สรุปหนังสือ World War Tools สงครามโลกในสิ่งของ เล่าสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านข้าวของที่ถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือ มนสิชา รุ่งชวาลนนท์ เขียน

สรุปหนังสือ สงครามโลกในสิ่งของ World War Tools เล่าสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านข้าวของที่ถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือ เชื่อไหมครับว่าการรบ การทำสงคราม ไม่ได้สู้กันแค่ด้วยอาวุธประหัตประหารเท่านั้น แต่ยังสู้กันด้วยสิ่งของ วัฒนธรรม หรือที่ทุกวันนี้เราเรียกกันว่า Soft Power

เริ่มตั้งแต่น้ำหอมยอดนิยมของโลกทุกวันนี้ Chanel No.5 ที่มีจุดเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

Chanel No.5 หอมจนเมียทหารส่งจดหมายบอกว่าให้ซื้อกลับบ้านไปฝากด้วย

ชื่อ No.5 ของน้ำหอม Chanel นั้นมาจากตอนเลือกว่าจะเอาน้ำหอมกลิ่นไหน ทางผู้ผลิตน้ำหอมมีปรุงกลิ่นเตรียมไว้หลายขวด เหมือนเลือกซื้อสินค้าในสต็อกโรงงาน OEM นี่แหละครับ

ตอนนั้นทางผู้ผลิตเสนอน้ำหอมหมายเลข 1-5 และ 20-24 ให้ทาง Coco Chanel ได้ลองดมว่าชอบกลิ่นแบบขวดไหน แล้วก็มาจบที่ขวดหมายเลข 5 ก็เลยเป็นที่มาของ Chanel No.5 ที่ถูกใจผู้หญิงทั่วโลกตั้งแต่วันนั้นจนถึงทุกวันนี้

ทำให้บรรดาเหล่าทหารเยอรมันนาซีเมื่อบุกเขาปารีสมา ต้องสรรหาน้ำหอมขวดนี้กลับไปให้ภรรยาที่บ้าน เพราะความหอมของมันเป็นที่เลื่องลือมาก

จะบอกว่าปารีสทำให้นาซีไม่ทำลายเมืองมากมายนักด้วยพลังของ Soft Power ก็ว่าได้ ตั้งแต่บ้านเมือง ความสวยงาม ศิลปะ ไปจนถึงน้ำหอม

กล่องสีส้ม Hermes มาจากข้อจำกัดที่สีครีมมัสตาร์ดหายากตอนสงครามโลกครั้งที่สอง

กล่องสีส้มที่กลายเป็นสีสวยโดดเด่นของแบรนด์หรูอย่าง Hermes ในวันนี้ จุดกำเนิดแรกเริ่มเดิมทีคือมาจากสีเดิมที่ Hermes เคยใช้อย่างสีครีมมัสตาร์ดขาดแคลนอย่างมากในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

และในเวลานั้นสีส้มยังไม่ได้เป็นที่นิยม คนส่วนใหญ่ไม่ได้ชอบ ทำให้มันจึงมีเหลือมากมายจนเพราะใครก็ไม่ค่อยอยากใช้ แต่ Hermes ในเวลานั้นจำเป็นต้องใช้เพราะไม่งั้นจะไม่มีสีอะไรให้เอามาทำกล่องใส่สินค้า

เมื่อเวลาผ่านไปจากสีที่คนไม่ชอบ กลายเป็นสีที่คนรัก และกลายเป็น Signature ของแบรนด์แบบสุดๆ ดังนั้นเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่ากังวลกับภาพดีไซน์ภาพลักษ์มากไป ถ้าทุกอย่างไปได้ดี แบรนด์ไปด้วยสวย ผู้คนก็จะค่อยๆ ยอมรับและมองว่ามันสวยงามเหมือนกล่องสีส้มของ Hermes ไปเอง

Hugo Boss แบรนด์แฟชั่นที่มาจากเครื่องแบบนาซี

Hugo Boss หนึ่งในแบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลกวันนี้ เคยมีประวัติศาสตร์ในการช่วยผลิตและออกแบบเครื่องแบบให้ทหารนาซีจำนวนมากในเวลานั้น และการออกแบบเครื่องแบบที่ดูขรึม น่าเกรงขาม สีดำขลับ ก็ถือเป็น Soft Power โฆษณาชวนเชื่อ Propaganda แบบกลายๆ

ทำให้ชายเยอรมันร่างกายดูไม่สูงใหญ่มาก ดูตัวใหญ่กว่าที่คิดด้วยการออกแบบกระดุมบางจุดเท่านั้นเอง

ดังนั้นถ้าใครบุคลิกภาพไม่ดี ลองหาเสื้อผ้าดีๆ น่าจะช่วยได้ไม่มากก็น้อย

ชา มีอานุภาพมากกว่ากระสุน

อ่านหัวข้อเฉยๆ อาจงง ชา เครื่องดื่มเนี่ยนะ จะมีอานุภาพในการรบสงครามมากกว่ากระสุนได้อย่างไร เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ

ทหารอังกฤษนั้นติดการชงชาดื่มมาก การขาดแคลนชานั้นถูกมองว่าเป็นปัญหายิ่งกว่าการขาดแคลนกระสุน ต้องย้อนกลับไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง สมัยนั้นน้ำดื่มที่เป็นน้ำเปล่าสะอาดบรรจุขวดหายากมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการอยู่ในสนามรบยามสงคราม การจะหาน้ำดื่มสะอาดๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้

น้ำที่พอจะดื่มได้ในเวลานั้นเลยต้องเป็นน้ำที่สะอาดไม่มีเชื้อโรค แหล่งน้ำจืดทั่วไปตามธรรมชาติอาจเต็มไปด้วยเชื้อโรคมากกว่าที่คุณจะคิดจินตนาการออก ทหารหรือผู้คนในสมัยก่อนจึงต้องดื่มเบียร์กันเป็นปกติ

ไม่ใช่เพราะพวกเขาชอบเมา แต่เครื่องดื่มที่สะอาดพอที่ดื่มแล้วจะดับกระหายไม่ตายก็คือเบียร์หรือไวน์นี่แหละ

อย่าลืมว่าเบียร์หรือไวน์คือเครื่องดื่มที่ผ่านการหมัก บ่ม กลั่น กรอง จึงทำให้มันสะอาดไม่มีเชื้อโรค มันเลยสามารถดื่มได้ ส่วนน้ำเปล่าทั่วไปแบบบรรจุขวดขายสมัยนั้นยังไม่มี ส่วนการกินชาก็จำเป็นต้องต้ม และการต้มคือกรรมวิธีที่ทำให้น้ำนั้นสะอาดโดยที่หลายคนยังไม่รู้

ดังนั้นการที่ทหารอังกฤษติดชา เท่ากับว่าพวกเขาสามารถรบยิงกระสุนได้อย่างแม่นยำกว่าโดยที่ไม่เมา มีสติครบถ้วน แต่ทหารชาติอื่นอาจต้องดื่มเบียร์หรือไวน์แทนน้ำ ทำให้สติอาจไม่ครบ ยิงไปก็อาจไม่แม่นยำเท่า ทำให้ต่อให้มีกระสุนมากกว่า ก็ใช่ว่าจะยิงเข้าเป้าเยอะกว่า

และนี่ก็คือที่มาของคำว่า ชา มีอานุภาพมากกว่ากระสุน

ส่งเสริมประชาธิปไตยด้วยรายการประกวดร้องเพลง

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้แพ้สงคราม และอเมริกาก็ตั้งใจว่าจะทำให้ระบบการปกครองแบบประชาธิปไตยแทรกซึมเข้าไปในประเทศญี่ปุ่นแห่งนี้

หนึ่งในกลยุทธ์ที่พวกเขาทำคือการทำลายความไม่เท่าเทียม ผลักดันให้เห็นความเท่าเทียมมากที่สุด จนเกิดเป็นไอเดียรายการประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ ที่ผู้ชาย ผู้หญิง คนวัยหรือชนชั้น ก็สามารถเข้ามาแข่งได้แบบเท่าเทียมกัน เพราะสุดท้ายจะตัดสินกันด้วยเสียงที่ไพเราะที่สุดอยู่ดี

เป็นการสร้างประชาธิปไตยแบบ Soft Power มากๆ น่าเอาไปคิดว่าในบ้านเราจะส่งเสริมเรื่องความเท่าเทียมที่แท้จริงโดยไม่แบ่งแยกชนชั้นนามสกุลได้อย่างไร

สรุปหนังสือ World War Tools สงครามโลกในสิ่งของ

จริงๆ ยังมีเรื่องราวเกร็ดความรู้มากมายที่ไม่ได้หยิบมาสรุปเล่าให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโสเภนี หรือผู้หญิงขายบริการ ที่ถูกจัดหาอย่างเป็นระบบให้กับเหล่าทหารที่ไปออกรบ ไม่อย่างนั้นจะคุมทหารไม่อยู่

หรือ Hitler เองเคยมีแนวคิดอยากให้คนเยอรมันมีลูกกันเยอะๆ เพื่อจะได้เอามาเป็นแรงงานขับเคลื่อนประเทศหลังจากนั้น ถึงขนาดประกาศว่าแต่ละบ้านควรมีลูกสัก 4 คน ถ้าบ้านไหนมีลูกครบ 4 คนแล้ว ก็ให้ผู้ชายไปช่วยทำลูกให้บ้านที่ยังไม่ครบด้วย

แต่สุดท้ายแนวคิดนี้ของฮิตเลอร์ก็ถูกปัดตกไป ถ้าใครชอบหนังสือแนวประวัติศาสตร์ที่อ่านสนุก และก็อยู่ใกล้ตัว ส่วนตัวผมแนะนำหนังสือเล่มนี้ครับ แล้วคุณจะรู้ว่าหลายสิ่งในชีวิตประจำวันที่คุ้นอยู่ทุกวันนั้นถูกส่งต่อมาจากช่วงเวลาก่อนหน้าอย่างสงครามโลกครั้งที่สองได้อย่างไร

อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 7 ของปี

สรุปหนังสือ World War Tools สงครามโลกในสิ่งของ
เล่าสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านข้าวของที่ถูกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือ
มนสิชา รุ่งชวาลนนท์ เขียน
สำนักพิมพ์ Salmon

อ่านสรุปหนังสือแนวประวัติศาสตร์ในอ่านแล้วเล่าต่อ: https://www.summaread.net/category/history/

สนใจสั่งซื้อออนไลน์
https://shope.ee/9UeXV1ODL6
https://shope.ee/VjimUMo2D

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/