รีวิวสรุปหนังสือ ความลับเบื้องหลัง iPhone The One Device The Secret History of The iPhone Brain Merchant เขียน คำเมือง แปล สำนักพิมพ์ Sanskrit

รีวิวสรุปหนังสือ ความลับเบื้องหลัง iPhone หรือชื่อเดิมคือ The One Device The Secret History of The iPhone หนังสือที่จะพาไปรู้จักเบื้องหลังโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนพลิกโลกเครื่องนี้ ว่ากว่าจะมาเป็น iPhone ที่อยู่ในมือคนกว่าพันล้านคนทั่วโลกวันนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง

หนังสือเล่มนี้พาไปเริ่มจากจุดกำเนิดแรกของ iPhone ซึ่งก็คือ ENRI ระบบ User Interface การทำงานผ่านการสัมผัสในรูปแบบ Multi-touch แบบใช้งานได้จริงและได้ดีครั้งแรกของโลกบนโทรศัพท์มือถือ จนทำให้ปุ่มที่เคยมีบนมือถือนั้นสูญพันธุ์ไป หรือถ้าจะสรุปว่า iPhone นั้นปฏิวัติโลกของ Everyphone Phone ก็ไม่เกินความจริงที่เกิดขึ้นเลย

จากนั้นหนังสือเล่มนี้ก็จะพาเราไปรู้จักกับแร่หายากที่มีอยู่ใน iPhone ทุกเครื่องตั้งแต่เริ่มผลิตมา แต่รู้มั้ยครับว่านิยามของคำว่าแร่หายากไม่ได้มาจากการที่มันหายากแต่อย่างไร เพียงแต่ขั้นตอนการผลิตหรือสกัดมันออกมาต่างหากที่ทำได้ยากยิ่ง และในความเป็นจริงต้นทุนของแร่หายากใน iPhone ก็น้อยนิดไม่กี่ดอลลาร์เท่านั้นเอง

บทที่ 3 จะพาเราไปรู้จักกับกระจกกอริลลา กระจกที่กัดขีดข่วนกันกระแทกได้ดีมากที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง น้อยคนนักจะรู้ว่าหน้าจอโทรศัพท์มือถือ iPhone ต้นแบบนั้นไม่ได้ใช้กระจก แต่ใช้พลาสติกเหมือนกับหน้าจอโทรศัพท์มือถือทั่วไปในวันนั้นครับ

แต่เมื่อ Steve Jobs เอาโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วเดินไปเดินมาเป็นประจำ ทำให้สิ่งของอื่นๆ ในกระเป๋าโดยเฉพาะกุญแจทำให้หน้าจอพลาสติกของ iPhone ต้นแบบนั้นเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนมากมาย และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ Steve Jobs จะยอมปล่อยผ่านได้ พวกเขาเลยสั่งเปลี่ยนจากหน้าจอพลาสติกเป็นกระจกกอริลลาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนเริ่มเปิดตัว เรียกได้ว่าเป็นการทำงานที่โหดและหินมากจริงๆ ซึ่งหาได้ยากมากกับบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่จะยอมรื้องานที่ใกล้คลอด เพราะต้องการทำให้มันดีขึ้น

นั่นเลยเป็นเหตุผลหนึ่งให้สินค้าของ Apple ดู Perfect เสมอในสายตาเรา

และบทที่ 4 ก็เป็นเรื่องของระบบ Multi-touch เต็มๆ ซึ่งบอกได้เลยว่าผู้คิดค้นระบบนี้ขึ้นมาไม่ใช่ Steve Jobs หรือคนในบริษัท Apple แต่อย่างไร แต่เป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่มาก่อนหน้าหลายสิบปีแล้ว ซึ่งถ้าเครดิตที่ Steve Jobs ควรจะได้ คือการทำให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงได้ง่ายบวกกับใช้งานได้จริง เป็นผู้ทำให้เทคโนโลยีเฉพาะกลุ่มนี้ Go to Market และทำ Profit ได้เป็นอย่างดีครับ

Fingerwork คือต้นกำเนิดของ Multi-touch ที่เราใช้กันอย่างขาดไม่ได้ในทุกวันนี้

Photo: https://appleinsider.com/articles/10/01/23/inside_the_multitouch_fingerworks_tech_in_apples_tablet

FingerWorks คืออุปกรณ์พิเศษที่เป็นต้นกำเนิดที่ Apple เอาไปต่อยอดเป็นระบบ Multi-touch ของ iPhone จนถึงทุกวันนี้ แรกเริ่มเดิมทีมันคืออุปกรณ์พิเศษช่วยคนที่มีปัญหาเรื่องข้อมือจากการจับเม้า หรือคีย์บอร์ดทั่วไป ให้สามารถทำงานหรือใช้คอมพิวเตอร์ต่อไปได้โดยไม่ลำบากมากมายนัก

ถ้าดูจากภาพมันคือแผ่นที่ไม่มีปุ่ม แต่เรายังคงต้องกดให้โดนตามปุ่ม ส่วน iGesture เองก็คือ Touchpad แบบแรกๆ ที่เอามาผสมผสานกัน ให้เราสามารถลากเม้าส์โดยไม่ต้องจับเม้าส์นานๆ แล้วปวดข้อมือได้ ผมคนนึงก็มีปัญหานี้ เมื่อเอาทั้งหมดมาผสมกันก็เลยออกมาเป็นระบบ Multi-touch บนหน้าจอตรงๆ แทนที่แผนทึบแสงแบบต้นกำเนิดของมันครับ

บทที่ 5 เป็นเรื่องของแบตเตอรี่ ไล-ออน หรือ Li-Ion ที่เป็นแบตเตอรี่ยอดนิยมบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ตั้งแต่ Smartphone ไปจนถึง Smart Watch และแม้แต่รถยนต์ไฟฟ้า EV ก็ตาม

คุณรู้ไหมครับว่าแบตเตอรี่ Li-Ion ตัวนี้ที่มีบทบาทสำคัญต่อโลกทุกวันนี้มากนั้นถูกคิดค้นขึ้นมาจากบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่าง Exxon

เรื่องราวคล้ายๆ Kodak ที่คิดค้นกล้องถ่ายรูปดิจิทัลขึ้นมาได้ก่อนใครเพื่อน แต่กลับเอาเทคโนโลยีนี้ไปเข้ากรุไว้จนทำให้ Kodak ที่เคยยิ่งใหญ่หายไปในที่สุด

และผู้ที่เอาแบตเตอรี่ชนิดนี้เข้ามาบุกเบิกตลาดให้เป็นที่รู้จักกว้างขวางก็คือ Sony เพราะอุปกรณ์ทั้งหมดของแบรนด์นี้เปลี่ยนมาใช้แบตประเภทนี้ก่อนใครเพื่อนนานแล้ว

อีกความลับหนึ่งที่น่าสนใจของ iPhone คือ แค่ทำให้เครื่องหนาขึ้นอีก 1 มิลลิเมตร เราจะสามารถใช้งานมือถือได้นานขึ้นถึงสองเท่า รู้แบบนี้แล้ว iPhone 14 ที่กำลังจะออกมาปลายปี 2022 นี้ ขอตัวเครื่องหนาขึ้นสัก 2 มิลก็ได้ครับ ผมจะได้ไม่ต้องห่วงแบตหมดระหว่างวัน

บทที่ 6 เป็นเรื่องของระบบกันสั่นในกล้องของ iPhone ที่ทำให้ผู้คนมากมายทั่วโลกอยากได้ iPhone เพราะอยากถ่ายรูปสวยเหมือนเพื่อนๆ บน Instagram

ด้วยระบบกันสั่นที่ถูกคิดค้นขึ้นมาของวิศวกรชาวญี่ปุ่นในกล้องถ่ายวิดีโอ ด้วยหลักการเอา Gyroscope ใส่เข้าไปในเครื่อง iPhone จากนั้นก็จะคำนวนการสั่นแล้วก็ทำภาพให้นิ่งขึ้นได้โดยง่าย เพราะจะมีสักกี่คนที่รู้ว่าแท้จริงแล้วโทรศัพท์มือถือเครื่องที่เล็กและเบาขนาดนี้ เราต้องทำมือถือมันสั่นอยู่โดยไม่รู้ตัวตลอดเวลา การที่เราสามารถถ่ายภาพที่ดูนิ่งและคมชัดได้ไม่ได้มาจากฝีมือเราหลอกครับ แต่มาจากเทคโนโลยีกันสั่นในกล้องของ iPhone ต่างหาก ที่ทำให้ใครๆ ก็ถ่ายรูปสวยได้ดุจมืออาชีพด้วย iPhone สบายๆ

แอบเพิ่มเติมเกร็ดความรู้ให้ คำว่า Selfie นั้นถูกใช้ครั้งแรกในปี 2002 ที่เว็บบอร์ดของชาวออสเตรเลียครับ แต่พอ iPhone มีกล้องหน้าออกมาก็ส่งผลให้การถ่ายรูป Selfie เป็นที่นิยมจนใครๆ ก็ทำกัน

แต่ก่อนที่ iPhone จะประสบความสำเร็จล้นหลามขายได้รวมเกินพันล้านเครื่องอย่างทุกวันนี้ รู้ไหมครับว่าตอนเปิดตัวช่วงแรก iPhone ไม่ได้มียอดขายพุ่งทะยานที่ดูเหมือนว่าจะนิยมอย่างทุกวันนี้นะครับ

เพราะตอนแรกเปิดตัวมา iPhone ไม่ได้มีแอปต่างๆ มากมายให้เลือกโหลด เลือกเล่น และเลือกใช้ ในตอนนั้น Steve Jobs ตั้งใจให้ iPhone เป็นระบบปิด ทุกแอปจะต้องถูกสร้างจากทีมงาน Apple เท่านั้น

แต่พอตอนหลังถูกเหล่า Hacker พยายามเจาะเข้ามาปรับแต่งการใช้งานอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นาน Steve Jobs ก็ใจอ่อนเปิด App Store ที่มีคนนอกเข้ามาร่วมพัฒนาแอปให้กับ iPhone ได้อย่างอิสระ แต่ก็ต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพจาก Apple ก่อนนะ ก่อให้เกิดระบบเศรษฐกิจใหม่ ที่เรียกว่า Appconomy ก็ว่าได้ครับ

ในวันนั้นมีคนทำแอปตลกๆ ขึ้นมามากมาย และแอปแรกที่ทำเงินล้านดอลลาร์ได้กลับไม่ใช่แอปที่ว้าวอะไร แต่เป็นแอป iFart ที่ทำเสียงตดขำๆ ให้คนเสียเงินซื้อไปเล่นกัน ไม่น่าเชื่อใช่ไหมครับเมื่อมองย้อนกลับไป แต่ก็นั่นแหละครับ เราจะเห็นว่า iPhone มีวิวัฒนาการที่ไกลกว่าจะจินตนาการออกได้มากเมื่อดูจากช่วงแรกที่มันเปิดตัวออกมา คงยากที่จะมีใครคาดการณ์ว่ามันจะมาได้ขนาดนี้

การตัดสินใจเปิดรับนักสร้างแอปจากภายนอกให้เข้ามาร่วม App Store ได้ ก็เหมือนกับการที่ Steve Jobs ตัดสินใจให้มีแอป iTune บน Windows จากที่เคยผูกขาดไว้ในระบบของ MacOS เท่านั้น จากจุดนั้นเองทำให้ iPod กลายเป็นสินค้ายอดนิยมของผู้คนมากมาย เพราะผู้คนสามารถเข้าถึงการฟังเพลง MP3 คุณภาพดีได้อย่างง่ายๆ ด้วยคอมพิวเตอร์ Windows เครื่องเดิม กับ iPod เครื่องใหม่ของตัวเอง

และเจ้า App Store นี่เองที่ทำให้เราเริ่มก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจแบบ Platform จากแอปที่เข้ามาเป็นตัวกลางและสามารถทำอะไรได้มากมาย เช่น Uber ทำให้คนขับกับคนเรียกรถได้เจอกันผ่านแอปใน iPhone และรู้ไหมครับว่า Uber นี่แหละที่เหมากว้านซื้อ iPhone ในอเมริกามากมายตอนเปิดบริษัทแรกๆ

ความน่าสนใจอีกเรื่องของการกำเนิด iPhone คือ มันเป็นโทรศัพท์เครื่องแรกที่ออกแบบได้ตามใจ เพราะเดิมทีการจะสร้างโทรศัพท์มือถือขึ้นมาใหม่สักเครื่อง บริษัทผู้ผลิตโทรศัพท์ต้องทำตามข้อจำกัดของบริษัทเจ้าของคลื่นสัญญาณ

แต่พอเป็น Apple นั้นกลับได้สิทธิพิเศษที่จะออกแบบโทรศัพท์อย่างไรก็ได้ เพียงแต่ต้องผูกขาดการขายให้กับทาง​ Singular เท่านั้น

และเสน่ห์อย่างหนึ่งของ iPhone ในตอนแรกที่ผู้ใช้ชอบมากคือการที่มันมี Interaction กับผู้ใช้ในแบบที่สนุก อย่างการที่เราใช้นิ้วปัดหน้าจอให้เลื่อนลงไปจนสุด แล้วพบว่ามันมีการเด้งดึ๋งให้รู้ว่ามันคือสิ้นสุดหน้าจอแล้ว รู้ไหมครับว่า Experience เล็กๆ ตรงนี้แหละที่ทำให้ผู้คนติดใจเล่นมันนักหนา ผมก็เป็นหนึ่งคนที่ชอบทำตอนที่ได iPhone เครื่องแรกมาในช่วงวันแรกๆ ครับ

กลยุทธ์การตลาดของ Apple ทำให้ iPhone ขาดตลาดทั้งที่กำลังการผลิตมีล้นเหลือ

เราคงจะเห็นภาพผู้คนมากมายมาต่อแถวรอซื้อ iPhone ออกใหม่กันเป็นประจำ จากนั้นไม่กี่วันของก็เริ่มขาด แล้วผู้คนก็ต้องรอประมาณสองสัปดาห์จึงจะสามารถหาซื้อได้อีกครั้ง

แต่ในความเป็นจริงแล้วโรงงานผลิต iPhone มีความสามารถในการผลิตต่อวันได้มหาศาล จึงเป็นไปไม่ได้เลยในทางเทคนิคที่ของจะขาด แต่เป็นกลยุทธ์การตลาดของ Apple ที่ฉลาดมาก สร้างกระแสให้คนรีบแห่ซื้อช่วงแรก แล้วก็ให้คนรีบวิ่งกันมาซื้อตอนที่ของมารอบสอง เพราะกลัวว่าของจะขาดจนต้องรอซื้อรอบสามครับ

ดังนั้นการตลาดของ iPhone คือการใช้กลยุทธ์การควบคุม Supply ให้น้อยกว่า Demand ทำให้ของหายากในช่วงแรก เพื่อทำให้คนอยากได้มากขึ้นในเดือนถัดไป

ปุ่มล็อคหน้าจอช่วงแรก ได้ไอเดียมาจากกลอนล็อคประตูห้องน้ำบนเครื่องบิน

ในตอนแรก iPhone มีปัญหาพอใส่กระเป๋ากางเกงแล้วโดนโน่นนี่นั่นหน้าจอก็เปิดตลอดเวลาจนแบตหมดได้ ทีมงานเลยต้องหาทางแก้ว่าทำอย่างไรไม่ให้โทรศัพท์ทำงานโดยไม่ตั้งใจ จนปิ๊งไอเดียในการทำปุ่มสไลด์เพื่อปลดล็อค ซึ่งทีมงานได้แรงบันดาลใจมาจากกลอนล็อคประตูห้องน้ำบนเครื่องบิน ที่แค่เลื่อนไปด้านหนึ่งก็จะมีแถบสีแดงให้คนนอกรู้ว่ามีคนใช้งานอยู่ จากนั้นก็เลื่อนกลับมาเป็นสีเขียว ให้คนรู้ว่าประตูห้องน้ำตอนนี้แม้จะดูปิดอยู่ แต่ข้างในว่างไม่มีคน สามารถเปิดเข้าไปทำธุระได้

Skeuomorphism ดีไซน์ให้คล้ายของเก่าที่คุ้นเคยมากที่สุด

ถ้าเราย้อนไปดูการดีไซน์ icon แรกๆ ของ iPhone จะเห็นว่าหน้าตาแอปต่างๆ ดูเหมือนของจริงแบบเดิมๆ มาก นั่นก็เพราะ iPhone เป็นสิ่งใหม่หมดจรด การจะทำให้คนเปิดใจรับสิ่งใหม่และเข้าใจได้อย่างรวดเร็วคือ ทำให้มันเหมือนของเดิมมากที่สุดนั่นเองครับ

แค่เห็นหน้าแอปก็รู้แล้วว่ามันคืออะไร และมันทำงานอย่างไร iPhone จึงเป็นโทรศัพท์มือถือเครื่องแรกๆ ในวันนั้นที่ไม่ต้องมีคู่มือการใช้งานแถมมาในกล่อง เพราะ Steve Jobs ตั้งใจว่าถ้าออกแบบมาเป็นอย่างดีผู้คนก็ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องมีใครสอน

และนั่นก็เป็นเรื่องจริง เพราะอุปกรณ์ของ Apple ทั้งหมดล้วนเป็นแบบนั้น มันคือการออกแบบ User Experience ที่ยอดเยี่ยม ออกบบ Interaction Design ที่ลื่นไหล และยังมีองค์ประกอบต่างๆ อีกมากมาย ที่ทำให้ iPhone เป็นแบรนด์อันดับหนึ่งอย่างปฏิเสธไม่ได้ และก็ยังคงเป็นผู้บุกเบิกตลาดสมาร์ทโฟนที่ไม่เคยมีอยู่ ให้กลายเป็นตลาดหลักของโลกทุกวันนี้ครับ

รีวิวสรุปหนังสือ ความลับเบื้องหลัง iPhone

รีวิวสรุปหนังสือ ความลับเบื้องหลัง iPhone The One Device The Secret History of The iPhone Brain Merchant เขียน คำเมือง แปล สำนักพิมพ์ Sanskrit

หนังสือเล่มนี้ทำให้เราเห็นภาพว่า กว่าจะมาเป็นโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนเครื่องเล็กในมือเราทุกคนนั้นมีเส้นทางการเดินทางที่ยาวนานและเกี่ยวกับผู้คนมากมาย และที่สำคัญคือ iPhone ไม่ได้เกิดขึ้นได้จากคนๆ เดียว แต่มาจากการร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย และหลายสิ่งที่เรารู้จักเป็นครั้งแรกจาก iPhone ไม่ว่าจะหน้าจอสัมผัสแบบ Multi-touch หรือใดๆ ล้วนมีแรงบันดาลใจหรือเอาสิ่งที่มีมาต่อยอดให้ Go to market ทั้งนั้นครับ

อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 23 ของปี

รีวิวสรุปหนังสือ ความลับเบื้องหลัง iPhone
The One Device The Secret History of The iPhone
Brain Merchant เขียน
คำเมือง แปล
สำนักพิมพ์ Sanskrit

อ่านสรุปหนังสือที่เกี่ยวกับ Apple และ Steve Jobs ในอ่านแล้วเล่าต่อ > https://www.summaread.net/?s=apple

สั่งซื้อหนังสือเล่มนี้ > https://click.accesstrade.in.th/go/PyIgeTfj

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/