The Strategy and Tactics of Pricing

กลยุทธ์การตั้งราคา แนวทางการตัดสินใจเพื่อสร้างผลกำไร เมื่อราคาไม่ใช่แค่ “ราคา” ที่เคยเข้าใจอีกต่อไป หนังสือเล่มนี้แม้จะอ่านยากนิดๆ (มีอารมณ์คล้ายหนังสือเรียนที่มักจะต้องถูกบังคับจากอาจารย์ให้อ่าน) แต่ก็ถ้าตั้งใจอ่านซักหน่อยก็จะพบว่ามีอะไรให้เรียนรู้และเก็บเกี่ยวอีกเยอะ รวมถึงเคสที่น่าสนใจมากมาย หลายครั้ง “ราคา” มักเป็นส่วนสุดท้ายของการตัดสินใจ ที่มักจะเอา “ต้นทุน” มาบวก “ผลกำไร” ที่ต้องการ แล้วใช้ตัวเลขนั้นเป็นราคาขายให้กับลูกค้า แทบจะเรียกได้ว่าเป็นปลายทางของธุรกิจเลยก็ว่าได้ แต่หนังสือเล่มนี้ให้มุมมองใหม่ที่น่าสนใจว่า การตั้งต้นด้วยราคาก่อนจะเริ่มทำธุรกิจนั้น มีโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจนั้นอยู่รอดและเติบโตได้มากกว่า!? สำหรับผมเป็นมุมมองใหม่ที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อนเลยกับการ”เอาราคาเป็นตัวตั้ง” เพราะแต่ไหนแต่ไรมา การกำหนดราคาด้วยต้นทุนคือสินค้า > ต้นทุน > ราคา >…

Propaganda โฆษณาชวนเชื่อ

สรุปอย่างย่อ นี่คือหนังสือที่สอนเรื่องการ PR ชั้นดี ที่เผยเบื้องหลังของสิ่งต่างๆรอบตัวที่เรามองข้ามมาตลอด ให้เห็นความเชื่อมโยงที่จริงอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะถ้าลองคิดตามดูจะพบว่ามันจริงซะจริงจนไม่รู้จะว่ายังไง เช่น การจะทำให้สินค้าที่ผ่านการออกแบบมีค่าในสายตาผู้บริโภคทั่วไปมากขึ้น ก็จะไม่ใช้การโฆษณาตรงๆ แต่จะใช้การสร้างกระแสให้เห็นคุณค่าของการศิลปะ อาจจะผ่านหอศิลป์ต่างๆมากมาย เพื่อให้คนยอมรับในคุณค่าของการออกแบบมากขึ้น แม้หนังสือเล่มนี้จะอ่านแล้วไม่สมูทเท่าไหร่นักในความคิดผม แต่ผมว่าเนื้อหาในเล่มมีประเด็นเด็ดๆที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อนไม่น้อยเลยครับ ดังนั้นถ้าใครทำงานการตลาด ทำงานด้านการขาย หรือทำงานประชาสัมพันธ์ หรืออาจจะแค่อยากรู้เท่าทันว่าสารที่เราเห็นผ่านสื่อรอบตัวนั้น แท้จริงแล้วเค้ากำลังต้องการอะไรจากเรากันแน่ เพราะการโฆษณาชวนเชื่อคือการไม่บอกตรงๆว่าอยากให้เราทำอะไร แต่เป็นการพูดอ้อมๆหรือสะกิดเบาๆให้เรารู้เองว่าเราควรทำหรือคิดอย่างไร สรุปอย่างยาว ผมขอหยิบบางส่วนในเล่มมาเล่าให้ฟังเพื่อเรียกน้ำย่อยให้คุณไปหามาอ่านเองแบบเต็มๆที่งานหนังสือที่กำลังจะมาถึงสิ้นเดือนนี้ หรือลองไปหาดูตามร้านหนังสือใกล้บ้านนะครับ ป้อนเรื่องให้คนต้องคิด ทำให้คนไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอื่นที่ไม่อยากให้คิด อย่างการที่สื่อต่างๆพยายามป้อนข่าวโน่นนี่นั่นใส่หัวเราตลอดเวลา บางทีเค้าก็ไม่ได้อยากให้เราใส่ใจเรื่องนั้นหรอก แต่เค้าแค่ไม่อยากให้เรามีเวลาว่างไปใส่ใจเรื่องอื่นที่เค้าไม่อยากให้เราใส่ใจ…

แมคโดนัลด์ แฮมเบอร์เกอร์…ไม่ธรรมดา Everything I know about business I learned at McDonald

แบรนด์ธรรมดาที่เบื้องหลังไม่ธรรมดา กับ 7 วิธีการที่พาองค์กรให้อยู่รอดผ่านมรสุมทางเศรษฐกิจต่างๆตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาให้อยู่รอดอย่างยิ่งใหญ่ จนเป็นร้านฟาสฟู๊ดที่มีสาขามากที่สุดในโลกทุกวันนี้ 1. ความซื่อตรงและเป็นพวกพ้อง แนวคิดและแนวทางในการทำธุรกิจที่ไม่เหมือนใคร และไม่คิดว่าจะมีใครเหมือน ด้วยการ “จับมือ” แทนการทำสัญญา ที่ผู้ก่อตั้งแมคโดนัลด์ เรย์ ครอก (Ray Kroc) ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารรุ่นถัดมาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจกับคู่ค้ามากมาย แม้จะผ่านมากี่สิบปีแล้ว สัญญาใจจากการจับมือกันนั้นก็ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ คู่ค้าหลายคนของแมคโดนัลด์ตั้งแต่รุ่นก่อตั้งเมื่อหลายสิบปีก่อน จนวันนี้ธุรกิจถูกส่งต่อมายังรุ่นที่สองหรือรุ่นลูก ก็ยังคงใช้การ “จับมือ” แทนการใช้เอกสารสัญญา เพราะด้วยแนวคิดที่ว่า ถ้าเราจะไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน การทำสัญญาใดๆก็ไร้ความหมาย ธุรกิจ การค้า…

วัตถุต้องสงสัย

ช่างสงสัย ช่างตั้งคำถาม และก็ช่างพยายามหาคำตอบ สำหรับหนังสือเล่มนี้ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวง่ายๆไกล้ตัว ที่เราส่วนใหญ่มักจะมองข้ามมันไปทุกเมื่อเชื่อว่า ทั้งๆที่เรื่องก็สุดแสนจะธรรมดา แต่ไหงถึงพาไปสู่คำตอบที่แสนจะมหัศจรรย์ได้ เช่น 04 ขนกับความเป็นคน, ทำไมเราต้องโกนหนวด? ผม ในฐานะผู้ชายคนนึง ที่โกนหนวดมาเป็นประจำแทบจะวันเว้นวันตั้งแต่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นปลายๆมา ก็ไม่เคยตั้งคำถามหรือสงสัยกับเรื่องที่แสนจะธรรมดาสามัญอย่างการโกนหนวดเลย จนหนังสือเล่มนี้ได้มีคำตอบช่วงนึงที่น่าสนใจว่า 98% ของนักธุรกิจหนุ่ม 100 คนที่รวยที่สุดในโลกมีใบหน้าเกลี้ยงเกลา และจากแบบสำรวจที่พบว่าผู้หญิงประทับใจผู้ชายใบหน้าเกลี้ยงเกลามากกว่าผู้ชายหนวดเคราเฟิ้ม เพราะพวกเธอคิดว่า ชายหนุ่มที่ไว้เคราดูเป็นคนไม่ค่อยมีน้ำใจ (Less generous) ไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่ (Less caring) และดูเป็นคนซังกะตาย…

The Lucky Lay Off โชคดีที่ตกงาน

จากสาวคอนซัลท์ไฟแรงสูงบริษัทข้ามชาติหลายสาขาทั่วโลก ต้องพลิกผันถูกเลย์ออฟกลางคันตอนทำงานอยู่ลอนดอน ชีวิตกำลังสนุกไปด้วยแสงสีเสียงและสิทธิพิเศษจากบริษัท ต้องถูกลิดรอนหายไปแม้แต่วีซ่าก็ด้วย จนต้องเที่ยวทิ้งทวนครั้งสุดท้ายและหาแพลนบีให้ชีวิต จากเงินเดือนสองแสนเหลือหมื่นนิดๆ จากคอนซัลท์สาวออฟฟิศหรูในมหานครโลก ได้ลองมาเป็นสาว NGO ไปลุยถิ่นทุรกันดารที่พม่า จนทำให้เธอได้พบโลกกว้าที่ถ้าเธอไม่ถูกเลย์ออฟในวันนั้นก็คงไม่มีวันนี้ จนเธอได้ทำตามฝันไปเรียนต่อที่มหาลัยชั้นนำของโลกที่อเมริกา ด้วยความพยายามและความฝืนใจมองโลกในแง่ดีของเธอ และโลกใหม่ที่กำลังรอเธออยู่ ทำให้เธอได้กลับมาขอบคุณการเลย์ออฟครั้งนั้นที่ทำให้เธอมีวันนี้ครับ ว่าไปชีวิตผมก็เคยตกงานเพราะถูกเลย์ออฟตอนบริษัทที่ดูรุ่งโรจน์ประกาศปิดตัวกระทันหันเหมือน “กระเป๋า” ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ถ้าถามว่าตอนที่ออฟฟิศประกาศเลย์ออฟตอนนั้นรู้สึกยังไงบอกตรงๆใครๆก็บอกว่าผมดูนิ่งมากครับ แทบไม่มีอาการตระหนก ตกใจ โวยวาย ร้องให้ใดๆเลย แถมยังช่วยสามารถปลอบใครต่อใครอีกหลายคนด้วยซ้ำ แต่พอไม่กี่ชั่วโมงผ่านไป กลับมาถึงงบ้าน สมองเริ่มทำงานไปเรื่อยๆหลังจากแยกย้ายกัน โอโห ประมวลผลไม่ทันทั้งอดีตเมื่อไม่กี่ชั่วโมงหรือในใบสัญญาจ้างงานที่ใครๆก็อิจฉาต้องกลายเป็นเศษกระดาษไร้ค่า ทั้งเงินกองทุนนสมทบ…

Digital Wars สงครามดิจิทัล แอปเปิล กูเกิล และไมโครซอฟต์

สรุปอย่างย่อ หนังสือเล่มนี้เล่าย้อนให้เราไปรู้จักประวัติศาสตร์เทคโนโลยีก่อนที่จะมาเป็นยุคดิจิทัลแบบทุกวันนี้ ของ 3 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผมเชื่อว่าคุณต้องใช้บริการเค้าอย่างใดอย่างหนึ่งแน่ๆ คือถ้าโทรศัพท์คุณในวันนี้ไม่เป็น Andriod ของ Google ก็ต้องเป็น iPhone ของ Apple ส่วน Microsoft น่าจะแน่เป็นแช่แป้งว่าคอมพิวเตอร์ที่ออฟฟิศคุณถ้าไม่ใช่ Mac ก็ต้องเป็น Windows ซักเวอร์ชั่น และคุณก็น่าจะต้องใช้โปรแกรม Microsoft Office ในการทำงานเป็นประจำใช่มั้ยครับ หนังสือเล่มนี้เล่าย้อนเวลาไปตั้งแต่สมัยที่ Apple เริ่มเติบใหญ่จากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ PC เป็นรายแรก จากนั้นก็ถูก…

Disruption ฉีกแนวคิดสู่ชั้นเชิงธุรกิจ

ว่าด้วยวิธีคิดแบบ TBWA ที่เป็นแนวทางให้ TBWA ทั่วโลก คิดยังไงให้ต่าง? คำถามนี้คนโฆษณาและการตลาดมักจะคุ้นกันดี โดยเฉพาะคนเอเจนซี่ที่ต้องรับโจทย์จากนักการตลาด หรือแบรนด์มาอีกทีว่า จะทำยังไงให้สินค้าหรือบริการตัวเองต่างจากคู่แข่ง ทั้งๆที่ทุกวันนี้ความแตกต่างในสินค้าหรือบริการนั้นกลับแทบไม่มีเหลืออีกแล้ว นวัตกรรมใหม่ๆที่เคยทำให้แบรนด์ๆแตกต่างในได้ในอดีต กลับถูกลอกเลียนแบบได้ในเวลาที่สั้นลงกว่าทุกยุคที่ผ่านมา หรือที่มีคำเรียกว่า commondization หรือแปลง่ายๆเป็นภาษาชาวบ้านว่า “มันก็คือกันทั้งนั้นแหละ” แล้วเราจะทำยังไงให้เรา “ต่าง” จากคู่แข่งได้บ้างล่ะ? หนังสือเล่มนี้บอกว่ามันยังพอมีแนวทางอยู่ และแนวทางนี้ก็ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆก็คือ Convention / Disruption / Vision Convention…

วันพรุ่งนี้ที่เกิดขึ้นแล้ว

แม้จะผ่านมา 4 ปี แต่ก็ยังไม่เก่าเลย เนื้อหาและประเด็นในเล่มยังเต็มไปด้วยความสดใหม่ และเข้ากับยุคสมัยอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่ว่าจะเรื่อง พินัยกรรมออนไลน์เมื่อชีวิตจริงเราออฟไลน์จากโลกนี้ไปแล้ว ในยุคที่ email และ social media ของเราแต่ละคนเต็มไปด้วยข้อมูลมากมาย ถ้าเปรียบให้เห็นภาพง่ายๆก็เหมือนกับแฟ้มเอกสาร สมุดจดข้อความ และอัลบั้มรูปทั้งหลาย ที่คนในครอบครัวเราคงอยากเก็บรักษาต่อไว้ หรือไม่ก็ปิดการใช้งานไปไม่ได้เปิดรับเพื่อนใหม่ให้ดูแปร่งๆ ทาง Facebook และ google ก็มีนโยบายให้ญาติครอบครัวสามารถส่งเอกสารยืนยันการเสียชีวิต เพื่อให้คนที่อยู่ไกล้ชิดได้ไกล้ชิดกับผู้ตายได้เป็นครั้งสุดท้าย แล้ว digital assets ทั้งหลายของเราล่ะ จะส่งต่อให้กับคนที่ยังอยู่เป็นมรดกบ้างได้หรือไม่…

Mostly Cloudy มีเมฆเป็นส่วนมาก

แม้จะผ่านมา 3 ปี หนังสือเล่มนี้ก็ยังไม่เก่า น่าแปลกใจทั้งๆที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆ แต่ก็ยังคงความสดใหม่ในแก่นที่จะสื่อ หรือเพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเทคโนโลยีเพรียวๆ แต่เป็นการหยิบเทคโนโลยีใหม่ๆในตอนนั้นมาเล่าในมุมมองของมนุษย์ ในวิถีของพฤติกรรม หรือในชีวิตประจำวันที่เปลี่ยนไปและกำลังจะเปลี่ยนแปลงซะมากกว่า สารภาพตรงๆตอนเริ่มอ่านคำนำว่า หนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์เมื่อปี 2015 และเป็นเรื่องราวข่าวสารเกี่ยวกับเทคโนโลยี เพราะจากชื่อหนังสือที่ตั้งใจสื่อไปถึงระบบ cloud ที่กำลังมาในตอนนั้น ผมกลับใจเสียนิดๆว่า “นี่เรากำลังจะอ่านเรื่องเก่าๆหรอนี่ แล้วมันจะน่าสนใจหรือนั่น” แต่เมื่ออ่านจบก็อย่างที่บอกไปในย่อหน้าแรกว่า เออ น่าสนใจ ไม่ใช่แค่ด้วยข่าวคราวหรือเนื้อหาที่ไม่เคยรู้ แต่ยังรวมถึงมุมมองในเรื่องเดิมๆที่เคยรู้ด้วย เช่น ในยุคที่ความไม่สวยคือความงามที่คนออนไลน์ยอมรับได้สมัยก่อนถ้าการ์ตูนอะไรซักอย่างจะดังได้ ต้องมีความสวยงามด้วยตาไม่น้อยเลย แต่กับทุกวันนี้สิ่งที่ไม่สวยงามอย่างลายเส้นเขี่ยๆ ก็กลายเป็นอะไรที่คนส่วนมากยอมรับกัน…

THE ART OF POWER ศิลปะแห่งอำนาจ ติช นัท ฮันห์

อำนาจคืออะไร? เมื่อก่อนจะอ่านหนังสือเล่มนี้ของท่าน ติช นัท ฮันห์ (พระชาวเวียดนามที่ดูเหมือนว่าน่าจะเข้าใจเรื่องเซน และหลักของพุทธแบบถึงแก่นในแบบของท่านเองด้วยเช่นกัน) ในความเข้าใจของผมถึง “อำนาจ” คือ พลัง หมายถึงขุมพลัง หรือความแข็งแกร่ง ถ้าเปรียบเป็นคนก็นึกถึง Superman เลยก็ได้ ยอดมนุษย์ที่เสมือนเทพเหนือกว่ายอดมนุษย์ทั้งมวลในจักวาล DC ดังนั้น “อำนาจ” หรือ Power นั้นก็คงหมายถึงพลังที่ทำให้เราเหนือกว่าผู้อื่นทั้งมวล ไม่ว่าจะด้วยร่างกาย เงินทอง ทรัพย์สมบัติ ตำแหน่ง แต่ในความเข้าใจใหม่ที่หนังสือเล่มนี้ทำให้ผมเข้าใจความหมายของ “อำนาจ” หรือ…