เป็นหนังสือที่ให้ภาพรวมแนวกว้างรวมกับข้อมูลเชิงลึกว่า โลกในวันพรุ่งนี้หลายปีข้างหน้าจะไปในทิศทางไหน ด้วยผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 จากอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงไร้สายที่สามารถให้อุปกรณ์รอบตัวที่มีเซนเซอร์รับข้อมูลรอบด้าน เอาข้อมูลทั้งหมดไปวิเคราะห์ด้วยความเร็วไม่ว่าจะด้วย ai หรือ machine learning ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราไปทุกด้าน

แล้วการปฏิวัติอุตสาหกรรม 3 ครั้งที่ผ่านมาล่ะเป็นยังไง

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 1 คือการปฏิวัติแรงงานจากคนและสัตว์ กลายมาเป็น “เครื่องจักรไอน้ำ” ทำให้การทำงานที่ต้องใช้แรงงานในรูปแบบซ้ำๆถูกทดแทนด้วยเครื่องจักรไอน้ำ เช่น การทอผ้าที่เคยเป็นเรื่องยากทำให้ผ้ามีราคาแพงเพราะต้องใช้แรงงานคนมากมาย เมื่อใช้แรงงานจากเครื่องจักรไอน้ำก็ทำให้อาชีพคนทอผ้ามากมายในอังกฤษต้องหายไป และก็ได้ผ้าราคาถูกที่ใครๆก็เข้าถึงได้มาแทน แถมเครื่องทอผ้านี่แหละที่ทำให้อินเดียตกอยู่ในวิกฤตในตอนนั้น

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 2 คือการปฏิวัติพลังงานมาเป็น “ไฟฟ้า” และการผลิตแบบสายพานการผลิต ที่ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายและลดอันตรายจากการเผาถ่านเพื่อใช้ในเครื่องจักรไอน้ำลงมากมาย ทำให้โลกเกิดการผลิตเพิ่มขึ้นอีกมากมายด้วยความสะดวกสบายของการใช้ “ไฟฟ้า” นี้บวกกับแนวคิด “สายพานการผลิต” ทำให้เกิดการผลิตข้าวของมากมายที่มีราคาถูกมากจนเกิดคำว่า “ชนชั้นกลาง” ตามมา

การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 คือการปฏิวัติด้วยคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ต หรือเป็นยุคของการเริ่มของปฏิวัติดิจิทัล ที่ทำให้การเข้าถึงและเชื่อมต่อข้อมูลที่เคยมีข้อจำกัดด้านระยะทาง ภูมิศาสตร์ และอื่นๆที่เคยเป็นเรื่องยากนั้นกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก เริ่มขึ้นในช่วงที่เครื่องคอมพิวเตอร์เริ่มกระจายลงสู่บ้านผู้คนเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา

ทุกการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผ่านมาบอกให้รู้ว่าหลายอาชีพต้องสูญหายไป แต่ก็ตามมาด้วยอาชีพเกิดใหม่มากมาย อะไรที่เป็น parttern จะถูกทดแทนด้วยนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีได้เร็วที่สุด และการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ก็เหมือนกัน

ผลกระทบจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 เช่น

Economic on demand ทำให้เกิดบริษัทยักษ์ใหญ่มากมายที่ทรัพย์สินเป็นของตัวเอง Uber บริษัทเรียกรถแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่กลับไม่มีรถเป็นของตัวเองเลยซักคัน(ถึงตอนนี้จะเริ่มมีแต่ก็ยังเป็นปริมาณน้อยนิดมากๆ) Airbnb บริษัทเช่าห้องพักที่มีห้องพักให้เลือกมากที่สุดในโลก และแน่นอนก็ไม่มีห้องของตัวเองเลยซักห้อง หรือ Facebook บริษัทสื่อที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่กลับไม่มีข่าวหรือเนื้อหาเป็นของตัวเองเลยซักชิ้น

สังคมสูงวัยกำลังกระจายตัวไปทั่วโลก จากแนวโน้มการเกิดที่ลดลงไม่เว้นแม้ในประเทศไทย ทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจถดถอย แต่ด้วยการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่กำลังมา จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอีกครั้ง เพราะเราจะทำงานฉลาดขึ้นโดยทดแทนการทำงานให้หนักขึ้น

อายุที่ยืนขึ้นทำให้เด็กกว่า 1 ใน 4 ในวันนี้ จะมีอายุยืนเกิน 100 ปีในวันข้างหน้า

ผลกระทบจากการจ้างงาน จะเกิดการเลิกจ้างงานในกลุ่มงานบางอย่างที่สามารถทดแทนได้หมด เช่น หมอ ทนาย นักบัญชี และเกิดการโอนย้ายแรงงานไปสู่งานอื่น รวมถึงจะเกิดการจ้างงานใหม่ๆตามมามากมาย

งานที่สามารถทำซ้ำได้ หรือมี Pattern จะถูกทดแทนได้ง่าย ในที่นี้แม้แต่งานที่ต้องใช้ “ความคิด” แบบซ้ำๆ

การจ้างงานจะเกิดในงานสร้างสรรค์ที่ให้รายได้สูง กับงานแรงงานที่ให้รายได้ต่ำ แต่งานที่ทำซ้ำได้แบบรายได้ปานกลางจะถูกกวาดหายไป ทั้งหมดนี้จะทำให้ช่องว่างทางสังคมยิ่งถ่างกว้างขึ้น

แต่แม้แต่หนึ่งในงานที่ถือว่าต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์มากอย่าง “การเขียน” นั้นก็ยังถูกทดแทนได้ คาดกันว่ากว่าร้อยละ 90 ในปี 2020 ข่าวต่างๆหรือเนื้อหาต่างๆที่เราอ่านนั้นจะถูกเขียนโดย “อัลกอริทึม” หรือคอมพิวเตอร์นั่นเอง และที่สำคัญคือในปัจจุบันข่าวที่ถูกเขียนด้วย “อัลกอริทึม” อ่านแล้วแยกแทบไม่ออกว่าอันไหนคนเขียน หรืออันไหนคอมเขียน

ลูกค้าจะคาดหวังจาก “ประสบการณ์” มากขึ้นกว่าทุกยุค ถ้าใครไม่ขาย “ประสบการณ์” ก็เตรียมพับกระเป๋ากลับบ้านไป

ปัจจุบันนี้มีบริษัทยางรถยนต์ที่เป็นรถบรรทุก ไม่ได้ขายสินค้าอย่างยางรถยนต์แบบเป็นเส้นๆเหมือนเดิม แต่เสนอขาย “บริการ” ดูแลยางรถบรรทุกในทุกๆระยะทาง 1,000 กิโลเมตร นั่นหมายความว่าบริษัทหรือเจ้าของรถบรรทุกไม่ต้องซื้อยางเส้นใหม่มาเปลี่ยนเองอีกต่อไป แค่คอยจ่ายค่าใช้งานยางทุกๆ 1,000 กิโลเมตรเพื่อให้ได้ประสบการณ์การขับขี่ที่ดีที่สุดเท่านั้นพอ โดยบริษัทผู้ให้บริการจะเก็บข้อมูลการใช้งานการขับขี่ เส้นทางที่ไป รวมถึงระยะทางเพื่อประเมินว่าพอครบ 1,000 กิโลเมตรแล้วควรเปลี่ยนยางหรือยัง

เมื่อข้อมูลมีมากขึ้นความปลอดภัยของข้อมูลก็เป็นเรื่องใหญ่ที่หนีไม่พ้น ธุรกิจต่างๆต้องลงทุนในระบบความปลอดภัยของข้อมูลเพิ่มมากขึ้น ในปี 2015 ตลาดความปลอดภัยไซเบอร์มีมูลค่า 50,000 ล้านเหรียญ แต่ในปี 2020 จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 170,000 ล้านเหรียญ

การเมืองการปกครองหลังจากนี้จะเปลี่ยนไปมาก เพราะอำนาจได้มาง่ายขึ้น แต่ใช้ยากขึ้น และเสียไปได้ง่ายขึ้น

เมืองที่จะเป็นเมืองชั้นนำที่สามารถดึงดูดอุตสาหกรรมดีๆ บริษัทเก่งๆ หรือคนเจ๋งๆมาได้นั้น จะขึ้นอยู่กับกฏระเบียบว่าเอื้อต่อการเกิดนวัตกรรมหรือไม่ ถ้าอยากให้เป็นเมืองแห่งนวัตกรรมก็ต้องพัฒนากฏหมายหรือกฏระเบียบให้ทันเพื่อดึงดูดนวัตกรรมให้เข้ามา

เทคโนโลยีเพื่อสงคราม ล่าสุด Samsung ผลิตหุ่นยนต์ทางทหารออกมาชื่อว่า SGRA1 ที่ติดตั้งปืนกล 2 กระบอกและปืนกระสุนยางอีก 1 กระบอก ทำหน้าที่ป้องกันตามแนวชายแดนเกาหลีอยู่ทุกวันนี้

ทุกวันนี้งานของชนชั้นกลางไม่ได้รับประกันไลฟ์สไตล์ 4 ชนิดแบบชนชั้นกลางที่เคยมีอีกต่อไป นั่นก็คือ การศึกษา สุขภาพ บำนาญ และการมีบ้าน ตัวอย่างคือการศึกษาในประเทศอังกฤษมีราคาแพงมากเมื่อเทียบกับรายได้โดยเฉลี่ย และการมีบ้านก็น่าจะรู้ดีกว่าเหลือเป็นแค่คอนโดห้องเล็กๆไกลจากเมืองแล้ว

ความเข้าสังคมและความเห็นใจกันที่ลดลง จากการทดลองพบว่านักศึกษาในมหาวิทยาลัยมีความเห็นใจกันลดลงราว 40% จากเทคโนโลยีที่ทำให้เราสนใจกันและกันน้อยลงกว่าทุกยุคสมัยที่ผ่านมา

ความเป็นส่วนตัวและสาธารณะที่จะตามมา เพราะคนจะเป็นกังวลว่าตัวเองกำลังถูกจับตาดูอยู่โดยผู้มีอำนาจหรือไม่ และการ “รู้สึก” ว่าถูกจับตามองนั้นก็มีแนวโน้มที่จะทำให้คน “ยอม” ทำตามและเชื่อฟังมากขึ้น

สุขภาพการออกกำลังกายจะมีความสำคัญขึ้น เพราะทดสอบแล้วว่าไม่ได้มีผลต่อแค่สุขภาพเท่านั้น แต่ยังมีผลต่อประสิทธิภาพในการคิดการทำงานเพิ่มขึ้นด้วย สมกับคำว่า กายพร้อม ใจพร้อม เราทำได้จริงๆ

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ที่กำลังเป็นอยู่และจะเป็นไปไปอีกนาน จากการปฏิวัติครั้งแรกของมนุษยชาติที่เริ่มลงหลักปักฐานทำการเพาะปลูก เลิกล่าสัตว์หาของป่า ทำให้มนุษย์เกิดเป็นชุมชน กลายเป็นเมือง แล้วก็เริ่มมีนวัตกรรมต่างๆตามมา จนมาถึงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 นี้ก็เช่นกัน ความเปลี่ยนแปลงคือสิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป

รู้เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมที่จะเปลี่ยน คุณต้องเลือกเอาว่าจะเลือกวิ่งไปกับโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน หรือจะอยู่ในโลกเล็กๆที่ไม่สนการหมุนของโลก ต่อให้คุณจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนโลกก็ไม่สนใจคุณหรอกครับ เพราะสุดท้ายโลกก็จะเปลี่ยนของมันเองเสมอ

Klaus Schwab เขียน

ศรรวริศา เมฆไพบูลย์ แปล

สำนักพิมพ์ Amarin How-To

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/