แบรนด์ดังๆ เขาตั้งราคาสินค้ากันยังไง

สรุปหนังสือ แบรนด์ดังๆ เขาตั้งราคาสินค้ากันยังไง กลยุทธ์การตั้งราคาแบบขายถูกก็ได้กำไร หรือต่อให้ขายแพงยังไงคนก็ซื้อ บอกได้เลยว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหาร หรือเจ้าของธุรกิจ หรือคนที่ต้องดูแลเรื่องตัวเลขการเงินของธุรกิจเป็นพิเศษครับ เพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือเรื่องการสร้างแบรนด์ แต่เป็นหนังสือเรื่องการตั้งราคาขึ้นมาอย่างไรให้ขายได้ ไม่ว่าจะขายถูกหรือขายแพง หรือกลยุทธ์การตั้งราคาที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ดังๆ มากมาย ตั้งแต่ห้างขายสินค้าราคาถูกประเภท EDLP (Everyday Low Price) หรือรถสุดหรู Ferrari ก็ตาม ดังนั้นถ้าคุณรู้ว่าจะตั้งราคาขายอย่างไรให้ยังคงกำไรอยู่ได้ คุณก็สามารถพาธุรกิจให้อยู่รอดต่อไปได้ครับ เพราะธุรกิจจะอยู่รอดได้ก็ได้การควบคุมรายรับและรายจ่ายให้เป็น และถ้านักธุรกิจหรือผู้บริหารคนไหนเข้าใจตรงจุดนี้ก็จะสามารถรู้ว่าจะหากำไรอย่างไรได้ไม่ยาก เพราะจริงๆ แล้วราคาเบื้องหน้าที่ดู net เรียบง่าย แท้จริงแล้วมีรายละเอียดมากมายที่ถ้าไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้คนอย่างผมก็จะไม่มีทางรู้เลยครับ…

ทำไม Netflix ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง

ถ้าให้สรุปหนังสือ ทำไม Netflix ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง แบบสั้นๆ ผมบอกได้เลยว่า เพราะเค้าเลือกแต่คนที่เก่งและหิวกระหายที่จะเก่งตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะคัดคนที่ไม่เก่งออกไปโดยไม่ลังเล แม้ว่าคนนั้นจะเคยเก่งมากเมื่อ 6 เดือนก่อนก็ตาม ผมว่าใจความสำคัญของเล่มนี้คือ “บริหารทีมงานเหมือนทีมกีฬา” คุณอาจสงสัยว่าแล้วการบริหาร “ทีมกีฬา” มันต่างจากการบริหาร “ทีมงาน” แบบเดิมอย่างไรล่ะ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เราคุ้นเคยกับประโยคที่บอกว่า ทีมงานเรา “เหมือนครอบครัว” ได้ใช่มั้ยครับ นี่เป็นประโยคสุดคลาสสิกที่ไม่ว่าบริษัทไหนก็มักจะพูดกันแบบนี้ว่าเราอยู่กันเป็นครอบครัว เราอยู่กันเหมือนพี่น้อง แต่ในความเป็นจริงแล้วพอถามบรรดาหัวหน้าทีม HR หรือผู้บริหารทั้งหลายว่าเคย “ไล่คนออกมั้ย?” พวกเขาทุกคนล้วนยกมือตอบว่าเคยกันทั้งนั้น…

คม CEO

สรุปหนังสือ คม CEO ของคุณไอดิน ศรีเมือง เล่มนี้ เป็นหนังสือเล่มบางตัวหนังสือน้อย แต่กลับมีแต่เนื้อเน้นๆ แทบไม่มีน้ำปนเลย เพราะหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวและประสบการณ์ตรงจาก CEO บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย ยากที่คนทั่วไปจะได้รับรู้รับฟังเรื่องราวแบบนี้ได้ เริ่มต้นที่คำว่า CEO ที่น้อยคนนักจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ คำว่า CEO อาจฟังดูเป็นเรื่องใหม่ แต่แท้จริงที่ประเทศจีนเมื่อหลายร้อยหรือเป็นพันปีก่อนก็มีผู้ที่ทำหน้าที่เหมือน CEO แบบฝรั่งในวันนี้ แต่เรียกกันว่า “หลงจู๊” เพียงแต่หลงจู๊คนนี้เป็นผู้ที่มารับหน้าที่บริหาร ไม่ใช่เจ้าของกิจการแบบ CEO บางคน เพราะ CEO…

พระเจ้าอยู่ในรายละเอียด MUJI

แบรนด์ที่หลายคนคุ้นหู หลายคนรู้จัก หลายคนอาจจะมีปากกาซักด้ามหรือสมุดซักเล่ม และหลายคนก็ถึงขั้นเป็นสาวก MUJI ตัวจริง หลายครั้งที่เวลาผมได้ยินคนใกล้ตัวใช้คำว่า MUJI หรือ มูจิ อธิบายถึงอะไรบางอย่าง ที่ต้องการจะสื่อว่าของสิ่งนั้นดูน้อยๆแต่มีคุณค่ามากๆ หรือจะสื่อถึงแนวคิดแบบ Minimalism หรือแม้แต่จะคำว่า มูจิ นิยามไปถึงแนวคิดแบบ Less is More และสุดท้ายหมายถึงอะไรที่ญี่ปุ๊น ญี่ปุ่น ในความคิดของบางคนซะเหลือเกิน ทำไมชื่อแบรนด์อย่าง MUJI ถึงกลายเป็นคำนิยามสามัญของคนหลาคนไปได้? เพราะมูจิเอง เป็นแบรนด์ที่มีความชัดเจนตั้งแต่การออกแบบ และย้อนไปจนถึงแนวคิดที่มาของการออกแบบนั้น อะไรที่ไม่จำเป็นก็จะถูกตัดทิ้งไป…

Our Iceberg is Melting เมื่อทุกอย่างปกติดีก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง

เป็นหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องทีมเวิร์คในรูปแบบนิทานการ์ตูนที่ไม่ว่าใครก็เข้าใจได้ เหมือนเอาฉากในชีวิตจริงในการทำงานออกมาเสียดแทงใจดำคนหลายคน ทั้งปัญหาจากการทำงานหมู่หรือการอธิบายความคิดของคนในหลายตำแหน่ง ถ้าอยากให้ทีมเวิร์คในทีมดีควรซื้อไปอ่านกันคนละเล่มแล้วแล้วกลับมาคุยกันซักรอบ ทุกคนน่าจะเห็นภาพตรงกันและเข้าใจทุกๆฝ่ายได้มากขึ้น อ่านจบทำให้ผมคิดได้ว่าการเล่าเรื่องด้วยนิทานนี่คนเขียนคนคิดต้องมีความเข้าใจที่แตกฉานในเรื่องนั้นมากจริงๆ ไม่งั้นก็จะเป็นได้แค่พวกคลั่งศัพท์วิชาการไทยคำอังกฤษคำเป็นกูรูกับพวกคนดูก็ต้องบอกว่ากูงงไปเรื่อยๆ เพราะการอธิบายที่ดีที่สุดคุณต้องถ่ายทอดความคิดให้แม้แต่คนที่ไม่รู้เรื่องเข้าใจได้ ถ้าทำไม่ได้นั่นหมายความว่าถ้าไอเดียคุณยังไม่ดีคุณก็ยังไม่เข้าใจมันเองได้ดีพอ แก้กันที่ตัวเองง่ายกว่าแก้ที่คนอื่นเยอะเลย ปล.สรุปเกี่ยวกับเนื้อหาหนังสือมั้ยเนี่ย อ่านเมื่อปี 2016

Driven to Delight ขับเคลื่อนความสุข

สรุปหนังสือ Driven to Delight ขับเคลื่อนความสุข, ส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าระดับโลก แบบวิถีเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยสำนักพิมพ์ Mc Graw Hill Education บอกตรงๆว่าวินาทีแรกสนใจเล่มนี้เพราะหน้าปกที่มีโลโก้ดาวสามแฉกอย่างเบนซ์เด่นหรา แต่พอได้หยิบขึ้นมาอ่านผ่านๆก็รู้ว่ามีอะไรมากกว่านั้น นอกจากหน้าปกที่สามารถฮุคให้ผมหยุดแล้ว ประโยคที่เขียนเด่นชัดว่า “ขับเคลื่อนความสุข” ก็เป็นอีกหนึ่งคีย์สำคัญที่สามารถดึงกระเป๋าตังค์ผมออกมาได้ด้วย หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเบนซ์ที่อเมริกา (ผมขอเรียกสั้นๆแทนชื่อเต็มว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์ สหรัฐอเมริกานะครับ) ถ่ายทอดผ่าน CEO ที่ชื่อ Steve Cannon เพียงแค่เริ่มรับตำแหน่งใหม่ใน 60 วัน…

The 4-Hour Workweek ทำน้อยแต่รวยมาก

The 4-Hour Workweek โดย Timothy Ferriss เล่าถึงวิธีแห่งเศรษฐีแนวใหม่.. ..เมื่อพูดถึงคำว่า “เศรษฐี” แว๊ปแรกในหัวผมคือคนที่มีมากล้นด้วยเงินทองทรัพย์สมบัติ คนที่ร่ำรวยด้วยเวลาที่จะทำอะไรก็ตามที่แลดูน่าอิจฉาในความคิดรากหญ้า(อย่างผม) อารมณ์ประหนึ่ง Bruce Wayne หรือมหาเศรษฐีผู้ว่างและร่ำรวยมากจนต้องไปเป็น Batman เพื่อให้ตัวเองลำบากเล่น นี่คือแว๊ปแรกที่ผ่านเข้ามาในหัว ..จากนั้นแว๊ปที่สองหลังจากได้ใช้สมองอันน้อยนิดของผม(อีกละ)ไตร่ตรองดูว่าบรรดา “เศรษฐี” ทั้งหลายที่ผมรู้จัก(ผ่านหนังสือพิมพ์หรือหน้าเวปนะ ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวขนาดมีไลน์มีเฟซอะไรแบบนั้น) คนอย่างท่านเจ้าสัวหมื่นล้านแสนล้านทั้งหลาย ดูเป็นคนที่ทำงานหนัก ตรากตรำ ไม่หยุดคิด พูดอะไรแต่ละทีก็ดูฉลาดไปหมด(จนผมไม่รู้ว่าวันๆนึงท่านๆเหล่านี้เคยพูดอะไรโง่ๆบ้างหรือเปล่านะ) ดูเป็นคนที่ใช้เวลาแทบจะทั้งชีวิตแลกกับความสำเร็จจนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนำหน้านามว่า “เศรษฐี” ยังไงยังงั้น…