สรุปหนังสือ The Great Remake สู่โลกใหม่ อ่านอดีต เข้าใจปัจจุบัน ร่วมกันเขียนอนาคตให้ยุคหลังโควิด สันติธาร เสถียรไทย เขียน

สรุปหนังสือ The Great Remake สู่โลกใหม่ อ่านอดีต เข้าใจปัจจุบัน ร่วมกันเขียนอนาคตให้ยุคหลังโควิด เขียนโดยสันติธาร เสถียรไทย หนังสือที่เขียนขึ้นช่วงโควิดระบาดใหม่ๆ ที่ฉายภาพให้เราเข้าใจอนาคตที่จะเกิดขึ้นในยุคหลังโควิด จะเสียดายนิดเดียวก็ตรงที่ผมอ่านช้าไปนิด ทั้งที่มีติดบ้านไว้นานแล้ว

หนังสือเล่มนี้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและการตลาดที่ได้รับผลกระทบจากช่วงล็อกดาวน์มาให้อ่านกัน ตั้งแต่ล็อกดาวน์เพราะต้องการหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 มา ผู้คนก็กระโดดเข้ามาสู่โลกออนไลน์มากมายในแบบที่คาดว่าน่าจะต้องใช้เวลา 4-5 ปีกว่าจะมีจำนวนคนออนไลน์หน้าใหม่ขนาดนี้

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือวิถีการออนไลน์ของผู้คนก็เปลี่ยนไป จากเป็นแค่ผู้เสพ ผู้อ่าน กลายเป็นผู้ใช้งานและใช้เงินทางออนไลน์อย่างจริงจัง อย่างที่เราเรียกกันว่า Digital Consumer

จากเคยเอาไว้แค่ดู แค่เล่นแก้เบื่อ ก็มาสู่การต้องทำธุรกิจออนไลน์ให้ได้ถ้าไม่อยากอดตายตอนนั้น และก็เรียนรู้ที่จะทำทุกอย่างทางออนไลน์ด้วยตัวเองที่บ้านให้ได้ ส่งผลให้การซื้อขายออนไลน์หรือ Ecommerce นั้นเติบโตอย่างก้าวกระโดดหรือบางคนก็เรียกช่วงเวลาปี 2020 ว่า Covid Disruption ครับ

จากการต้องอยู่บ้านนานๆ เพื่อหยุดการแพร่ระบาดให้ได้ จากการล็อกดาวน์ครั้งที่หนึ่งมาสู่การล็อกดาวน์ครั้งที่สองและสามตามมา ก่อให้เกิดเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า From Home Economy หรือเศรษฐกิจติดบ้านนั่นเองครับ

นั่นหมายความว่าถ้าใครปรับตัวไม่ทันก็ไม่รอด ส่วนคนที่อยู่รอดคือคนที่ปรับตัวได้ไวพอจะผ่านวิกฤตช่วงแรกๆ ไปได้

แต่หนังสือ The Great Remake นี้บอกว่าแค่ อยู่รอด ยังไม่พอเพราะนั่นคือเกมระยะสั้น เพราะต้องสามารถปรับตัวเพื่อจะได้ อยู่ยืน ในระยะยาวอย่างยั่งยืน ถ้าสรุปง่ายๆ ก็คือ

อยู่รอด = กลวิธีปรับตัวทางธุรกิจและการตลาดระยะสั้น เร่งหายอดขายฉุกเฉินเพื่อประคองธุรกิจให้รอด สร้างกระแสเงินสดให้ได้

อยู่ยาว = กลยุทธ์ใหม่ของธุรกิจที่จะพาไปสู่การเป็น Digital Business ด้วยการทำ Digital Transformation จากที่เคยต้องขายสินค้าเพื่อทำเงิน มาสู่การขายบริการเสริมเพื่อสร้างรายได้ในระยะาว ตัวอย่างธุรกิจรถยนต์ จากเคยขายเป็นคันแล้วก็ขายอะไหล่เมื่อถึงเวลา ก็มาสู่การเปิดให้ลูกค้าได้จ่ายเพื่ออัพเกรดซอร์ฟแวร์ให้รถยนต์คันเดิมนั้นฉลาดขึ้น

แบบที่ Tesla ทำครับ ระบบ Autopilot ช่วยขับเบื้องต้นที่เป็นจุดขายของรถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อนี้ ถ้าเราอยากให้มันฉลาดขึ้น ขับเองได้นิ่มขึ้น เปลี่ยนเลนให้ด้วยก็ต้องจ่ายเงินอัพเกรดซอร์ฟแวร์เพิ่มเป็นเงินตั้งแต่ 150,000-400,000 บาท เป็น Enhanced Autopilot หรือ Full Self Driving ครับ

ถัดมาคือ Financial Trends ที่จะเกิดขึ้นในยุคหลังโควิด

Digital Money เมื่อเราเห็นเงินเป็นตัวเลขมากกว่าตัวเงิน

หนังสือ The Great Remake เล่มนี้บอกให้รู้ว่าเทรนด์การเงินในยุคหลังโควิดจะเปลี่ยนไป ประกอบด้วย 3 เสาหลักที่จะขับเคลื่อน Financial Trends ต่อจากนี้

  1. พี่ใหญ่ สถาบันการเงินดั้งเดิมเริ่มปรับตัวมาสู่ Digital Transformation อย่างรวดเร็ว ทำหลายได้อย่างได้บนออนไลน์มากขึ้น เปิดบัญชีสมัครบัตรเครดิตได้ผ่านแอปโดยไม่ต้องไปธนาคารหน้าสาขาแต่อย่างไร
  2. FinTech Startup น้องใหม่ทางการเงิน ที่เกิดขึ้นมาพร้อมไอเดียนวัตกรรมทางการเงินมากมายที่ธนาคารใหญ่เดิมคิดไม่ถึง แต่พวกเขาก็ต้องกลับเข้าไปหาพี่ใหญ่ ด้วยข้อจำกัดทางกฏหมาย กติกาของแต่ละประเทศ ต้องพึ่งพาใบอนุญาตของสถาบันทางการเงินที่พี่ใหญ่มีเพื่อให้สามารถขยายได้
  3. Big Tech Company บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมการเงินแทน ด้วยความสามารถทางทรัพยากรที่เหลือล้น บวกกับมีฐานผู้ใช้งานจำนวนมากเป็นทุนเดิม ไม่นับกับ Big Behavior Data ที่มีล้นเหลือมานาน ทำให้รู้ว่าคนไหนควรได้เครดิตเท่าไหร่ คนไหนควรปล่อยให้กู้หรือไม่ ตัวอย่าง Buy Now Pay Later ที่เริ่มให้ใครๆ ก็ผ่อนได้โดยไม่ต้องมีบัตรเครดิตและไม่ต้องง้อสถาบันการเงินครับ

ภาพอนาคตการเงินจะยิ่งน่าสนุกขึ้น ต้องรอดูว่าเทคโนโลยี CBDC ของภาครัฐเองจะเข้ามาปฏิวัติโฉมหน้าการเงินโลกได้มากขนาดไหน นี่จะเป็นการ Centralization ครั้งใหญ่ เงินทุกบาททุกดอลลาร์จากนี้จะตามติดได้เลยว่าไหลจากไหนไปไหนบ้าง

แน่นอนว่าการโกงกินก็จะเป็นไปได้ยากมาก ยกเว้นจะถูกเปลี่ยนมือในรูปแบบสิ่งของนอกความเป็นดิจิทัล อย่างนาฬิกาเพื่อนอะไรแบบนี้ครับ

ทางเลือกแบบดิจิทัลในบริบทที่บางคนไม่พร้อมดิจิทัล

เรื่องนี้น่าสนใจครับ หนังสือเล่มนี้บอกว่าที่ประเทศสิงค์โปรเองก็มีการทำแอปคล้ายๆ ไทยชนะ หมอชนะ ในบ้านเราตอนช่วงล็อกดาวน์แรกๆ ปรากฏว่าไม่ใช่ประชาชนทุกคนจะสะดวกเปิดแอปตลอดเวลา เพราะตัวแอปนั้นกินแบตอย่างมาก ทำให้เปิดได้ครึ่งวันบางทีแบตหมดก่อนถึงบ้าน ทำให้การติดตามประชาชนว่าใครไปไหนมาบ้างไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่

ทางรัฐบาลเลยออก TraceTogether Token อุปกรณ์ส่งสัญญาณ Bluetooth ออกมาจากตัวเองโดยมีหน้าตาเหมือนพวงกุญแจที่สามารถใช้งานได้นานกว่าโทรศัพท์มือถือครับ ที่สำคัญคือแจกจ่ายให้ประชาชนทุกคนฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ทำให้การติดตามการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 เป็นไปโดยง่าย นี่คือวิวัฒนาการใหม่ของการติดตามโรคที่แท้จริงหลังจากนี้

ปฏิวัติรถยนต์พลังงานไฟฟ้า อาจพังรากฐานเศรษฐกิจไทย

เพราะแต่ไหนแต่ไรมาประเทศไทยมีอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์เป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจหลัก แต่การก้าวเข้ามาของกระแสรถยนต์ไฟฟ้าตั้งแต่ช่วงหลังการแพร่ระบาดของโควิด19 มา ส่งผลให้ความนิยมในเครื่องยนต์สันดาปหรือรถยนต์น้ำมันเดิมดูจะลดเสน่ห์น้อยลงไปทุกที

และสิ่งที่จะกระทบหนักมากๆ คือภาคการผลิตรถยนต์น้ำมันเดิมที่เต็มไปด้วยชิ้นส่วนมากมายกว่าจะออกมาเป็นรถยนต์หนึ่งคันได้ เพราะรถยนต์ไฟฟ้านั้นมีชิ้นส่วนประกอบน้อยมาก จนบรรดาโรงงานที่ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์น้ำมันเดิมน่าจะต้องถูก Disrupt กันครั้งใหญ่

ต้องคอยดูว่าอุตสาหกรรมรถยนต์น้ำมันเดิมของไทยจะปรับตัวอย่างไรให้ทันในโลกยุครถยนต์พลังงานไฟฟ้านับจากนี้ เพราะอาจถึงขั้นทำให้เศรษฐกิจไทยถดถอยได้ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับดีทรอยต์ในอเมริกา จากเมืองที่เป็นหัวใจสำคัญทางเศรษฐกิจ เมื่อฐานการผลิตรถยนต์ทั้งหลายหายออกไป ก็แทบไม่ต่างอะไรกับเมืองตายหรือเมืองร้างดีๆ เลยครับ

4 ทักษะแห่งอนาคต

คนที่จะอยู่รอดได้ในยุค Digital Disruption หลังจากนี้จะต้องประกอบด้วย 4 ทักษะหลักดังนี้

  1. Digital & Data Literacy ทักษะความรู้เรื่องดิจิทัล หรือแม้แต่เรื่องของดาต้าก็ตาม
  2. Critical Thinking ต้องคิดวิเคราะห์ข้อมูลได้ เพราะถ้ามีแต่ข้อมูลแต่สรุปประเด็นสำคัญออกมาเป็นแผนการที่นำไปปฏิบัติจริงไม่ได้ ความรู้ที่มีก็ไร้ค่า ดาต้าที่มีก็ไร้ประโยชน์
  3. ล้มลุกเรียนรู้ รับความล้มเหลวได้ และก็เรียนรู้จากความล้มเหลวเพื่อทำให้ดีขึ้นในวันหน้าได้เช่นกัน เพราะโลกใบใหม่หลังจากนี้ ยังมีอะไรที่เราไม่รู้รออยู่ตลอดเวลา ต้องรู้จักล้มให้ไม่เจ็บหนัก ต้องรู้จักฮีลตัวเองให้ไวเพื่อจะได้ลุกขึ้นมาสู้ต่อ
  4. Leadership ทักษะการเป็นผู้นำสำคัญมาก ท่ามกลางคนมากมายใครที่สามารถจูงใจหรือนำคนอื่นได้จะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ได้ไม่ยาก ดังนั้นการนำไม่ได้หมายถึงแค่การอยู่ข้างหน้าแล้วคนตาม แต่ยังหมายถึงการนำจากข้างหลังให้คนเดินไปในเส้นทางที่เราต้องการอีกด้วยครับ

ความรู้หมดอายุไว แต่ทักษะยิ่งขัดเกลายิ่งได้เปรียบ

ในหนังสือ The Great Remake เทียบความรู้กับนม เปรียบทักษะกับไวน์ เพราะต้องการจะสื่อว่าความรู้ที่เรารู้กันวันนี้นั้นหมดอายุไว ไม่นานก็ใช้การไม่ได้ เช่น ความรู้เรื่องการตลาดออนไลน์ Digital Marketing การรู้เรื่อง Algorithm ในปีนี้ พอเข้ากลางปีหน้าก็แทบไม่มีอะไรเหมือนเดิมแล้ว เปรียบได้กับนมที่แป๊บๆ ก็หมดอายุ รู้ต้องรีบใช้ ไม่งั้นไร้ประโยชน์

ส่วนทักษะเปรียบเสมือนกับ Soft Skill หรือการเข้าใจแก่นของเรื่องใดเรื่องหนึ่ง เช่น จากเดิมเคยรู้เรื่องของ Algorithm SEO มา แต่ถ้าเข้าใจแก่นของการคัดสรรเว็บไซต์ของ Google จะเข้าใจว่าไม่ว่าจะมีการอัพเดทไปกี่ครั้ง สุดท้ายทุกครั้งคือการทำให้คนได้เจอสิ่งที่ต้องการแม่นที่สุด ไวที่สุด

หรือถ้าเทียบกับความรู้เรื่องการแต่งภาพให้สวยด้วย Photoshop วันนี้แทบจะไม่มีประโยชน์มากเท่าวันวานเมื่อเรามีเครื่องมือใหม่อย่าง Canva เข้ามา แต่ถ้าเป็นทักษะการจัดองค์ประกอบภาพหรือการเล่าเรื่องแบบ Storytelling นั้นจะช่วยให้เราสามารถปรับตัวกับเครื่องมือใหม่ๆ ได้เสมอ หรือแม้แต่การใช้ AI วาดภาพอย่าง Midjourney ก็ตาม ถ้าเรายังสามารถอธิบายให้ AI เข้าใจได้ว่าเราต้องการอะไร เราก็จะสามารถอยู่รอดได้ในยุคที่อะไรๆ ก็เปลี่ยนไว แต่แก่นของทั้งหมดยังคงเหมือนเดิม

Intrapreneur ดันคนในขึ้นมาเป็นผู้ประกอบการ

ในยุคที่มีบริษัทน้อยใหญ่เกิดขึ้นมากมายจากคนตัวเล็ก บริษัทใหญ่ๆ ต้องรู้จักการสร้างผู้ประกอบการใหม่จากข้างในที่มีความสามารถ แล้วผลักดันให้แตกหน่อต่อยอดออกมาเป็นบริษัทใหม่ นี่คือการสร้างผู้ประกอบการจากข้างในหรือ Intraprenueur ของ Enterprise ใหญ่ที่อยากจะไปต่อได้ในยุคหลังโควิด

5 ธาตุดั้งเดิมในบริบทโลกใหม่

สุดท้ายหนังสือ The Great Remake สู่โลกใหม่ เล่มนี้ได้มีการหยิบ 5 ธาตุที่คุ้นเคยมาตีความใหม่ในโลกยุค Digital Disruption หลังจากนี้ว่าถ้าจะรอดต้องมีทั้ง 5 ธาตุนี้อย่างสมดุล ลองมาดูกันนะครับว่าแต่ละธาตุหมายถึงอะไรในโลกยุคใหม่หลังโควิด

  1. ลม หมายถึงเสียงที่พัดเข้าหู ความรู้ใหม่ๆ และที่สำคัญคือ Data ถ้าประเทศไหนขาดเรื่องการสร้างฐานข้อมูล Big Data ที่เปิดให้ประชาชนในประเทศเอาไปต่อยอด ประเทศนั้นจะเสียโอกาสการแข่งขันจากสิ่งที่ตัวเองมีอยู่แล้ว นั่นก็คือทุกอย่างที่สามารถจัดเก็บเป็น Data เพื่อจะให้ประชาชนและเอกชนเอาไปต่อยอดได้สะดวกครับ
  2. ดิน หมายถึงต้องลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลให้ได้ มันก็คือเรื่อง Digital Divide ที่เราเคยอ่านเจอใน Marketing 5.0 ต้องบอกเลยว่าทุกวันนี้ไม่ใช่ประชาชนทุกคนจะเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้สะดวก จากประสบการณ์ที่ผมเคยสอนหนังสือนักศึกษาต่างจังหวัดทางออนไลน์ บางคนไม่มีเน็ตที่จะเรียนออนไลน์ได้ทั้งวัน ก็ต้องหลุดไปแล้วค่อยไปตามเก็บกับเพื่อนแทน อินเทอร์เน็ตควรเป็นบริการสาธารณะได้แล้วครับ ส่วนถ้าอยากใช้เน็ตที่แรงๆ ค่อยไปเสียเงินเหมือนขึ้นทางด่วนแบบนี้จะถูกกว่า
  3. น้ำ การปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบและบริบทใหม่ๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้านเมืองหรือบริษัทก็ต้องปรับตัวให้ไว ไหวตัวให้ทัน เปรียบได้กับการทำงานแบบ Agile นั่นเอง
  4. ไฟ เปรียบได้กับความสามารถในการแข่งขันกับหน่วยงานหรือประเทศอื่นๆ ง่ายๆ ก็เหมือนคนมีไฟที่จะพร้อมสู้ ไม่ใช่ปล่อยให้ไฟในตัวมอดจนไม่อยากสู้กับใครอีกต่อไปแล้ว
  5. ไม้ หมายถึงความยั่งยืนในธรรมชาติ เราคงเห็นแล้วว่าวันนี้การกระจุกอยู่ในเมืองก่อให้เกิดมลภาวะ หรือมลพิษอย่างไรได้บ้าง จากภาวะ PM 2.5 จากปัญหาเรื่องขยะล้นเมือง จากปัญหาโน่นนี่นั่นที่ส่งผลต่อสุขภาพและชีวิตเราเนื่องจากความเสื่อมโทรมทางธรรมชาติทั้งหลาย ถ้าเรามัวแต่สนใจเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจจนมองข้ามธรรมชาติหรือสังคมรอบตัวเราไป บอกได้เลยว่าสุดท้ายหายนะเดิมที่เคยเจอก็จะวนกลับมาหาเราอีกในท้ายที่สุด

สรุปหนังสือ The Great Remake

สรุปหนังสือ The Great Remake สู่โลกใหม่ อ่านอดีต เข้าใจปัจจุบัน ร่วมกันเขียนอนาคตให้ยุคหลังโควิด สันติธาร เสถียรไทย เขียน

แม้จะหยิบมาอ่านช้าไปนิด แต่พอได้อ่านจริงๆ ก็พบว่าหลายๆ แก่นในเล่มยังคงประยุกต์ใช้ได้อยู่ หลายส่วนที่สรุปมานั้นกระตุกต่อมคิดให้ผมคิดต่อยอดได้อีกหลายตลบ นี่เป็นหนังสืออีกเล่มที่ผมกล้าแนะนำ ใครที่อยากรู้ว่าจะปรับกลยุทธ์ธุรกิจไปอย่างไรในโลกที่อะไรๆ ดูจะกลับมาเป็นปกติสุขแบบนี้ บอกได้เลยว่าหนังสือเล่มนี้คือเข็มทิศนำทางชั้นดีว่าเราควรจะต้องปรับกลยุทธ์แบบไหนเพื่อให้เราอยู่ยืนระยะได้ยาวๆ ครับ

อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 40 ของปี

สรุปหนังสือ The Great Remake สู่โลกใหม่
อ่านอดีต เข้าใจปัจจุบัน ร่วมกันเขียนอนาคตให้ยุคหลังโควิด
สันติธาร เสถียรไทย เขียน
สำนักพิมพ์มติชน

อ่านสรุปหนังสือแนวนี้ต่อ

สั่งซื้อหนังสือเล่มนี้ทางออนไลน์ > https://www.naiin.com/product/detail/527376

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/