นิดนก หนึ่งในนักเขียนไทยอีกหนึ่งคนที่ผมชื่นชอบในสำบัดสำนวนการเล่าของเธอเหลือเกินหลังจากได้อ่านหนังสือของนิดนกครั้งแรกชื่อ two be contunued โปรดติดตามตอนแต่งไป ความอร่อยของคำที่ใช้เหมือนสั่งไก่ทอดหาดใหญ่แต่อุดมไปด้วยหอมและกระเทียมเจียวเพื่อเพิ่มรสชาติอย่างไงอย่างงั้น ทำให้ไม่กล้าหยิบหนังสือของนิดนกออกไปอ่านร้านกาแฟนอกบ้านเพราะคนจะคิดว่าผมบ้า อ่านไปหัวเราะเสียงดังไป เลยขออ่านอยู่บ้านแบบระเบิดขำเต็มตัวดีกว่า

เจ้าสาวที่กลัวสวย ของนิดนกเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องก่อนจะแต่งงาน และการจีบผู้ชายเชิงรุกของนิดนกเอง ที่ไม่รอให้ผู้ชายเข้าหาแต่เลือกที่จะพุ่งเป้าเอาตัวเป็นกระสุนพุ่งเข้าไปหาชายเป้าหมายที่ปัจจุบันกลายเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฏหมายของเธอก็คือ เอกชัย

เรื่องราวก่อนงานแต่งของนิดนกนั้นเต็มไปด้วยเรื่องเล่าที่ออกมาจากประสบการณ์จริงของคนชนชั้นกลางที่ต้องพยายามเตรียมหลายสิ่งด้วยตัวเอง ทำให้เราพอได้ภาพความวุ่นวายที่ชวนจะปวดหัวเหลือเกินกับการจัดงานแต่งงานของเธอ ถ้าไม่อ่านจนจบผมก็คงไม่รู้ว่าไหงงานแต่งดีเทลมันเยอะกว่าการจัดอีเวนท์โฆษณาหรือถ่ายหนังออกกองอีกวะ ต้องหาที่ คิดตีม ออกแบบการ์ด เลือกของชำร่วย หาชุดแต่งงาน เลือกร้านอาหาร สวดมนต์ นิมนต์พระ หาฤกษ์งามยามดี ยังมีอีกร้อยสิ่งที่ผมจำได้ไม่หมดแต่สรุปได้เลยว่า “เยอะจนท่วมกบาล”

ในเรื่องนึงที่ผมอ่านแล้วก็ชอบในตัวนิดนกก็คือตอนที่เธอเลือกหาชุดแต่งงาน เธอเลือกมากหลายอย่างจนเลือกไม่ถูกปวดกบาลไปหมด เธอคิดว่าเธอจะเลือกแบบไหน เช่า เช่าตัด หรือซื้อ แล้วแบบจะเป็นแบบไหนเพราะแบบชุดแต่งงานมันมากมายหลายสิ่งเหลือเกิน แล้วนิดนกก็อยู่ในจุดที่เธอเลือกชุดไม่ได้ เพราะไม่รู้จะเลือกตัวไหน เพราะตัวที่เธอชอบดันไม่มีข้อติไม่เพอร์เฟคสมใจเธอ

แต่แล้วนิดนกก็คิดขึ้นมาได้ว่าวัตถุประสงค์ของการมาเลือกชุดแต่งงานครั้งนี้คืออะไร เธอย้อนถามกลับไปที่ตัวเองว่า เธอเคยมีแบบในใจมาก่อนหรือเปล่า..

ก็ไม่

เธอเคยมีชุดแต่งงานในฝันมาก่อนหรือเปล่า..

ก็ไม่

แล้วเธอก็คิดได้ว่าเธอจะเลือกมากกับสิ่งที่เธอไม่เคยตั้งความหวังกับมันไปทำไม นั่นเลยเป็นจุดให้เธอเลือกได้ เลือกชุดที่ไม่เพอร์เฟคแต่เป็นชุดที่เธอชอบ แล้วก็แก้ไขปรับไซส์เล็กน้อยให้มันใช้งานได้ เพราะสิ่งสำคัญคือการแต่งงานกับคนที่เธอรักไม่ใช่การเลือกชุดแต่งงาน

เธอสรุปตอนท้ายๆได้น่าคิดเหมือกันว่า คนเรามักคิดว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ฉัน กับ เธอ คนอื่นก็แค่บุคคลที่สาม นั่นก็อาจจะใช่ แต่กว่าคนสองคนจะรักกันได้นั่นกลับต้องประกอบด้วยคนจำนวนมากกว่าที่จะจินตนาการได้ ไหนจะพ่อแม่ของเราที่เลี้ยงดูเรามาจนมาเจอคนๆนี้ ไหนจะเพื่อนๆเราที่คอยอยู่ข้างๆให้กำลังใจบ้าง ไหนจะเพื่อนที่ทำงานที่ทำให้เราได้มีเวลาหลังเลิกงานไปใช้กับคนที่เรารัก ไหนจะคนอีกมากมายที่มาร่วมช่วยกันในงานแต่งของเธอเกินกว่าที่นิดนกคนนี้จะคิดไว้ เธอขอบคุณคนทั้งหลายที่ทำให้งานแต่งงานครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็คือสิ่งที่ต้องจัดการและแก้ไขให้มันผ่านไปได้ เพราะชีวิตคู่นั้นไม่ใช่แค่จบนิรันดร์ฝันหวานไปจนกัลปอวสาน แต่เป็นชีวิตทุกนาที ชั่วโมง ที่อยู่ด้วยกันที่ดีบ้างร้ายบ้างสลับกันไป

การอยู่ด้วยกันไม่ใช่แค่การมองหาข้อดีของอีกฝ่าย แต่เป็นการยอมรับข้อเสียของอีกฝ่ายได้ด้วยเช่นกัน

ใครที่กำลังจะแต่งงานและจะจัดงานแต่งงานด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่ หรืออยากอ่านเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าแม้ยังไม่มีแฟนในตอนนี้ก็ตาม เล่มนี้ Power Bridge ของนิดนก จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอนครับ

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/