ไทยๆในโลกล้วนอนิจจัง

เป็นหนังสือที่รวบรวมความเชื่อไทยๆที่เข้าใจผิดกันมานาน แถมหลงคิดกันไปเองว่าเป็นของ “ไทย” แท้จริงแล้วกลับไม่ใช่ บ้างก็หยิบของเค้ามาใช้ บ้างก็ยืมของเค้ามาลอก บ้างก็เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ แล้วก็ใส่ป้ายความเป็นไทยลงไปหลอกไทยด้วยกันว่า นี่แหละคือความเป็นไทยแท้ หรือไทยเดิมๆแต่โบร่ำโบราณ ไทยๆในโลกล้วนอนิจจัง เขียนโดย ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ หนึ่งในนักเขียนของ the matter ที่เล่าประวัติศาสตร์ที่นอกจากจะแค่ไม่หลับเหมือนตอนเรียน สปช. (ใครทันเรียน สปช. บ้างนะ) แต่ยังสนุกเหมือนดูช่อง 9 การ์ตูนตอนเช้าวันเสาร์ยังไงยังงั้น ขอสรุปสั้นๆย่อๆในบางหัวข้อเพื่อกระตุ้นความจำตัวเองให้เก็บลงในสมองได้ลึกขึ้นแล้วกัน เริ่มด้วยเรื่องแรกของเล่มกับ..“ยิ้มสยาม” คือยิ้มให้ใคร แล้ว “สวัสดี”…

ทำไม Netflix ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง

ถ้าให้สรุปหนังสือ ทำไม Netflix ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง แบบสั้นๆ ผมบอกได้เลยว่า เพราะเค้าเลือกแต่คนที่เก่งและหิวกระหายที่จะเก่งตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะคัดคนที่ไม่เก่งออกไปโดยไม่ลังเล แม้ว่าคนนั้นจะเคยเก่งมากเมื่อ 6 เดือนก่อนก็ตาม ผมว่าใจความสำคัญของเล่มนี้คือ “บริหารทีมงานเหมือนทีมกีฬา” คุณอาจสงสัยว่าแล้วการบริหาร “ทีมกีฬา” มันต่างจากการบริหาร “ทีมงาน” แบบเดิมอย่างไรล่ะ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เราคุ้นเคยกับประโยคที่บอกว่า ทีมงานเรา “เหมือนครอบครัว” ได้ใช่มั้ยครับ นี่เป็นประโยคสุดคลาสสิกที่ไม่ว่าบริษัทไหนก็มักจะพูดกันแบบนี้ว่าเราอยู่กันเป็นครอบครัว เราอยู่กันเหมือนพี่น้อง แต่ในความเป็นจริงแล้วพอถามบรรดาหัวหน้าทีม HR หรือผู้บริหารทั้งหลายว่าเคย “ไล่คนออกมั้ย?” พวกเขาทุกคนล้วนยกมือตอบว่าเคยกันทั้งนั้น…

ช้าให้ชนะ

สรุปหนังสือ ช้าให้ชนะ ยิ่งเร่งรีบเท่าไหร่ ยิ่งต้องเดินให้ช้าลงเท่านั้น เพราะในชีวิตที่มีแต่ความรีบเร่งให้บรรลุเป้าหมายหรือความต้องการในชีวิต เราต่างลืมศิลปะในการใช้ชีวิตอย่างความใส่ใจกับสิ่งดีๆรอบตัวต่างๆมากมาย จากประสบการณ์ตรงของ Kazuo Inamori อดีต CEO สายการบินแห่งชาติญี่ปุ่น JAL ที่พาองค์กรรอดจากวิกฤตล้มละลายครั้งใหญ่ ให้กลับมาเติบโตอย่างเข้มแข็งอีกครั้ง คนส่วนใหญ่มองหาทางลัด แต่จากประสบการณ์ผู้มากประสบการณ์และประสบความสำเร็จอย่างผู้เขียนกลับบอกชัดเจนว่า “ไม่มีทางลัดสำหรับความสำเร็จ” แล้วอย่างนั้นทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จได้เร็วที่สุดล่ะ นี่คงเป็นคำถามของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน.. ผู้เขียนบอกว่าความสำเร็จได้จะมาจาก 3 ส่วนสำคัญที่ช่วยทวีคูณกัน สมการนั้นคือ ความสามารถ x ความพยายาม x ทัศนคติ =…

งานศพ ยุคแรกอุษาคเนย์

สรุปหนังสือ งานศพ ยุคแรกอุษาคเนย์ ที่เขียนโดย สุจิตต์ วงษ์เทศ เล่มนี้ เป็นหนังสือประวัติศาสตร์ในเรื่องของ “งานศพ” ที่เกิดขึ้นในบ้านเราและแถบเพื่อนบ้านเราตั้งแต่อดีตกาลจนถึงเกือบปัจจุบัน อ่านแล้วจะเห็นว่างานศพยุคก่อนนั้นต่างกับยุคนี้สิ้นเชิง บ้างก็ต้องจัดความรื่นเริ่งขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนรีบมีเพศสัมพันธ์กัน เพื่อให้รีบมีสมาชิกมาทดแทนคนเดิมที่ตายไปให้เร็วที่สุด ถ้าอ่านถึงตรงนี้แล้วยังสนใจ รู้สึกสนุกที่จะหาความสุขจากประวัติศาสตร์งานศพ เชิญอ่านสรุปหนังสือเล่มนี้ต่อได้เลยครับ งานศพ ที่ครั้งนึงเราต้องเป็นเจ้าภาพอย่างหนีไม่ได้ และอีกหลายครั้งในชีวิตที่เราต้องไปร่วมงานศพอย่างเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะคนในครอบครัว หรือคนใกล้ตัวอันเป็นที่รัก ล้วนก็ต้องมีงานศพเป็นของตัวเองครั้งหนึ่ง และครั้งเดียวในชีวิต แต่รู้มั้ยว่า งานศพ เองก็มีที่มาที่ไปที่น่าสนใจและยาวนานให้เราได้เรียนรู้ หรือน่ารู้ไว้ก่อนตายเหมือนกัน เริ่มจากกว่า 5,000 ปีก่อน…

คิดการใหญ่ให้ใช้กึ๋น Think Like An Athlete

สรุปหนังสือ คิดการใหญ่ให้ใช้กึ๋น หรือ Think Like An Athelete โดย David Nicholsonกับ 57 แนวคิดแบบแชมเปี้ยน จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่เป็นนักกีฬาผู้มีไฟแต่ไม่เคยได้รางวัล งงเหมือนกันไม่เคยได้รางวัลแต่มาเขียนหนังสือได้ยังไง แต่พออ่านจบแล้วก็ทำให้คิดได้ว่ารางวัลจากการกระทำอาจไม่ใช่เป้าหมายหลักในการใช้ชีวิตของใครหลายคน แค่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำด้วยความมุ่งมั่นอย่างไม่ย่อท้อ ก็ถือว่าเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่คนเราจะมอบให้ตัวเองได้โดยไม่ต้องรอสมาคมหรือสมาพันธ์ที่ไหนมามอบให้ เพราะอะไรน่ะหรอครับ ก็เพราะคนส่วนใหญ่มักจะรอให้คนอื่นหรือคนส่วนใหญ่ตัดสินตัวเองแล้วก็เชื่อตามนั้น แต่จะมีซักกี่คนบนโลกที่คิดและทำได้อย่างคนเขียนหนังสือเล่มนี้ ทำเอาผมทึ่งและนับถือไปด้วยเลย เมื่อ 57 แนวคิดบทความสั้นๆอ่านง่ายๆแต่มีแก่นสำคัญให้ยึดแนวทางไปใช้โดยไม่ต้องติดกับวิธีการ ในการนำเอาบทเรียนจากการฝึกซ้อมกีฬาหรือการแข่งขัน นำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันทั้งในเรื่องส่วนตัว และในเรื่องของธุรกิจ เพราะเกมส์กีฬาที่ต้องแข่งกันเข้ารอบถัดไป หรือแม้แต่เข้าชิงชัยให้ได้ที่หนึ่งนั้น ก็ไม่ต่างกับเกมส์ธุรกิจที่ต้องแข่งขันกับคู่แข่งอยู่เป็นประจำตรงไหน…

DNA Journal 4 ใช้ Digital Marketing เพื่อให้เกิดภาพจำ และเป็น DNA ของตัวเอง

หนังสือเล่มนี้ผมได้รับมาจาก ดร.ธีรศานต์ สหัสสพาศน์ หรือ พี่ไอซ์ ผู้ก่อตั้ง DNA by SPU (ผมขออนุญาตเรียกพี่นะครับ) ที่อุตส่าห์ส่งมาให้ผมถึงบ้าน และไม่ใช่แค่เล่มเดียว แต่ยังตั้ง…หลายเล่ม(ขอโทษทีครับที่จำไม่ได้ เพราะมันเยอะจริงๆ) ต้องขอบคุณพี่ไอซ์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ดีมากๆเล่มหนึ่งในความคิดผม เพราะเป็นการสรุปเนื้อหาจากบรรดาผู้สอนที่เก่งกาจมากมายทั่วไทยที่ได้รับเชิญมาสอนในคลาส DNA by SPU ที่ย่อมาจาก Digital Network Advantage นี้ เป็นหนังสือที่อ่านแล้วมีแต่เนื้อไม่มีน้ำ แถมยังคัดประเด็นเด็ดมาให้พร้อม จนพูดตรงๆผมว่าเนื้อหาในเล่มดีมากจนถ้าผมอยากจะเอามาทยอยลงในเพจทุกวันไล่ไปให้ครบ…

เรื่องเล่าจากร่างกาย

สรุปหนังสือ เรื่องเล่าจากร่างกาย เล่มนี้ เป็นหนังสือที่ผมดองไว้นานมาก มากจนไม่คิดว่าจะได้หยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ด้วยเล่มที่ดูใหญ่โตกว่าปกติ แถมความหนาก็ไม่น้อย ทำให้แอบกลัวๆว่า “อย่างเราอ่านแล้วจะเข้าใจมั้ยนะ?” แต่ต้องบอกว่าที่ผมเปลี่ยนความคิดนี้ไปเพราะเล่มก่อนหน้าที่ผมอ่านคือ สงครามที่ไม่มีวันชนะ ของผู้เขียนคนเดียวกัน โดย นพ. ชัชพล เกียรติขจรธาดา ที่น่าจะเขียนหนังสือขายดีจนเปิดสำนักพิมพ์ของตัวเองได้ ขอคาราวะตรงนี้เลยครับ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าคุณหมอท่านนี้สามารถเขียนหนังสือเล่าเรื่องได้อย่างสนุกมาก มากจนคิดว่าถ้าคุณหมอมาเป็นครีเอทีฟโฆษณาคงสามารถสร้างผลงานที่เป็นที่จดจำได้มากมายแน่ๆ เพราะสามารถเปลี่ยนเรื่องยากให้กลายเป็นง่าย และก็ทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น ทำให้เรื่องอย่างร่างกายของเราที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เกิด อยู่กับผมมาตั้งสามสิบกว่าปี กลายเป็นเรื่องใหม่ที่มีอะไรให้น่าเรียนรู้และอ่านตามจนไม่อยากให้จบเลยทีเดียว ผมว่าหนังสือเรื่องนี้เหมือนหนังสือประวัติศาสตร์สิ่งมีชีวิตและมนุษยชาติ ที่ไม่ต้องออกไปขุดหินดำน้ำเพื่อสำรวจหาซากประวัติศาสตร์จากไหน แค่สำรวจร่างกายของเราให้ดี แล้วเราจะพบว่ามันเต็มไปด้วยเรื่องมหัศจรรย์พันลึกกว่าที่คิดและจินตนาการได้เลยครับ เพราะคุณรู้มั้ยว่ามนุษย์โลกเราทุกคนในวันนี้นั้นต่างมีบรรพบุรุษร่วมกันทั้หมด…

10 กลยุทธ์ฉุดธุรกิจให้ล่มจม The Ten Commandments for Business Failure

สรุปหนังสือ 10 กลยุทธ์ฉุดธุรกิจให้ล่มจม, The Ten Commandments for Business Failure โดย Donald R. Keough อดีตประธานบริหารโค้ก Global กว่า 50 ปีจนได้รับฉายาว่าเป็น “มิสเตอร์โค้ก” ใช่ครับ อ่านไม่ผิด และหน้าปกก็ไม่ได้พิมพ์ผิด เพราะเนื้อหาทั้งหมดในเล่มเป็นการสอนเคล็ดลับกลยุทธ์ที่ทำอย่างไรให้ธุรกิจรวมถึงชีวิตล่มจมได้ง่ายๆ แต่ถ้ามองอีกมุมนึงก็ถือว่าผู้เขียนเป็นนักการตลาดที่ฉลาดมาก เพราะท่ามกลางหนังสือมากมายที่แข่งกันตะโกนเรียกความสนใจจากคุณ พูดถึงเคล็ดลับสู่ความสำเร็จทั้งหลาย กลับไม่มีเล่มไหนกล้าสอนเคล็ดลับไปพาธุรกิจไปสู่ความล้มเหลวแบบเล่มนี้เลย คุณจะซื้อมั้ยไม่รู้ แต่ผมเชื่อว่าอย่างน้อยก็ต้องมีหลายคนสะดุดหยิบขึ้นมาดูซักหน่อยแหละ และในเล่มก็รวบรวม…

POWERISM

สรุปหนังสือ Powerism ของคุณโตมร ศุขปรีชา บทความว่าด้วยอำนาจที่ออกฤทธิ์ต่อวิถีชีวิตมนุษย์ ในความคิดผมคือนี่น่าจะเป็นหนังสือที่ทรงอำนาจมากที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาก็ว่าได้ ไม่ใช่ด้วยอำนาจในตัวหนังสือ บทความ หรือคนเขียนหรอกนะครับ แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวของอำนาจมากมายตั้งแต่ยุคโบราณ ยันปัจจุบัน จนปูทางความคิดถึงอำนาจที่น่าจะเป็นในอนาคตไปอีก แต่พออ่านจบกลับไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากมีอำนาจมากขึ้น (ปัจจุบันผมมีแค่อำนาจกับทีวีและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆผ่านรีโมตเท่านั้นเอง) หรือรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจใดๆเพิ่มขึ้นทางความคิด แต่กลับทำให้ผมรู้สึกรู้จัก และตีความของคำว่า “อำนาจ” ใหม่ไปหลายตลบ โดยเฉพาะอำนาจที่น่ากลัวที่สุดคือ การที่เราอยู่ใต้อำนาจโดยที่เราไม่รู้ตัวและหลงคิดว่าเรานั้นมีอิสระภาพอย่างเต็มที่ นี่แหละครับที่โคตรจะน่ากลัวสำหรับผม มันทำให้ผมได้มองย้อนกลับมาดูตัวเอง แล้วก็เสมือนถอดวิญญาณออกมามองดูตัวเองเสมือนมองจากสายตาของคนอื่นว่า ในตอนนี้เราตกอยู่ภายใต้อำนาจอะไรบ้างนะ เนื้อหาในเล่มเป็นบทความที่อยู่บนเวปไซต์ the Matter ที่ใครๆก็สามารถเข้าเวปไซต์ไปอ่านได้ฟรีๆ แต่ผมก็ดันแพ้ต่ออำนาจของรูปเล่มหนังสือ…

ขยับแค่ 1 องศา ปัญหาก็หายไปครึ่งหนึ่ง The Obstacle is the Way

สรุปหนังสือ ขยับแค่ 1 องศา ปัญหาก็หายไปครึ่งหนึ่ง The Obstacle is the Way หนังสือเล่มนี้เตือนสติให้รู้ว่า “ปัญหา” ส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ “ใหญ่” อย่างที่เรามักคิดไว้ เพราะคนเรานั้นมักเติมความคิดและอารมณ์เข้าไปในปัญหาส่วนใหญ่ให้ร้ายแรงเกินจริงกันทั้งนั้น เช่น เวลามีเพื่อนมาปรึกษาปัญหาอะไรก็ตามกับเรา เรามักจะมีคำแนะนำที่ดูเหมือนทำได้ง่าย ใช้ได้จริง และไม่ต้องเสียเวลาคิดเยอะก็หาคำตอบได้ทันทีให้กับเพื่อนเสมอ แต่พอปัญหาเกิดขึ้นกับตัวเราๆมักจะมองไม่เห็นทางออก คิดไม่เจอคำตอบ หรือแม้กระทั่งตัดสินไปแล้วว่าชีวิตต้องพังพินาศแน่ๆ แต่ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งชีวิตที่ผ่านมานั้น ปัญหาที่ทำให้ชีวิตเราต้องพังพินาศ หรือร้ายแรงอย่างที่คิดนั้นแทบไม่เคยเกิดขึ้นเลย หรือถ้าจะเกิดขึ้นก็น้อยครั้งมาก คำถามคือทำไมเราส่วนใหญ่หรือแทบทุกคนถึงชอบจินตนาการถึงปัญหาของตัวเราไปในทิศทางนั้นเสมอล่ะ ผมขอเปรียบง่ายๆให้เห็นภาพว่าปัญหาก็เหมือนกัน…