่นที่ดูผิวเผินแค่ดม แต่ความจริงแล้วเป็นการสัมผัสในระดับโมเลกุล เพราะโมเลกุลของกลิ่นต้องลอยเข้ามากระทบจมูกเราโดยตรง ต่างกับการดูหรือฟังที่มีแค่คลื่นเสียงหรือคลื่นไฟฟ้าเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรเข้ามากระทบตัวเราโดยตรง

และการกระทบนั้นก็อาจส่งผลกระทบต่อหญิงที่ตั้งครรภ์ได้ เพราะสารที่มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติบางอย่างอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ใครที่ตั้งท้องก็ควรหลีกเลี่ยงสารที่มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติให้มากที่สุดนะครับ

แล้วเสน่ห์ของกลิ่นที่ไม่เหมือนสิ่งอื่น ก็คือเราจะรู้สึกได้แค่ชั่วขณะที่สัมผัสกับมันเท่านั้น มันมีความเป็นสัจธรรม มันคือความไม่เที่ยง มันคือชั่วขณะที่เราต้องอยู่กับกลิ่นอย่างแท้จริง

แล้วกลิ่นหอมนี่เองที่เป็นแรงกระตุ้นให้คนโบราณออกเดินทางเพื่อเสาะแสวงหามัน นั่นเลยเป็นเหตุว่าทำไมเครื่องเทศกลิ่นแรงทั้งหลายที่ไม่จำเป็นอย่างพริกไทย ถึงทำให้เกิดเส้นทางการเดินเรือมากมายรอบโลก และทำให้การอาณานิคมผสมแรงงานทาศมากมาย ที่ต้องล้มตายตามมา

สมัยก่อนตอนที่ชาวดัตช์ยึดครองไร่ชินามอนขนาดใหญ่ในเกาะซีลอน หรือศรีลังกาในปัจจุบัน ในตอนนั้นถ้าใครถูกจับได้ว่าแอบขโมยพริกไทยออกไปขายเอง จะถูกลงโทษด้วยการตัดมือข้างนั้นทิ้งทันที หรือบางทีอาจจะโดนลงโทษถึงตายก็มีครับ

และด้วยความยากลำบากในการเสาะหา ก็กลับกลายเป็นตำนานเล่าขานต่อกันมา เพราะสมันก่อนนั้นกว่าที่พริกไทยซักหนึ่งกระสอบจะลอยเรือกลับมาถึงประเทศบ้านเกิดได้ ต้องผ่านการเดินทางนานนับแรมปี ทำให้พริกไทยนั้นแก่ตัวจนเป็นสีดำ ยังไม่นับบรรดากลิ่นหอมต่างๆที่เปลี่ยนสภาพไปมากมาย ทำให้บรรดาพ่อค้าต้องหาเรื่องเล่าให้กับภาพปลายทางของมัน และเรื่องเล่าที่ว่าก็ถูกแต่งเติมไปมากมายเพื่อเพิ่มมูลค่าให้มันยิ่งแพงเข้าไปใหญ่

เช่น ในศตวรรษที่ 17 ผู้ผลิตตำนานก็ยังทำงานกันเต็มที่ ผูกนิทานเรื่องชาวอินเดียจุดไฟเผาต้นพริกไทยเพื่อไล่งูที่เฝ้ามันอยู่ จนกลายเป็นสาเหตุให้เม็ดพริกไทยมีสีดำและเหี่ยวอย่างที่เห็น

พ่อค้านี่เป็นนักเล่าเรื่องมาตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้นมาในยุคโฆษณาครองเมืองนะครับ

อีกหนึ่งความลับของกลิ่นที่น่าสนใจคือ แม้จะเป็นพืชชนิดเดียวกัน แต่ถ้าปลูกต่างที่กันกลิ่นก็ไม่เหมือนกันแล้วครับ

เพราะกลิ่นนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่พืชหรือสายพันธุ์ที่ปลูก แต่ยังขึ้นอยู่กับดิน น้ำ ลม ฟ้า อากาศ หรือสภาพแวดล้อมปัจจัยรอบตัวทั้งหมด กลิ่นจึงเป็นตัวบอกถึงสถานที่ๆมันมาได้ดีว่ามันเกิดและโตที่ไหนมาครับ

ในสมัยโบราณนั้นก็เคยมีกฏบังคับว่า ร้านขายกลิ่นหอมทั้งหลายต้องตั้งอยู่ใกล้วัง ไม่ใช่เพื่อการควบคุมภาษีเท่านั้น แต่ยังเพื่อทำให้รอบวังนั้นหอมโดยที่คนในวังไม่ต้องเสียเงินไปซื้อกลิ่นหอมเสมอไป

กลิ่นนั้นถูกแบ่งออกเป็นกลุ่ม คือเวลาจะสร้างน้ำหอมทีจะมีการแบ่งกลิ่นออกเป็นสามกลุ่ม กลุ่มแรกคือท็อปโน้ต คือกลิ่นที่จะเผยกลิ่นและหายไปภายในครึ่งชั่วโมงโดยประมาณ มิดโน้ด คือกลิ่นที่จะเผยออกมาหลังจากนั้นและอยู่นานเป็นชั่วโมงๆ สุดท้ายคือเบสโน้ตที่จะออกมาช้าสุดแต่บางครั้งก็จะอยู่นานจนข้ามวัน

เห็นมั้ยครับว่าการสร้างน้ำหอมนั้นเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์เลยจริงๆ อย่างกับคอร์ดดนตรีที่ผสมจากโน้ตเพลงอย่างไรอย่างนั้น

กลิ่นยอดนิยมของคนทั่วโลกอย่างมินต์นั้นก็มีตำนานเรื่องเล่าที่เร้าใจไม่น้อย

ชาวกรีกโบราณชื่นชอบมินต์มากเพราะกลิ่นหอมสดชื่นและรสซ่านิดๆ จึงตั้งชื่อต้นไม้นี้ตามมินธี หรือ Minthe นางไม้แม่น้ำผู้งดงามจนทำให้เทพเฮดีสแห่งยมโลกหลงรัก

เมื่อเพอร์เซโฟนีผู้เป็นชายาของเฮดีสรู้เข้าก็โกรธจัด แล้วสาปมินธีให้กลายเป็นต้นไม้เพื่อให้คนเหยียบย่ำ เฮดีสไม่สามารถแก้คำสาปนี้ได้จึงมอบกลิ่นหอมกรุ่นให้นาง เพื่อที่จะได้กลิ่นนางทุกครั้งที่มีคนเหยียบต้นมินต์

ฟังดูเป็นนิยายน้ำเน่าเศร้าหวานปนขมของรสมินต์จริงๆครับ

สมัยอียิปต์โบราณ แม่บ้านชาวฮีบรูเก็บมินต์จากสวนมาโปรยบนพื้นที่เป็นดินอัดแข็ง จากนั้นก็ใช้ส้นเท้าบดขยี้เพื่อให้ได้กลิ่นหอมเย็น เป็นวิธีแรกเริ่มในการทำให้บ้านหอมด้วยกลิ่นมินต์ครับ

และสิ่งที่ทำให้มินต์เป็นที่ินิยมไปทั่วโลกก็เพราะหมากฝรั่งรสมินต์ ไม่น่าเชื่อว่าผลิตภัณฑ์แสนธรรมดาจะทำให้กลิ่นนี้กลายเป็นกลิ่นสามัญประจำโลกก็ว่าได้

แล้วรู้มั้ยครับว่าในช่วงหนึ่งที่มินต์ขาดแคลนเพราะวัชพีชที่ขึ้นปะปน ทำให้เครื่องจักรเก็บทั้งต้นมินต์และวัชพืชปนกันมั่วไปหมด จนทำให้เกิดผลกระทบระดับชาติที่กลิ่นมินต์ขาดคุณภาพดีขาดแคลน และฮีโร่ที่เข้ามาช่วยปกป้องมินต์ไว้ได้ในตอนนั้นก็คือ “เป็ด”

ใช่ครับ “เป็ด” เพราะเป็ดนั้นกินแต่วัชพืชแต่ไม่กินมินต์ ทำให้บรรรดาเกษตรกรเลี้ยงเป็ดกันไปทั่ว แต่พอครั้งนึงที่เกิดแผ่นดินไหวจนไข่เป็ดเสียหายมากมาย ก็ทำให้มินต์กลับมาคุณภาพแย่เพราะปนกับวัชพืชอีกครั้งนึง

และกลิ่นที่แพงมากๆอย่างไม้กฤษณาที่เคยเป็นข่าวเป็นกระแสในบ้านเราช่วงนึงนั้น ถ้าได้รู้ที่มาที่ไปคุณอาจจะไม่ชอบมันแล้วก็ได้นะครับ เพราะกลิ่นของไม้กฤษณาที่เป็นวัตดุดิบทำน้ำหอมราคาสูงที่สุดในโลกนั้น ไม้กลิ่นหอมเหล่านี้มาจากเนื้อไม้ส่วนที่เป็นโรคของต้นไม้สกุล Aquilaria

เป็นพืชพื้นเมืองในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อต้นไม้ติดเชื้อรา Phaeoacremonium parasite ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติ ระบบภูมิคุ้มกันของต้นไม้ก็จะตอบสนองโดยอัตโนมัติด้วยการผลิตยางกลิ่นหอมเพื่อยับยั้งเชื้อรา ได้รู้แบบนี้แล้วน่าสงสารต้นไม้ขึ้นมาเลยนะครับ

ธูปหอมที่จุดไหว้พระทุกวันนี้ก็มีที่มาที่ไปที่น่าทึ่ง สมัยก่อนเค้าใช้ธูปเพื่อบอกเวลาแทนนาฬิกา ถ้าอยากรู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ก็แค่ดูว่าธูปไหม้ถึงตรงไหนแล้วเท่านั้นเอง

ยา Viagra เองก็ได้ชื่อมาจากกลิ่นฉี่เสือที่เป็นพฤติกรรมฉี่เพื่อบ่งบอกอาณาเขต โดยคำดั้งเดิมของพฤติกรรมนี้เรียกว่า Vyagra ไม่รู้ว่าคนในไฟเซอร์ไปได้ยินเรื่องเล่าตำนานนี้มาก็เลยหยิบเอาไปใช้ให้รู้ว่าใช้แล้วจะคึกเหมือนเสือหนุ่มมั้งครับ

สัตว์อย่างสุนัขเองที่ชอมเอาตัวไปคลุกกลิ่นคลุกโคลนนั้นก็เพราะกลิ่น มันต้องการจะเก็บกลิ่นเอาไปเล่าให้เพื่อนหรือฝูงฟังว่าตัวเองไปเจออะไรมาก ดังนั้นโลกของสัตว์กลิ่นก็เลยเป็นภาษาที่ใช้เล่าเรื่องว่าตัวเองไปเจออะไรมาครับ

กลิ่นของมนุษย์เราเองก็ส่งผลต่อสัตว์ ดังนั้นใครที่เห็นว่าทำไมเพื่อนคนนึงถึงเข้ากับสุนัขหรือสัตว์อื่นได้ดี แต่ทำไมเพื่อนอีกคนนึงไปไหนหมาชอบเห่าใส่ตลอด นั่นก็เพราะกลิ่นตัวของเราครับ

อย่างยุงเองก็เลือกเหยื่อจากกรดอะมิโนและฮอร์โมนที่เราปล่อยออกไป ในขณะเดียวกันบรรดาลิงเอปก็มีปฏิกิริยาตื่นเต้นต่อผู้หญิงที่อยู่ในช่วงไข่ตก แพะและวัวตัวผู้เองก็มีท่าทีกระตือรือร้นเมื่ออยู่ใกล้สตรีมีประจำเดือน ดังนั้นถ้าเมื่อไหร่สัตว์มีท่าทีแปลกๆกับเรา จำไว้นะครับว่าเป็นเพราะกลิ่น

มาถึงกลิ่นของดอกไม้

กลิ่นของดอกไม้นั้นเป็นอะไรที่สกัดได้ยากมาก เพราะความบอบบางของมันเองจนทำให้การจะสกัดให้ได้แอปโซลูตมะลิ 1 ปอนด์ ต้องใช้ดอกมะลิกว่า 1,000 ปอนด์เลยนะครับ

หรือบางครั้งเราเองก็ถูกชี้นำให้รู้สึกถึงกลิ่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ เคยมีการทดลองมาแล้วว่าตอนที่ผู้บรรยายบอกว่าจะมีการเปิดกลิ่นเหม็นบางอย่างในห้องให้ดม แล้วก็บอกว่าถ้าใครเริ่มได้กลิ่นให้ยกมือ

จากนั้นผู้บรรยายก็เปิดฝาภาชนะที่มีของเหลวใสสีขาวออก หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีคนยกมือขึ้นเรื่อยๆไล่จากกลุ่มที่อยู่หน้าห้องใกล้ภาชนะใส่ของเหลว แล้วก็ค่อยๆไล่ไปจนหลังห้อง มีบางคนเริ่มมีท่าทีจะอาเจียนจนต้องยกเลิกการทดลอง แต่รู้มั้ยครับว่าแท้จริงแล้วของเหลวในภาชนะที่บอกว่ามีกลิ่นเหม็นนั้นไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากน้ำกลั่นบริสุทธ์ที่ไร้กลิ่น

ดังนั้นเราถูกหลอกให้รู้สึกว่ามีกลิ่นต่างๆผ่านการโฆษณาได้ไม่ยากเลยเห็นมั้ยครับ

สุดท้ายนี้โลกของกลิ่นนั้นลึกลับกว่าที่คิด แต่หนังสือเล่มนี้ก็ช่วยไขทุกความลับของกลิ่นให้เราได้รู้ ทุกครั้งที่เราได้กลิ่นในครั้งหน้า ก็อย่าลืมนะครับว่าคุณกำลังสัมผัสถึงระดับโมเลกุลของกลิ่นนั้นๆอยู่

กลิ่นของความรัก กลิ่นของความหวัง กลิ่นของความทรงจำ กลิ่นอะไรก็ตาม

อ่านแล้วเล่า 16 ของปี 2019

Fragrant, The Secret Life of Scent
โลกเร้นลับของกลิ่นหอม
Mandy Aftel เขียน
พลอยแสง เอกญาติ แปล
สำนักพิมพ์ openworlds

20190314

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/