สรุปหนังสือ The Story Thailand เล่ม 2 รวมบทสัมภาษณ์เจาะลึกชั้นดีของเหล่าผู้บริหารชั้นนำทั่วประเทศ ถอดรหัสความคิด ความสำเร็จ และแรงบันดาลใจ

หนังสือจาก The Story Thailand EP2 ที่รวบรวมบทสัมภาษณ์จากคนเก่ง คนดัง หรือคนที่น่าสนใจในการทำธุรกิจทั่วฟ้าเมืองไทยมาให้อ่านกัน ใครที่ชอบหนังสือแนวนี้ ผมแนะนำว่าคุณจะชอบหนังสือเล่มนี้ครับ

ก่อนจะเข้าสู่การสรุปเนื้อหาหนังสือเล่มนี้ ผมขอเกริ่นสักนิดก่อนว่า ทำไมการอ่านบททสัมภาษณ์จึงน่าสนใจ

เพราะการอ่านบทสัมภาษณ์ทำให้เราได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของเขา คนเหล่านี้จะบอกว่าที่ผ่านมาเขาเคยทำอะไรบ้าง และที่สำคัญคืออะไรที่เขาเคยทำแล้วไม่เวิร์ค และปรับตัวไปสู่จุดใหม่ที่ทำให้เวิร์คอย่างไร

เพราะการทำธุรกิจการเจอกับความผิดพลาดคือเรื่องปกติ ชีวิตนี้ไม่เคยเจอนักธุรกิจเก่งๆ คนไหนที่บอกว่าตัวเองทำถูกมาตลอด ทุกอย่างราบรื่นเป็นเส้นตรงพุ่งทะยาน เพราะความผิดพลาดหรือล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จเท่าไหร่ จงรีบผิดพลาดให้ไวและเรียนรู้ที่จะก้าวข้ามผ่านไปให้เร็ว

แต่การเรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่นคือสิ่งที่คนฉลาดกว่าทำกัน ทำไมเราจะต้องผิดในเรื่องที่คนอื่นเคยพลาด เราก็รีบอ่านแล้วจำไว้ว่าอย่าทำแบบนั้น ให้ระวังแบบนี้ แล้วเอาเวลาที่มีไปผิดในสิ่งที่คนอื่นไม่เคยพลาด

นั่นเลยเป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมผมจึงชอบหนังสือชุด ชีวิต วิสัยทัศน์ แรงบันดาลใจ จาก The Story Thailand เสมอ

อีกหนึ่งสิ่งที่ The Story Thailand มีแต่คนอื่นไม่มี คือการตั้งประเด็นคำถามที่น่าสนใจ ไม่ใช่แค่การถามตามสคริปต์ไปงั้นๆ แต่ผู้ถามต้องทำการบ้านก่อนจะถาม มีแนวทางที่จะถาม และพร้อมจะตั้งคำถามใหม่ระหว่างคุยไปตลอดเวลา

และ The Story Thailand ก็ทำเรื่องนี้ได้ดี นั่นเลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงติดตามผลงานของสื่อออนไลน์แห่งนี้เสมอ

ว่าแล้วเรามาเข้าสู่เนื้อหาที่น่าสนใจในเล่มกันดีกว่าครับ

บทสัมภาษณ์เจาะลึก คุณกระทิง เรืองโรจน์ พูนผล แห่ง KBTG

ในสายธุรกิจ เทคโนโลยี Startup เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายคนนี้ ผู้บุกเบิกเส้นทางแห่งวงการสตาร์ทอัพไทยมายาวนาน จนวันนี้กลายเป็นหนึ่งในหัวหอกสำคัญของธนาคารกสิกรไทย ที่จะพาตัวเองก้าวข้ามไปสู่โลกยุคใหม่ ยุคที่จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปก็ไม่มีใครคาดเดาได้

สิ่งที่ผมชอบในบทสัมภาษณ์นี้ คือการที่คุณกระทิง เรืองโรจน์ พูนพล แห่ง KBTG บอกว่า “การศึกษาพลิกชีวิตทั้งหมด ทำให้ผมมาถึงตรงนี้ ผมมาด้วยการศึกษาล้วนๆ ผมจึงเชื่อว่าการศึกษาเปลี่ยนชีวิตคน และจะเปลี่ยนอนาคตของประเทศ”

ประโยคนี้ทำให้ผมคิดได้ว่า “แล้วอะไรที่เปลี่ยนชีวิตเราหละ?” แล้วเราจะเอาสิ่งนั้นที่เคยเปลี่ยนชีวิตเราไปเปลี่ยนชีวิตคนอื่นต่อได้อย่างไร?

การศึกษาแบบคุณกระทิงหรือไม่?

เมื่อคิดตกผลึกก็ทำให้พบว่าใกล้เคียง อาจไม่ใช่การศึกษาแบบที่คุณกระทิงผ่านมา แต่เป็นการศึกษานอกห้องเรียน การศึกษาจากการอ่านที่เยอะมากไม่น้อยหน้าใคร ปีที่อ่านเยอะสุดคือ 14x เล่ม ปีทั่วไปอ่านได้ราวๆ 50-70 เล่ม

แต่สิ่งที่ผมคิดว่าน่าจะเปลี่ยนชีวิตผมที่สุดคือ “การแบ่งปัน”

ความรู้จะไม่มีค่าถ้าเราเก็บดองมันไว้ในหัวสมอง ความรู้จะมีค่าเมื่อเราหมั่นเอามาทดลอง แล้วก็แบ่งปันความรู้นั้นให้กับคนอื่น

จากประสบการณ์ผมพบว่า ความเก่งเหมือนกับความดีอย่างนึง ตรงที่ถ้าใครพูดเองคนนั้นไม่เก่งไม่ดีจริง

เหมือนกับมีคนบอกว่าตัวเองเป็นคนดี คนที่ได้ยินคงมองบนเป็นส่วนใหญ่

ความเก่งก็เหมือนกันครับ ถ้าคุณบอกว่าตัวเองเก่งเมื่อไหร่ จะดูเป็นคน “อวดเก่ง” ในสายตาคนทั่วไปในทันที และนั่นทำให้คนไม่เชื่อว่าคุณจะเก่งเท่าที่คุณเก่งได้จริงๆ

ดังนั้นวันนี้ผมเลยพยายามช่วยคนที่อยากแบ่งปันความเก่งให้สามารถแบ่งปันได้ง่ายขึ้น ผมแบ่งพื้นที่ในการตลาดวันละตอนให้คนเหล่านั้นเข้ามาร่วมแชร์ และผมก็พบว่านานวันเข้าเขาก็ได้รับการยอมรับจากคนรอบตัว จากลูกค้า จนทำให้การทำธุรกิจหรือติดต่องานก็เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นกว่าแต่เดิมที่ไม่มีใครรู้ว่าเก่ง

ดังนั้นถ้าคุณอยากเป็นคนเก่ง คุณต้องหมั่นแชร์ แบ่งในสิ่งที่รู้ รับฟังผลตอบรับ แล้วเอามาปรับปรุงตัวเองให้เก่งขึ้น

ถ้าจากคุณกระทิง KBTG มาที่ OR ให้สัมภาษณ์โดยคุณจิราพร ขาวสวัสดิ์

บทสัมภาษณ์เจาะลึก ปตท OR โดยคุณจิราพร ขาวสวัสดิ์

คุณจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า OR

ต้องยอมรับว่าเป็นกระแสมาตั้งแต่ตอนขายหุ้น IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ให้คนทั่วไปซื้อได้ครั้งแรก มาจนถึงตอนนี้กระแสก็ยังไม่แผ่ว กับแคมเปญโฆษณาชุด OR = โอกาส ที่พาธุรกิจน้อยใหญ่เข้าร่วมวง OR ให้สามารถต่อยอดคุณค่าซึ่งกันและกัน

ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ OR คือธุรกิจที่บริหารจัดการพื้นที่ในปั๊มน้ำมัน ปตท ที่มีหลายหมื่นสาขามากมายทั่วประเทศ บวกกับการเข้าไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ ที่ออกไปทาง Retail Restaurant และ Lifestyle เข้าไปลงทุนในร้านขายสลัดชื่อดังอย่าง โอ้กะจู๋ ร้านกาแฟอย่าง Pacamara ร้านชานมไข่มุกอย่าง Kamu Kamu และอื่นๆ อีกมากมาย

ทั้งหมดนี้คือการปรับตัวของ ปตท OR ที่รู้ว่าอีกหน่อยปั๊มน้ำมันจะไม่ใช่แค่จุดเติมน้ำมันแล้วแวะพักสั้นๆ เข้าห้องน้ำ ซื้อของขึ้นรถแล้วขับออกไป

แต่ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมไทยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้พฤติกรรมการใช้ปั๊มน้ำมันจะเปลี่ยนไปอย่างมาก

ปั๊มน้ำมันเดิมใช้เวลาเติม 2-5 นาทีก็สามารถขับออกไปได้ แต่พอเป็นปั๊มชาร์จไฟต้องใช้เวลานานกว่านั้นพอสมควร คือตั้งแต่ 30 นาทีไปจนถึง 1 ชั่วโมง

นั่นหมายความว่าลูกค้าที่รอรถชาร์ตไฟเพื่อไปต่อ ต้องหยุดรออยู่ในปั๊มอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง และนั่นคือโอกาสที่จะดึงเงินจากกระเป๋าลูกค้าออกมา ปตท OR จึงต้องเติมร้านค้าต่างๆ ให้ลูกค้าที่ชาร์จรถไฟฟ้ารู้สึกว่ามีอะไรให้ทำ มีกาแฟดีๆ ให้กิน มีอาหารอร่อยๆ ให้เลือก ไม่ได้มีแค่ร้านสะดวกซื้อและห้องน้ำสะอาดอีกต่อไป

เพราะใน 30-60 นาทีนี้ มีไม่กี่คนหรอกครับที่อดใจไม่ใช้เงินไหว ส่วนใหญ่ก็ต้องเบื่อต่างก็ลุกขึ้นไปหาอะไรทำในปั๊มทั้งนั้น ส่วนตัวผมจึงชื่นชมในวิสัยทัศน์ของ ปตท OR มาก ที่ไม่น่าเชื่อว่าองค์กรยักษ์ใหญ่ของไทยจะสามารถปรับตัวได้ไวตามวิสัยทัศน์ที่ตั้งไว้ได้จริง

ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมคิดว่า ปตท OR มีโอกาสที่จะผันตัวมาเป็น Super App ไทยได้อีกหนึ่งรายจริงๆ เมื่อการใช้งานในปั๊มมีเหตุผลที่ต้องทำให้ใช้แอป และคนใช้รถก็ต้องแวะปั๊มอยู่เรื่อยๆ จึงไม่ใช่แค่การดาวน์โหลดติดเครื่องไว้เฉยๆ แต่คือการที่มีไว้ใช้ในปั๊ม ปตท อย่างไรก็สะดวกกว่า

เมื่อเก็บ Data ได้แล้วทาง ปตท OR ก็จะสามารถต่อยอดหรือ Monetization อะไรได้อีกเยอะมาก ผมเชื่อว่าจะกลายเป็น New S Curve ใหม่ของ ปตท OR อีกที ซึ่งจะนำไปสู่การเป็น Data Business ได้จริงๆ อีกราย

มารอดูกันดีกว่าครับว่า ปตท OR จะเป็นอย่างที่ผมคิดไว้ไหม แต่เชื่อว่าเป็นได้แน่นอนถ้าอยากจะเป็น

สรุปส่งท้ายที่เห็นจุดร่วมในบรรดาผู้บริหารเก่งๆ ที่ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่คือ

สิ่งหนึ่งที่ผมพบเป็น Pattern หรือจุดร่วมอย่างไม่น่าเชื่อคือ ทุกคนที่ให้สัมภาษณ์ในเล่มนี้ส่วนใหญ่เคยมีชีวิตที่ดีในต่างประเทศ แต่เหตุผลที่คนเหล่านี้เลือกจะกลับมาเมืองไทย ไม่ใช่เรื่องเงินหรือรายได้เป็นหลัก แต่เป็นเรื่องของการอยากจะกลับมาสร้างอะไรบางอย่างให้กับประเทศไทย ประเทศบ้านเกิดที่ติดอยู่กับคำว่า “กำลังพัฒนา” มาตั้งแต่ผมยังเด็ก จนผมเริ่มเข้าวัยกลางคน เราก็ยังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนาต่อไป

เมื่อทำงานถึงจุดหนึ่ง เมื่อเรามีพร้อมทุกอย่าง เมื่อเราได้ทุกสิ่งที่เคยฝันไว้ เราจะค้นพบเป้าหมายใหม่ในการทำงาน ในการตื่นขึ้นมาใช้ชีวิต นั่นไม่ใช่แค่การทำเพื่อเงิน แต่มันคือทำเพื่ออะไรบางอย่าง หรือเพื่อบางคนจริงๆ ครับ

ขอบคุณ The Story Thailand สำหรับหนังสือเล่มที่ 2 หรือ EP2 เล่มนี้ด้วย รอติดตามเล่มหน้า EP3 นะครับ ว่าจะได้ใครที่น่าสนใจมาสัมภาษณ์ให้ได้เรียนรู้อีก

อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 30 ของปี

สรุปหนังสือ The Story Thailand EP2
ชีวิต วิสัยทัศน์ แรงบันดาลใจ
Digital and Business Transformation
อ่านสรุปเล่มแรก > https://www.summaread.net/business/the-story-life-vision-inspiration/

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/