สรุปหนังสือ Oda Nobunaga โอดะ โนบุนางะ จอมอหังการผู้พลิกประวัติศาสตร์ซามูไร เป็นหนังสือชุดสามวีรบุรุษผู้รวมแผ่นดินญี่ปุ่น จากกระแสซีรีส์ Shogun ใน Disney+ บ้านเรา บวกกับผมกำลังเดินทางไปเที่ยวเกียวโตช่วงสงกรานต์ 2024 ทำให้ผมได้หยิบหนังสือชุดนี้ติดมือไปอ่านระหว่างบนเครื่องบินด้วย ทำให้ทริปเกียวโตของผมที่เต็มไปด้วยวัดญี่ปุ่นโบราณนั้นสนุกขึ้นกว่าเดิม จากการได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังของแต่ละสถานที่ว่าเคยมีบริบทประวัติความเป็นมาอย่างไร

โอดะ โบนุนางะ น่าจะเป็นหนึ่งในที่คนไทยหลายคนคุ้นเคย จะคุ้นผ่านภาพยนต์หรือผ่านการ์ตูนใดๆ ก็แล้วแต่ แต่กับเรื่องราวในประวัติศาสตร์จริงนั้นน่าสนใจยิ่งกว่าที่เคยรู้มา เริ่มตั้งแต่สมัยวัยหนุ่ม โอดะ โนบุนางะ ผู้นี้เคยถูกขนานนามว่าเป็น “ไอ้งั่งแห่งโอวาริ”

แกล้งเป็นไอ้งั่งเพื่อให้คนอื่นประมาท

ด้วยการทำตัวประหลาดจากประเพณีของญี่ปุ่นเวลานั้น ทั้งแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดซึ่งผู้คนปกติไม่ทำกัน แล้วก็ไปเล่นสนุกกับลูกชาวบ้านที่ถือว่าเป็นชนชั้นต่ำเมื่อเทียบกับตระกูลโอดะที่เป็นถึงผู้ปกครองแคว้นอย่างไม่ถือตัว ทำให้บรรดาขุนนางชนชั้นสูงมองว่านี่คือการกระทำที่ไม่เหมาะสมของโอดะ โนบุนางะ ไม่เหมาะจะเป็นผู้สืบทอดอำนาจโดยสิ้นเชิง

แต่กับพิธีการชงชาที่ถือเป็นประเพณีของชนชั้นสูง โอดะ เองก็ทำได้เยี่ยมยอด จุดพลิกสำคัญที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามกับโอดะ โนบุนางะ เห็นถึงความไม่ธรรมดาของเขาคือตอนที่ตัวเขาต้องแต่งงานกับเจ้าหญิงโน บุตรสาวของไดเมียวแคว้นข้างเคียงเพื่อกระชับสัมพันธ์ทางการเมืองนั้น ทีแรกฝั่งพ่อตาไม่อยากยกลูกสาวให้ เพราะได้ยินมาเยอะมากกับฉายาไอ้งั่งแห่งโอวาริ

จนเมื่อถึงวันจริงที่ต้องทำพิธี โนบุนางะปรากฏกายในชุดของซามูไรเต็มยศอย่างเรียบร้อยสง่างาม แถมยังปฏิบัติทุกอย่างตามขั้นตอนธรรมเนียมประเพณีครบถ้วนสวยงสามทุกประการ จนทำให้อีกฝั่งรู้สึกละอายใจที่เผลอประมาทมองโอดะ โนบุนางะ ผิดไปจากข่าวลือ

จะเรียกว่าเป็นกลยุทธ์เสือซ่อนเขี้ยวก็ไม่ผิดนัก เพราะโอดะ โนบุนางะ คงรู้สึกว่าถ้าไม่ได้มีความจำเป็นอะไรจะทำตัวให้มากพิธีรีตองตลอดเวลาไปทำไม แต่ถ้าถึงเวลาต้องจริงจังก็สามารถทำได้โดยไม่กระเดิกกระดากแต่อย่างไร เรียกได้ว่าเป็นการทำให้คู่แข่งตายใจ เข้าใจผิดคิดว่าเราไร้ความสามารถ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วเรามีศักยภาพล้นหลาม

มองข้ามเรื่องเล็กน้อย คืนหัวให้เพื่อได้ใจ กล้าก้มหัวให้ผู้อื่นก่อน

ครั้งหนึ่งตอนโอดะ โนบุนางะ ชนะศึกแห่งหนึ่ง ตามธรรมเนียมเดิมคือผู้แพ้จะต้องทำการคว้านท้องและให้ผู้อื่นตัดหัวตัวเอง เพื่อเป็นการรักษาเกียรติแก่วงศ์ตระกูลไว้ ปกติแล้วหัวนั้นมักจะถูกริบเป็นของผู้ชนะว่าจะนำไปทำอะไรต่อก็แล้วแต่ แต่ในเวลานั้นมีคนแนะนำโอดะ โนบุนางะ ว่าให้ส่งคืนแก่ตระกูลผู้แพ้ เพื่อจะได้ลดความบาดหมางกันในอนาคต

ทาง โอดะ โนบุนางะ ก็เห็นชอบตามนั้นเลยส่งหัวคืนให้ ผลคือตัวเขาก็ค่อยๆ รุกคืบดินแดนอื่นได้มากขึ้นเรื่อยๆ ลองคิดว่าถ้าตัวเองถืออัตตามากเกินไปไม่ยอมคืนหัวให้ ก็อาจถูกตระกูลนั้นมาล้างแค้นในวันใดวันหนึ่งได้

มีอีกครั้งหนึ่งที่ โอดะ โนบุนางะ กำลังเจอศึกหนักครั้งใหญ่ ตัวเขาเองก็กลับว่าจะถูกศึกจากอริเก่าอีกทิศเข้ามารุมจนพ่ายแพ้ได้ ก็เลยยอมลดอัตตาลงทั้งหมดจนถึงขั้นกล้าไปก้มหัวขอโทษที่ตัวเองเคยก่อศึกก่อน

ผลคืออีกฝ่ายแปลกใจกับการที่ โอดะ โนบุนางะ ที่ขึ้นชื่อเรื่องศักดิ์ศรีอย่างมาก เมื่อเจอการกระทำที่คาดไม่ถึงก็เลยยอมสงบศึกด้วย ไม่เข้าร่วมรบกับโอดะ โนบุนางะ ที่กำลังติดพันศึกหลายด้านในเวลานั้น

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าคิดจะใหญ่ต้องใจกว้างมองข้ามเรื่องเล็กน้อย กล้าก้มหัวให้ผู้อื่นก่อน แล้วจะพบว่าชีวิตนั้นเบากว่าเดิมมากแค่รู้จักลดอัตตาลง

ฉายาจอมมาร มาจากความเด็ดขาด

โนบุนางะ เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับฉายาจอมมารจากผู้คน เพราะเขาได้ทำศึกกับบรรดา อิกโก อิกกิ หรือก็คือกองทัพพระสงฆ์และชาวบ้าน ที่เป็นหอกข้างแคร่โอดะ โนบุนางะ มานานมาก ด้วยการตัดสินเผด็จศึกขั้นเด็ดขาด ด้วยการฆ่าล้างบางกองทัพพระสงฆ์และชาวบ้านที่รวมตัวกันหลายหมื่นคนบนเขาฮิเอ อยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเกียวโต

การกระทำครั้งนั้นโนบุนางะ สั่งให้ทหารกองทัพซามูไรฆ่าทุกคนที่อยู่บนเขาลูกนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง คนแก่ ลูกเด็กเล็กแดง โดยห้ามปราณี จากนั้นก็ทำการเผาเขาทั้งลูกทิ้งเสีย ในแง่กลยุทธ์ก็เพื่อตัดเสี้ยนหนามในอนาคต จนทำให้ตัวเขาถูกประนามจากผู้นับถือพุทธศาสนาว่าเป็นจอมมารตั้งแต่นั้นไป

จากเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การตัดสินใจทำอะไรเด็ดขาดนั้นต้องกล้ายอมรับผิดด้านลบที่จะตามมาด้วย เพราะไม่มีใครทำอะไรให้ออกมาถูกใจทุกคนได้ และถ้าเราจะเอาใจทุกคน สุดท้ายแล้วจะไม่มีใครพอใจกับเราอยู่ดี

นวัตกรรมปืนคาบศิลา 3 แถว

ปืนคาบศิลา หรือปืนสมัยโบราณที่เราเห็นกันผ่านภาพยนต์ประวัติศาสตร์ประจำ ปืนกระบอกยาวๆ ที่ยิงได้ทีละหนึ่งนัด แล้วต้องบรรจุกระสุนกับดินปืนเข้าไปใหม่ที่ต้องใช้เวลาไม่น้อย ในสมัยนั้นปืนคาบศิลาเพิ่งเข้ามาสู่ประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก แต่ไม่เป็นที่ยอมรับหรือนิยมในเหล่าไดเมียวหรือผู้ปกครองมากนัก เพราะเห็นว่ากว่าจะโหลดกระสุนใหม่แต่ละนัดนั้นใช้เวลานานเกินไป สู้ขี่ม้าใช้ดาบซามูไรวิ่งเข้าไปฟันนั้นดูสะดวกและมีประสิทธิภาพมากกว่า

แต่กับโนบุนางะนั้นมองเห็นโอกาสจากอีกอย่าง กลับมองว่าปืนคาบศิลานั้นจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้กองทัพเขาเกรียงไกร แม้จะใช้เวลาในการโหลดกระสุนใหม่แต่ละนัดที่ค่อนข้างนานหลายวินาที หรืออาจเกือบหนึ่งนาที เขาเลยออกแบบกองทัพใหม่ให้มีสามแถว

เมื่อแถวแรกยิงเสร็จ ก็จะไปโดนทัพหน้าที่เป็นกองทหารม้า ซึ่งส่วนใหญ่ก็โดนไม่เยอะมาก ทำให้กองทหารท้าที่เหลือสามารถวิ่งเข้ามาประชิดกองทหารปืนคาบศิลาได้ไม่ยาก แต่โนบุนางะออกแบบให้มีแถวที่สองที่เดินสลับก้าวเข้ามายิงปืนคาบศิลาต่อ ในระหว่างนั้นแถวที่หนึ่งก็โหลดไป

แต่พอแถวที่สองยิงเสร็จแถวที่หนึ่งก็ยังโหลดไม่เสร็จอยู่ดี เขาเลยแก้ด้วยการเติมแถวที่สามเข้ามาทำหน้าที่สลับยิงต่อไป เมื่อแถวที่สามยิงเสร็จแถวที่หนึ่งก็จะโหลดกระสุนเสร็จพอดี ก็จะสลับหมุนเวียนยิงแล้วโหลดกันไปแบบนี้เรื่อยๆ จนทำให้กองทหารปืนคาบศิลาของโนบุนางะนั้นเกรียงไกรมาก ทำให้พวกเขาชนะสงครามแบบแทบไม่สูญเสียอะไรเลยเป็นจำนวนหลายครั้ง

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าถ้าเราเห็นว่านวัตกรรมหนึ่งนั้นน่าทึ่งมาก แต่ยังมีจุดอ่อนอันใหญ่หลวงจนดูเหมือนไม่เหมาะจะนำมาใช้งานจริง ให้ลองหาว่าเราจะอุดช่องโหว่นี้ได้อย่างไร เหมือนี่โนบุนางะมองออกว่าปืนคาศิลานั้นมีพลังทำลายสูง ไม่ต้องฝึกฝนเยอะเหมือนการฟันดาบซามูไร แต่ต้องใช้เวลาในการโหลดกระสุนแต่ละนัดนาน ก็เลยแก้ด้วยการเพิ่มระยะเวลาการยิงให้นานขึ้น เพื่อชดเชยระยะเวลาการโหลดกระสุนใหม่จนสามารถพร้อมยิงต่อเนื่องได้ในทันที

ปล่อยตัวซามูไรฝ่ายตรงข้ามที่ภักดี เพื่อเปิดโอกาสสร้างบารมีในวันหน้า

ปกติเวลาชนะศึกสงคราม ผู้ชนะมักบังคับให้ลูกน้องของผู้แพ้มาเข้าร่วมกับตัวเอง ซึ่งการบังคับนั้นก็มักไม่ค่อยได้ผลดี อาจได้รับการตอบรับแบบส่งๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดผลเสียในอนาคต หรือไม่ก็มักจะประหารจนเกลี้ยงเพราะคิดว่าเป็นการกำจัดเสี้ยนหนามในอนาคต แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ลืมไปว่าเรากำลังสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่อาจทรงคุณค่าในอนาคตไปเช่นกัน

กับโนบุนางะนั้นเลือกที่จะสังหารเฉพาะพวกขุนนาง ขุนพล ซามูไร ผู้แปรพักตร์ขายนายเท่านั้น เพราะถือว่าคนแบบนี้ถ้าเก็บเข้ามาไว้ใกล้ตัวก็ย่อมมีโอกาสจะทำแบบเดียวกันกับเราได้ กับคนที่จงรักภักดีกับเจ้านายเก่ามากๆ เลือกที่จะปล่อยตัวไปไว้ชีวิต ทำให้วันหนึ่งเมื่อฝั่งนั้นแพ้ขาดจนตระกูลล่มสลายขึ้นมา บรรดาขุนพลซามูไรเก่งๆ หลายคนก็มาเข้าร่วมเป็นบริวารของโอดะ โนบุนางะ ด้วยความเต็มใจจนกลายเป็นขุมกำลังสำคัญของตัวเขาเองในที่สุด

สรุปหนังสือ โอดะ โนบุนางะ Oda Nobunaga

สรุปหนังสือชีวประวัติ โอดะ โนบุนางะ Oda Nobunaga จอมอหังการผู้พลิกประวัติศาสตร์ซามูไร กลยุทธ์การเป็นผู้นำและผู้บริหารที่ได้รับฉายาจอมมาร

นี่คือเรื่องราวของวีรบุรุษผู้เริ่มต้นรวบรวมแผ่นดินญี่ปุ่นให้กลายเป็นปึกแผ่น ผู้ที่ถูกกล่าวถึงบ่อยที่สุดผ่านภาพยนต์และการ์ตูนต่างๆ มากมาย ผู้นำที่เด็ดเดี่ยวกล้าตัดสินใจแม้จะต้องถูกขนานนามว่าเป็นจอมมารเพื่อความเด็ดขาดในการปกครอง

แต่หลายการตัดสินใจที่ผิดพลาดก็กลายเป็นบทเรียนสำคัญให้วีรบุรุษคนถัดไปได้เรียนรู้ นั่นก็คือโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ผู้ที่สามารถรวบรวมญี่ปุ่นเป็นปึกแผ่นได้จริง บวกกับยังสามารถนำกองทัพไปรุกรานแผ่นดินเกาหลีที่เคยเป็นแค่ฝันของโอดะ โนบุนางะได้

อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 15 ของปี

สรุปหนังสือ โอดะ โนบุนางะ Oda Nobunaga
จอมอหังการผู้พลิกประวัติศาสตร์ซามูไร
ชุดสามวีรบุรุษผู้รวมแผ่นดินญี่ปุ่น
ภาณุมาส เมืองพรหม เขียน
สำนักพิมพ์ Gypzy

อ่านสรุปหนังสือแนวประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในอ่านแล้วแล้วต่อ: https://www.summaread.net/category/japan/

สั่งซื้อออนไลน์: https://shope.ee/605P2lF0bX

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/