เพิ่งอ่านมหัศจรรย์เกาหลีใต้จบเมื่อวานก็เลยนึกขึ้นได้ว่ายังเหลือหนังสือเกาหลีอีกเล่มที่ดองไว้นานแล้วนี่นา และหนังสือเกาหลีอีกเล่มที่ว่าก็คือ “เกาหลีเหนือ” เล่มนี้ที่ได้มาตั้งแต่ตอนงานหนังสือเมื่อต้นปี 2018 นี่แหละครับ

เกาหลีเหนือประเทศที่หลายคนคุ้นหูดีผ่านสื่อต่างๆที่คอยฉายภาพว่ามีผู้นำเผด็จการที่แสนบ้าคลั่ง ดูเผินๆเหมือนเป็นประเทศที่แสนจะโหดร้าย เป็นประเทศปิดที่มอมเมาผู้คนทั้งหลายให้หลงไหลในตัวผู้นำ

ประเทศที่มักถูกฉายภาพอีกว่าผู้คนนั้นอดอยาก คนส่วนใหญ่ไม่มีความสุข แถมยังล้าหลังสุดๆเสมือนหยุดประเทศไว้เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว จนอาจเผลอคิดได้ว่าถ้าอยากย้อนเวลาไปดูโลกเมื่อซัก 40-50 ปีที่แล้วให้ลองไปดูที่เกาหลีเหนือก็ได้มั้ง

แต่นั่นแหละครับ สิ่งที่เรามักคิดว่ารู้ดีแท้จริงแล้วเรากลับไม่รู้อะไรเลยก็ได้ ครั้งหนึ่งผมเคยดูสารคดีเกาหลีเหนือทาง Netflix กลับพบอีกแง่มุมหนึ่งที่น่าสนใจว่า ความจริงแล้วเราไม่จำเป็นต้องวิ่งให้ทันโลก เราไม่จำเป็นต้องเปิดรับอะไรมากมาย สำคัญคือเรามีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นมั้ย ในเมื่อผู้คนในเกาหลีเหนือผ่านภาพฉายของสารคดีเหล่านั้นก็แลดูมีความสุขตามอัตภาพดี ทำให้ผมไม่แน่ใจว่าประเทศที่เจริญกว่าทั้งหลายในโลกแต่กลับป่วยใข้ทางจิต เต็มไปด้วยโรคซึมเศร้าทุกวันนี้ แท้จริงแล้วใครกันแน่ที่ล้าหลังกว่ากัน

ที่พูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าผมสนับสนุนระบอบราชาธิปไตย หรือเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จที่มีผู้ปกครองเป็นสมมติเทพแบบเกาหลีเหนือหรอกนะครับ เพราะผมก็ยังพยายามหาความสุขตามอัตภาพจากหนังสือที่ผมมี จากหน้าที่การงานที่ผมทำ จากกาแฟที่ผมดื่มตามวิถีผมได้เรื่อยๆ

กลับมาที่หนังสือ ผู้เขียนคือคุณ กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ เธอเคยไปสำรวจเกาหลีมาสองครั้งแล้ว และเหมือนครั้งที่สองของเธอก็กลายเป็นหนังสือเล่มนี้ที่เธอบอกว่าจัดประเภทหนังสือไม่ถูกว่าควรเป็นแนวไหน แนะนำท่องเที่ยว หรือประวัติศาสตร์ หรือสะท้อนสะภาพสังคม สุดท้ายเธอบอกจากความรู้สึกว่า เป็นหนังสือที่อยากเล่าเรื่องเกาหลีเหนือจากความรู้สึกของเธอให้ฟัง

ว่าแท้จริงแล้วเกาหลีเหนือไม่ได้มีอะไรที่เกินเลยไปกว่าที่คิด และก็ไม่ได้มีอะไรลึกลับจนเกินคาดเดา ระหว่างทางเธอพบว่าทัวร์ของรัฐบาลนั้นพยายามฉายภาพที่ดูดีเกินชีวิตจริงของคนเกาหลีเหนือ แต่ทั้งหมดก็ไม่อยู่เหนือความคาดเดาที่เธอมีไว้

ไม่ว่าโรงเรียนอนุบาลที่ดูดี เด็กๆที่ดูทำอะไรก็พร้อมเพรียงเรียบร้อย ทุกอย่างดูดีจนเกินจริงจนน่าจะเข้ากับคำว่า too good to be true จนเธอบังเอิญได้แว๊บเห็นห้องเรียนจริงๆชั่งสั้นๆที่พบว่าเด็กๆก็เสียงดังตามประสาเด็กๆ และเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายก็ไม่ได้เรียบร้อยอย่างไกด์เสนอภาพ

ก็ไม่ได้เหนือความคาดคิดของเธอ

หรือเธอพบว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ที่เด็กเรียนจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักชาติและท่านผู้นำ เด็กถูกหล่อหลอมให้รับรู้ว่าเกาหลีเหนือนั้นมีศัตรูเป็นอเมริกาของเอาเปรียบมาช้านาน แต่ไม่เป็นไรนะด้วยท่านผู้นำที่เป็นเหมือนสมมติเทพก็สามารถทำให้เราอยู่รอดและมีความสุขได้ ที่พวกเราทุกคนคนเกาหลีเหนือต้องทำคือทุ่มเทให้กับชาติ และจงรักภักดีต่อท่านผู้นำ และทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

นี่คือกรอบความคิดที่เกิดขึ้นกับคนเกาหลีเหนือส่วนใหญ่ ทำให้บางส่วนผมคิดถึงหนังสือ 1984 ของ George Orwell ด้วยซ้ำ

หรือจริงๆแล้วคนเกาหลีเหนือเรียกตัวเองว่า Koryo หรือ โค-รยอ ตามแบบภาษาไทย แต่ที่เราเรียกกันว่า “เกาหลี” นั้นก็มีที่มาจากคำว่า Corea หรือ Coree ที่ถูกบันทึกไว้โดยชาวตะวันตกในปี ค.ศ. 1614

Corea มาจากภาษาอิตาลี Cauli หรือ Gaoli ในภาษาจีนตามบันทึกของมาร์โค โปโล (Marco Polo) นักเดินทางผู้ยิ่งใหญ่ที่เดินทางมาถึงจีนละได้ยินผู้คนเรียกดินแดนแถบนี้ว่า Gaoli

จึงบันทึกเรื่องราวของอาณาจักร โค-รยอ เอาไว้ในชื่อ Cauli เราเลยเรียกตามชื่อนั้นในภาษาไทยว่า “เกาหลี” ตามชื่อดั้งเดิมของภาษาจีนนั่นเอง

ผู้เขียนเล่าว่าที่เกาหลีเหนือก็มีโรงแรมสุดหรูนะ หรูแบบที่ว่าตกแต่งด้วยหินอ่อน กระจก และสเตนเลสสตีลเงาวับ แต่จะดูทันสมัยมากถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อซักสามสิบปีที่แล้ว และถ้าใครนึกไม่ออกว่าเป็นยังไงผู้เขียนก็แนะนำว่าให้ลองเข้าไปดูที่โรงแรมเอเซีย ตรงรถไฟฟ้าราชเทวี มันจะให้ความรู้สึกประมาณนั้นแหละครับ

หนุ่มสาวเกาหลีเดทด้วยการตีปิงปอง

ผู้เขียนเล่าให้ฟังว่าได้พบเห็นหนุ่มสาวเกาหลีคู่นึง ควงคู่กันมาตีปิงปองสานรัก แต่การตีปิงปองสองหนุ่มสาวคู่นี้กลับเอาจริงจังประหนึ่งนักกีฬาปิงปองชิงแชมป์โอลิมปิคยังไงยังงั้น เรียกได้ว่าคนเกาหลีเหนือนี่เอาจริงกับทุกเรื่องแม้จะรักแต่ก็ไม่ละเว้นจริงๆครับ

หรือแม้แต่เรื่องเล่นสนุกอย่างกิจกรรมที่ลานเบียร์ คนเกาหลีเหนือก็จริงจังนะ

ผู้เขียนเล่าว่าตอนที่ไปนั่งจิบเบียร์ที่ลานเบียร์แห่งหนึ่งในเมือง ตอนนั้นมีการประกาศว่าจะมีการเล่นเกมถามตอบเพื่อชิงเบียร์ฟรี ปกติคำถามที่คุ้นเคยในบ้านเราก็จะเป็นคำถามขำๆไม่ซีเรียส แต่ที่เกาหลีเหนือเค้าจริงจังเพราะคำถามที่ใช้เล่นกันพี่เค้าถามว่า

เบียร์ดำมีปริมาณแอลกอฮอล์กี่เปอร์เซ็นต์
เบียร์ดำดีต่อสุขภาพอย่างไร
หรือ เราสามารถใช้พืชชนิดใดมาหมักบ่มเบียร์ได้บ้าง

บอกได้ว่าถ้าเมานี่ตอบไม่ได้นะ

เรื่องแปลกอีกเรื่องที่น่าสนใจคือคนเกาหลีเหนือร้องเพลงได้เป๊ะมาก

ผู้เขียนเล่าว่าแทบทุกคนในเกาหลีเหนือนั้นร้องเพลงได้ดีเวอร์มาก มากจนผู้เขียนต้องแปลกใจว่านี่เรียนร้องเพลงกันมาตั้งแต่เกิดเลยหรือเปล่า ขนาดตอนเธอกำลังหัดร้องเพลงเพื่อร่วมกิจกรรมตอนทานอาหารอยู่ในโรงแรมนั้น ทางพนักงานเสริฟเดินผ่านมาเห็นก็บอกประมาณว่า “อ๋อ เพลงนี้” แล้วก็ร้องด้วยลูกคอแปดชั้นชนิดว่าถ้าคนเกาหลีเหนือมาแข่ง The Voice รับรองไม่มีชาติไหนสู้ได้แน่ๆครับ

ร่ม อุปกรณ์แฟชั่นของสาวเกาหลีเหนือ

ที่เกาหลีเหนือสาวๆเกาหลีทุกเพศทุกวัยจะมีร่มที่ประดับตกแต่งอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูในแบบของตัวเอง ไม่ว่าจะติดลูกไม้ลวดลายต่างๆ หรือประดับด้วยอะไรก็ตามที่เกินกว่าเราคนไทยจะคิดออก

เธอเปรียบประหนึ่งว่าถ้าสาวโลกทั่วไปอวดกระเป๋าแบรนด์เนม สาวเกาหลีเหนือเค้าก็อวดร่มในแบบของตัวเองนี่แหละครับ

เรื่องสุดท้ายที่ว่าแปลกคือถ้าอยากจะเห็นหมาต้องไปดูที่สวนสัตว์

ใช่ครับ สุนัข หรือ หมา ที่เราเห็นดาษดื่นทั่วไปตามบ้านเรา หรือเห็นได้ทั่วไปตามท้องถนนประเทศต่างๆทั่วโลก แต่ที่เกาหลีเหนือนั้นถ้าคุณอาจจะเห็นหมาคุณต้องไปที่สวนสัตว์เท่านั้น

เพราะที่เกาหลีเหนือนั้นประชาชนทั่วไปถูกห้ามเลี้ยงสุนัข ทำให้มันเป็นสัตว์ที่ควรค่าจะต้องหาดูได้ที่สวนสัตว์เหมือนเสือเหมือนช้างด้วยความหายากยังไงล่ะครับ

สุดท้ายนี้ผู้เขียนบอกว่า ทุกครั้งที่เดินออกจากพิพิธภัณฑ์เปียงยาง เธอรู้สึกเสมือว่านี่คือประเทศที่ยังไม่ตื่นจากอดีตอันขมขื่น เพราะเธอเห็นเรื่องราวที่ว่าชาวเกาหลีเหนือต้องรับรู้ว่าอเมริกาคืออภิศัตรูของเค้าถึงทุกวันนี้ อเมริกายังคงเอาเปรียบและข่มเหงพวกเค้าอยู่ทุกวัน และพวกเค้าก็ต้องช่วยกันสนับสนุนกองทัพเพื่อให้ประเทศชาติสามารถอยู่รอดได้

นั่นหมายความว่าเหล่าผู้นำของเกาหลีเหนือยังใช้อดีตมาขับเคลื่อนปัจจุบัน และยังกำหนดอนาคตไปพร้อมกันด้วย ปัจจุบันของประเทศนี้เลยยังคงเต็มไปด้วยอดีตในสายตาเธอ

พออ่านจบแล้วหนังสือเล่มนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกอยากไปเห็นเกาหลีเหนือด้วยตาตัวเองซักครั้ง ว่าเกาหลีเหนือนั้นจะมีอะไรที่เหนือกว่าความคาดคิดของผมมากน้อยแค่ไหนกัน

อ่านแล้วเล่า ไม่มีอะไรในเกาหลีเหนือ
กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ เรื่องและภาพ
นันทพร อาศิรพจนกุล ภาพ
สำนักพิมพ์ Amarin Travel

เล่มที่ 124 ของปี 2018
2018 11 22

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/