ทิ้ง 1 ให้ได้ 100 ทิ้งน้อยให้ได้มาก

รู้หรือไม่ว่าสิ่งหนึ่งที่คุณเก็บไว้ อาจทำให้คุณพลาดสิ่งดีๆ ไปเป็นร้อย เขียนโดยคนญี่ปุ่นแต่เนื้อหาข้างในกลับไม่เหมือนแนวญี่ปุ่นที่ผมคุ้นเคยเอาเสียเลย ปกติแล้วความเป็นคนญี่ปุ่นที่เราคุ้นเคยคือต้องอดทนพยายามจนสำเร็จ แต่นักเขียนท่านนี้เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากสไตล์การคิด และบริหารงานแบบฝรั่งจ๋าๆ ทำให้ได้เรื่องราวและมุมมองที่น่าสนใจหลายจุด เช่น.. ตอนนึงในเล่มที่ผู้เขียนเล่าว่าให้ผู้หญิงหันมาเลือกผู้ชายที่มีแฟนอยู่แล้ว.. เพราะ ผู้ชายที่มีแฟนอยู่แล้วนั่นเป็นเครื่องการันตีว่าผู้ชายคนนั้นน่าสนใจกว่าผู้ชายที่ไม่มีแฟน (เพราะใช้แฟนในปัจจุบันเป็นมุมมองชี้วัดคุณภาพของผู้ชายคนนั้น) ก็คล้ายๆกับการเลือกร้านอาหารที่มีคนรอเข้าคิวเยอะ เพราะนั่นก็น่าจะเป็นตัวช่วยในการเลือกในกรณีที่เราไม่มีข้อมูลเช่นกัน หรืออีกตอนที่ผู้เขียนเล่าว่าให้ทิ้งโอกาสเล็กๆตรงหน้าอย่างการก้มเก็บแบงค์พัน เพื่อมองหาขุมทรัพย์หลักล้านข้างหน้าแทน เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณก้มเก็บโอกาสเล็กๆตรงหน้า คุณก็อาจจะพลาดโอกาสที่จะเข้าถึงโอกาสที่ยิ่งใหญ่กว่าก็เป็นได้ อ่านง่ายๆไม่ถึงวันก็จบ ใครมีหนังสืออะไรดีๆแนะนำกันมาจะขอบคุณมากเลยครับ อ่านแล้วเล่า ทิ้ง 1 ให้ได้ 100 ทิ้งน้อยให้ได้มากรู้หรือไม่ว่าสิ่งหนึ่งที่คุณเก็บไว้ อาจทำให้คุณพลาดสิ่งดีๆไปเป็นร้อย โยะชิโอะ ยะซุดะ…

The 4-Hour Workweek ทำน้อยแต่รวยมาก

The 4-Hour Workweek โดย Timothy Ferriss เล่าถึงวิธีแห่งเศรษฐีแนวใหม่.. ..เมื่อพูดถึงคำว่า “เศรษฐี” แว๊ปแรกในหัวผมคือคนที่มีมากล้นด้วยเงินทองทรัพย์สมบัติ คนที่ร่ำรวยด้วยเวลาที่จะทำอะไรก็ตามที่แลดูน่าอิจฉาในความคิดรากหญ้า(อย่างผม) อารมณ์ประหนึ่ง Bruce Wayne หรือมหาเศรษฐีผู้ว่างและร่ำรวยมากจนต้องไปเป็น Batman เพื่อให้ตัวเองลำบากเล่น นี่คือแว๊ปแรกที่ผ่านเข้ามาในหัว ..จากนั้นแว๊ปที่สองหลังจากได้ใช้สมองอันน้อยนิดของผม(อีกละ)ไตร่ตรองดูว่าบรรดา “เศรษฐี” ทั้งหลายที่ผมรู้จัก(ผ่านหนังสือพิมพ์หรือหน้าเวปนะ ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวขนาดมีไลน์มีเฟซอะไรแบบนั้น) คนอย่างท่านเจ้าสัวหมื่นล้านแสนล้านทั้งหลาย ดูเป็นคนที่ทำงานหนัก ตรากตรำ ไม่หยุดคิด พูดอะไรแต่ละทีก็ดูฉลาดไปหมด(จนผมไม่รู้ว่าวันๆนึงท่านๆเหล่านี้เคยพูดอะไรโง่ๆบ้างหรือเปล่านะ) ดูเป็นคนที่ใช้เวลาแทบจะทั้งชีวิตแลกกับความสำเร็จจนก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนำหน้านามว่า “เศรษฐี” ยังไงยังงั้น…