ความสุขหรือความทุกข์ของเรา ล้วนมาจากความ “คาดหวัง” เราหวังว่าเรื่องงานจะเป็นแบบนี้ หรือเราหวังว่าชีวิตคู่จะเป็นแบบนั้น แต่พอผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาด ความทุกข์ก็ตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

แต่ถ้าเราตั้ง “เส้นเกณฑ์ความคาดหวัง” เอาไว้ให้ต่ำๆหน่อย หรือถ้าเป็นไปได้ไม่คาดหวังอะไรเลย กลายเป็นว่าชีวิตกลับเต็มไปด้วยความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ

ในวันนี้ ยุคที่ “ความสุข” กลายเป็นของหายาก หรือสิ่งมีค่ายิ่งกว่าเงินทอง เรามักไม่ค่อยมีความสุข ทั้งที่เมื่อมองย้อนกลับไปซัก 5 ปีก่อน ผมคิดว่าเราส่วนใหญ่มีชีวิตที่ดีกว่าวันนั้น

ไม่ว่าจะด้วยเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น
โทรศัพท์เครื่องใหม่ขึ้น
อินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น
หรือแม้แต่เงินฝากในบัญชีที่เพิ่มขึ้น…ถ้าเงินฝากไม่เพิ่มงั้นยอดวงเงินบัตรเครดิตก็คงเพิ่มแหละ

เรามีอะไรๆเยอะขึ้น แต่ทำไมความสุขถึงน้อยลง

แต่หนังสือฟาสต์ฟู้ดธุรกิจเล่มนี้ยังเต็มไปด้วยข้อคิดดีๆทั้งในแง่การใช้ชีวิต และในแง่ธุรกิจเหมือนเดิม เช่น ถ้าน้ำในเหยือกเค็มเราจะทำอย่างไรให้หายเค็ม

คิดง่ายๆก็มีสองทาง คือหนึ่งเอาเกลือออก กับสองเติมน้ำเพิ่ม

ถ้าเปรียบเป็นชีวิต เกลือที่ทำให้น้ำเค็มก็เหมือนกับปัญหา ที่มีเข้ามาอยู่เรื่อยๆ ถ้าเราจะพยายามแก้ด้วยการหยิบเม็ดเกลือออกจากน้ำ ไม่รู้ว่าจะต้องเพ่ง ต้องเล็ง ขนาดไหน

สู้เทน้ำใส่เพิ่มให้ความเค็มเจือจางจะดีกว่า

การเทน้ำใส่เพิ่ม ถ้าเปรียบกับชีวิตก็เหมือนกับการเติมเรื่องดีๆ ความสุขลงไป

ชีวิตมนุษย์ล้วนต้องเจอปัญหาเติมเข้ามาอยู่ตลอดชีวิต ถ้าเรามัวแต่จับจ้องที่ปัญหาหรือความทุกข์มากเกินไป แทนที่จะเติมความสุข หรือสิ่งดีๆเข้ามาแทน เราก็คงจะลืมมองน้ำทั้งเหยือกที่เพราะมัวแต่ไปโฟกัสที่เม็ดเกลือ

อดีตท่านประธานของบริษัทซัมซุงเคยบอกว่า การบริหารงานก็เหมือนกับการตีกอล์ฟ

คนที่ตีกอล์ฟครั้งแรกนั้น การตีให้ได้ไกล 50 หลาไม่ใช่เรื่องยาก แล้วพอจะตีให้ได้ไกล 60 หลา เพิ่มขึ้นมาอีก 10 หลา นั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก

ส่วนคนที่ตีได้ไกล 150 หลาแล้ว การจะตีให้ไกลเพิ่มขึ้นอีกแค่ 10 หลา เป็น 160 หลา นั้นไม่ง่ายเลย

ตามหลักการของการเล่นกอล์ฟ ถ้านักกอล์ฟคนไหนอยากตีให้ไกลขึ้น เขาจะต้องฝึกปรับปรุงให้ทุกส่วนในร่างกายสัมพันธ์กัน ตั้งแต่การจับไม้ ข้อมือ แขน เอว และขา ต้องปรับทุกกส่วนให้เข้ากันเพื่อเพิ่มแรงในการไดรฟ์

เหมือนกับธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ การจะเติบโตขึ้นอีกไม่ง่ายเหมือนตอนขนาดเล็ก ต้องปรับให้ทุกส่วนทำงานสัมพันธ์กัน ส่งเสริมกัน เพื่อให้โตต่อไปได้

ก่อนบ่ายคลาดเครียด รายการตลกช่อง 3 ที่มีมายาวนาน ครั้งนึงเคยเจอกับ “ทางตัน” ที่ได้ลูกชายของ เป็ด เชิญยิ้ม มาช่วยแก้

ตอนนั้นจากการรีเสริชพบว่า กลุ่มคนดูก่อนบ่ายคลายเครียดไม่ใช่แค่แม่บ้าน แต่ยังเป็นกลุ่มนักศึกษามหาลัยด้วย

และยังมองมุมใหม่ปรับกลยุทธ์ว่า ก่อนบ่ายคลายเครียดอยู่ในธุรกิจอารมณ์ขัน ไม่ใช่รายการทีวี และไม่ใช่รายการตลก จนกปรับตัวเข้ามาเป็นการสร้างอารมณ์ขันผ่านข้อความ หรือเสียงบันทึกสั้นๆ ให้คนโทรเข้ามาฟังเพื่อได้อารมณ์ขันกลับไป

วงษ์พานิชย์ บริษัทเอกชนที่รับรีไซเคิลขยะชื่อดังที่คุ้นตากัน

ครั้งนึงเคยเจอปัญหาว่า คนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่คนเก็บขยะหรือซาเล้ง ที่เป็นบรรดาพ่อบ้านแม่บ้านทั้งหลาย ไม่ยอมเก็บขยะเอาไปขายเพราะกลัว “เสียหน้า”

เสียหน้าชาวบ้านว่ายากจนถึงขั้นต้องขายขยะกินแลกเงิน

ดร.สมไทย วงษ์เจริญ จึงเปลี่ยนมุมใหม่จาก “ขาย” กลายเป็น “แลก”

เอาขยะมาแลกไข่ไก่ เอาขยะมาแลกวิทยุ เพียงเท่านี้ชาวบ้านก็เปิดใจเอาขยะไปแลกมากมาย นอกจากไม่เสียหน้าว่าขายขยะกินแล้ว ยังรู้สึกดีที่เปลี่ยนขยะเป็นไข่ไก่ หรือข้าวของได้ด้วย

เคสนี้ก็เหมือนกับเซเว่นในยุคแรก ที่ติดปัญหาขยายสาขาได้ไม่ทันใจ เพราะเจ้าของตึกทำเลดีส่วนใหญ่ไม่ยอมขาย การยอมขายตึกขายบ้าน ก็เป็นการเสียหน้าชาวบ้านในสังคม

เซเว่นเลยเปลี่ยนมุมใหม่จาก “ขาย” เป็น “เช่า” ทำเจ้าของตึกไม่เสียหน้า แถมเซเว่นก็ลดต้นทุนไปได้เยอะ เพราะถ้าวันนึงทำเลไหนอยู่ตัว ก็ไปซื้อตึกที่ถูกกว่าใกล้ๆแทนก็ได้

สุดท้ายแล้ว ถ้าเราใช้ชีวิตให้เป็น “เล่น” แทนที่จะ “แข่ง” เหมือนกีฬาที่พอเรา “เล่น” ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เราก็จะหัวเราะให้กับมันได้เสมอ

แต่ถ้าเมื่อไหร่เราเปลี่ยนจาก “เล่น” เป็น “แข่ง” ชนะก็สุข แต่พอแพ้ก็ทุกข์

ใช้ชีวิตให้เหมือนกับการ “เล่น” ให้มากขึ้น
เล่นแบบ “คาดหวัง” ให้น้อยลง
แล้วทุกอย่างที่ได้ตอบมา ก็จะเป็น “กำไรความสุข” มากมายไม่รู้ตัวครับ

อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 58 ของปี 2018

ไม่ตั้งใจทำไมสุข
ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจเล่ม 12
หนุ่มเมืองจันท์ เขียน
สำนักพิมพ์ มติชน

20180512

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/