หนังสือที่ช่วยให้คุณเข้าใจภาษาอังกฤษและรักภาษาอังกฤษ โดยสำนักพิมพ์ openworlds

ภาษาสามารถบ่งบอกถึงชนชาติ แต่คำศัพท์นั้นสามารถบอกถึงชนชั้นผู้ใช้ได้ ครั้งหนึ่งผู้หญิงที่ชื่อ เคท มิเดิลตัน จำเป็นต้องเลิกราแก่เจ้าชายวิลเลียม เพราะมารดาของเคท มิเดลตัน ใช้คำว่า “ห้องส้วมที่คั่นกลาง” (toilet that comes between thing) ธรรมดาอยู่เองที่มารดาของเธอเป็นคนชั้นกลางจึงใช้ toilet แทนห้องอาบน้ำ หรือ bathroom เจ้าชายวิลเลียมไม่เคยใช้คำว่า toilet และเห็นว่าคำนี้เป็นคำที่ไม่ให้เกรียติพระองค์เลย

ถ้าคนอังกฤษถามว่า ใช้พรม (carpet) แบบไหน คนชั้นกลางตอบว่า stag rugs (พรมที่มีขุนปุยยาว) แต่คนชั้นสูงกลับพูดว่า เก่าจนหมดขน เห็นแต่เส้นได้โผล่ ทั้งนี้เพราะคนชั้นสูงไม่ต้องการอวดตัวว่าเป็นคนชั้นสูง ทั้งๆที่ๆบ้านมีพรมชั้นดีทำจากเปอร์เซีย (สังเกตุมั้ยว่าจะไม่มีขนใดๆโผล่ออกมาเลย)

ถ้าไปถามความเห็นในกรณีที่ไม่เข้าใจ คนชั้นล่างพูดว่า พูดอีกทีซิ (say again?) แต่คนชั้นกลางกล่าวว่า ขอโทษ ช่วยพูดใหม่ (pardon?) คนชั้นสูงกลับพูดว่า อะไรน่ะ (what?)

แม้แต่คำว่า ข้าว หรือที่ฝรั่งเรียกว่า rice นั้น ก็แปลความหมายในแต่ละประเทศแบบเดียวกับคำว่า corn ในภาษาเยอรมันเดิมแปลว่า เมล็ดธัญญาหาร ในภาษาอังกฤษคือข้าวสาลี ชาวสกอตบอกว่าเป็นข้าวโอ๊ต ส่วนอเมริกันบอกว่าข้าวโพด ครั้งหนึ่งรัฐบาลอเมริกันได้ส่งข้าวโพดไปให้อังกฤษ ซึ่งมีปัญหาข้าวยากหมากแพงอยู่ แต่อังกฤษต้องการข้าวสาลี ความไม่รู้ปัญหาของคำทำให้หมดเปลืองเงินโดยไม่จำเป็น

ขอหยิบหนึ่งบทที่พูดถึงเรื่อง ซ่อง มาเล่าให้ฟังก็แล้วกัน..

..ปกติการไปเที่ยวซ่องนั้นเรียกในภาษาอังกฤษว่า go wenching โดยทั่วไป wench แปลว่า สาวใช้ หญิงสาว แต่เมื่อเป็น go wenching กลับหมายความว่า สมสู่กับหญิงเลว มักใช้ go whoring มากกว่า แต่เป็นศัพท์ที่ไม่ค่อยพูดกัน เช่น

ประเดิมเที่ยวซ่อง
Pradem went to visit the prostitute

แต่คำว่า prostitute ในสมัยโรมันจะพูดเป็นละตินว่า prostitutare แปลว่า แต่งตัวในที่สาธารณะ คำว่า stitutare เลยกลายเป้น statute หรือ รูปสลักและรูปชั้น ในที่สุดคำว่า prostitutare มีความหมายว่าเอาไว้ขาย

ในสมัยหลังมักพูดว่า the house หมายถึง ซ่อง (ไม่ใช้ตัวใหญ่หรือ capital letter เพราะหมายถึงราชวงศ์) โดยเฉพาะอย่างยิง่ในศตวรรษที่ 18 ส่วนใหญ่ในยุคนั้นเรียกว่า house of ill fame แปลเป็นไทยตรงๆว่า บ้านชื่อเสีย บางทีพูดว่า house of ill repute หรือ accommodation house

ผู้อ่านวรรณกรรมในยุคก่อนจะพบคำนี้บ่อย บางครั้งก็พูดว่า house of sin หรือ house of pleasure บางทีก็พูดว่า house of resort อย่างไรก็ตามคำนี้ในปัจจุบันเรียกว่า brothel เช่น

มาณวิกาหาเงินด้วยการเป็นโสเภณีเพราะไม่รู้จะหาเงินอย่างไร
Manvika prostituted herself since she had no other means of making money.

คำว่า brothel หรือ ซ่อง มาจากภาษาอิตาเลียนว่า brodello แล้วกลายเป็นภาษาฝรั่งเศษว่า bordel คำเดิมในภาษาอิตาเลียนแปลว่าโรงอาบน้ำ แบบเดียวกับเทอร์กิสบาธในเมืองไทย ซึ่งไม่เกี่ยวกับ Turkish เลย บางครั้งพูดว่า seraglio แปลตรงตัวว่า ที่ปิดกั้น ความหมายคือ ฮาเร็วม ความหมายในปัจจุบันคือ ซ่อง

ทุกวันนี้มักใช้ encounter parlour หมายความว่า เข้าไปเจอโสเภณีได้ทันที อีกคำหนึ่งซึ่งใช้บ่อยคือ escort agency หมายความว่า มีผู้หญิงให้ว่าจ้างไปดูภาพยนต์หรือละคน และชวนนอนด้วยได้

คนอเมริกันพูดว่า chicken ranch เดิมอาจเป็นฟาร์มไก่แถวเท็กซัสมาก่อนสำหรับพวกกสิกรที่ยากจน ต่อมาใช้กันทั่ว คำว่า chicken อาจแปลว่าไก่หลงหรือโสเภณี ฝรั่งเศษพูดว่า poule de luxe (พูล เดอ ลุกซ)

ส่วนใหญ่อาจเรียกว่า hourly hotel หรือไม่ก็เรียก meatrack เป็นสถานที่ที่พบโสภาณีได้ บางครั้งก็เรียก knocking shop หรือ microwave club กรณีหลังนี้สามีอาจตีกอล์ฟหรือเที่ยวสนุกตอนกลางวันส่วนภรรยาก็แอบไปเป็นโสเภณี

โสเภณี นั้นเรียกว่า a red-lighter หรือ hooker..

..นี่แหละครับ 1 ใน 54 บทที่น่าสนใจเกี่ยวกับศัพท์ภาษาอังกฤษ์ของเล่มนี้ ว่าไปก็เป็นบทที่ไม่คุ้นเลยจริงๆ

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/