พูดถึงเกาหลีมั่นใจว่าไม่มีใครไม่รู้จัก ตั้งแต่แดจังกึม ที่ถูกเอามาล้อกันเป็นแดกจังมึง กิมจิ, Super Junior, เพลงฮิตอย่าง NOBODY NOBODY BUT YOU และ กังนัมสไตล์ที่ได้พันล้านวิวแรกบนยูทูป เกาหลีที่ดูมหัศจรรย์เต็มไปด้วยสีสันและสวยงามด้วยศัลยกรรมในความรู้สึกเราในวันนี้ ใครจะรู้ว่าเมื่อ 60 ปีที่แล้วเกาหลีเองเคยจะเป็นหนึ่งในชาติที่พังพินาศอย่างถึงที่สุด

เกาหลีเองเพิ่งได้เอกราชจากญี่ปุ่นเมื่อหลังสงครามโลกครั้งที่สองเมื่อปี 1945 จากนั้นก็ยังถูกสองขั้วมหาอำนาจโลกฉีกประเทศเกาหลีออกเป็นสองส่วน เกาหลีเหนืออยู่ภายในการชี้นำจากโซเวียตหรือรัสเซียในวันนี้ ส่วนเกาหลีใต้อยู่ในความดูแลของสหรัฐ แต่ใช่ว่าเกาหลีใต้ในยุคแรกที่ได้เอกราชจะเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะเกาหลีใต้ถูกปกครองด้วยผู้นำเผด็จการมาอย่างยาวนาน จนอาจบอกได้ว่าเกาหลีใต้เพิ่งจะเป็นประชาธิปไตยแบบเต็มใบจริงๆก็เมื่อสามสิบปีที่ผ่านมาก็ว่าได้

เกาหลีใต้หนึ่งในประเทศที่พัฒนาแล้วจนมีเศรษฐกิจติดลำดับต้นๆของโลกในวันนี้ แต่ผู้คนส่วนใหญ่กลับไม่เคยพบความสุขเลย หนึ่งในชาติที่มีชั่วโมงการทำงานสูงที่สุดในโลก หนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงแซงญี่ปุ่นขึ้นไปแล้ว และหนึ่งในชาติที่ถูกปลูกฝังให้แข่งขันกันจนถึงที่สุด เรียกได้ว่าเป็นการวิ่งระยะสั้น 100 เมตร ที่ขยับเส้นชัยออกไปทุกครั้งที่ตัวแตะเส้นชัย คำว่าดีที่สุดอาจไม่เคยมีในความคิดของคนเกาหลีใต้ ทุกครั้งที่ได้ดีที่สุดชาวเกาหลีใต้ก็จะเกิดคำถามขึ้นมาทันทีว่า “แล้วจะดีกว่านี้ได้อย่างไร?”

หนังสือเล่มนี้ทำให้เข้าใจหลายเรื่องว่าทำไม “เกาหลีใต้” ถึงกลายเป็น “เกาหลีใต้แบบทุกวันนี้” และกว่าจะเป็นเกาหลีใต้ในวันนี้ “ต้องผ่านอะไรมาบ้าง” ความน่าสนใจของเกาหลีใต้ไม่ได้มีแค่เท่าที่เรารู้ ยังมีอีกหลายเรื่องของเกาหลีใต้ที่น่าสนใจ หลายเรื่องฟังดูย้อนแย้ง และหลายเรื่องก็ดูเป็นคำตอบที่ชัดเจนในตัว มาครับผมจะเล่าให้ฟัง

คนทรงเจ้าและโลกวิญญาณ


เห็นเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในชาติที่เจริญแล้วลำดับต้นๆของโลกแบบนี้ แต่กับเรื่องความเชื่อเค้าก็อยู่ในลำดับต้นๆของโลกไม่แพ้ใครนะครับ เค้าอาจไม่ได้มาขูดต้นไม้ขอหวย หรือเอากบเขียดที่มีสีเผือก หรือควายสามขาไปบูชา แต่คนเกาหลีใต้โดยเฉพาะยิ่งคนใหญ่คนโตกลับให้ความสำคัญกับคนทรงเจ้าอย่างมาก

คนทรงเจ้าในเกาหลีหรือที่เรียกว่า “มูซกอิน” คือผู้ที่คอยทำพิธีกรรมต่างๆคล้ายๆกับคนของบ้านเรา แต่คนทรงเจ้าในเกาหลีจะทำหน้าที่เสมือนจิตแพทย์ หรือผู้คอยให้คำปรึกษาในด้านต่างๆที่ผู้คนกังวลมากกว่าครับ เช่น จะแต่งงานกับคนนี้ดีมั้ย จะเลือกงานที่ไหนดี หรือธุรกิจมีปัญหาแบบนี้ควรจะทำอย่างไร

หรือจะบอกว่าในยุคที่วัตถุเจริญก้าวหน้ามากเท่าไหร่ มนุษย์เราก็ยิ่งต้องการที่พึ่งทางใจมากเท่านั้นมั้งครับ

พุทธศาสนาอยู่เบื้องหลังการพัฒนาของคนในชาติ

จาเดิมที่เกาหลีใต้ยึดถือเรื่องชั้นวรรณะมาก เรียกได้ว่ามากไม่แพ้พราหมณ์หรือฮินดูในอินเดียก็ว่าได้ แต่ด้วยพุทธศาสนาในแบบเกาหลีใต้นี้เองที่ทำให้แนวคิดนั้นเปลี่ยนไป จากเดิมศาสนาความเชื่อเดิมของชาวเกาหลีใต้บอกว่าชั้นวรรณะนั้นเลื่อนไม่ได้ เกิดมาอย่างไรต้องเป็นอย่างนั้น แต่พุทธศาสนาในเกาหลีนั้นกลับสอนว่าโชคชะตานั้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการพัฒนาตนเอง เลยเป็นเหตุให้ชาวเกาหลีเป็นหนึ่งในชาติที่สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆได้อย่างดีเสมอมา เป็นเหตุผลที่ทำให้ชาวเกาหลีพัฒนาตัวเองไม่หยุดตั้งแต่ตอนเรียนต้องเรียนให้เก่ง จนทำงานก็ต้องทำงานให้ดี แล้วก็พยายามหาความรู้เพิ่มเติมให้ตัวเองเลิศอยู่เสมอ

พุทธศาสนาในเกาหลีเลยเป็นแรงขับดันให้คนต้องพัฒนาเพื่อเอาชนะโชคชะตาฟ้าลิขิตครับ

คุณอายุเท่าไหร่?

นี่อาจเป็นคำถามที่ฟังดูแปลกที่จะใช้ทักทายกันเวลาเจอคนแปลกหน้า แต่กับคนเกาหลีนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ

อย่างที่บอกไปว่าคนเกาหลีถือเรื่องชั้นวรรณะมาก และด้วยหลักขงจื๊อที่เกาหลียึดถือมานานก็มีหลักให้ยึดถือเรื่องความอาวุโสด้วย ดังนั้นเมื่อคนเกาหลีแปลกหน้าสองคนเจอหน้ากันคำถามแรกไม่ใช่ถามว่าคุณชื่ออะไร แต่เป็นการถามว่าคุณอายุเท่าไหร่ เพื่อจะได้ใช้คำพูดและปฏิบัติตัวได้ถูกตามอายุที่ต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องความรักของชายหญิงนี่การข้ามรุ่นแทบจะเป็นเรื่องต้องห้ามเลยทีเดียว

มิน่าซีรีส์เกาหลีเรื่อง Something in the rain ที่เพิ่งฮิตกันไป ถึงพยายามสื่อสารใหม่ว่าการที่ผู้หญิงอายุมากกว่าผู้ชายจะคบกันรักกันไม่ใช่เรื่องผิดอีกต่อไปนะ แค่ต้องพยายามซักหน่อยเท่านั้นเอง นี่น่าจะเป็นหนึ่งในเครื่องมือสร้างวัฒนธรรมใหม่ๆขึ้นมา

ศาสนาคริสต์แพร่หลายได้ก็ด้วยภาษาชาวบ้าน

แต่เดิมเกาหลีใช้ตัวอักษรที่ยืมมาจากจีนที่เรียกว่า “ฮันจา” แต่นั่นก็ถูกสงวนเอาไว้กับพวกชนชั้นสูงที่สามารถเข้าเรียนได้เท่านั้น และอย่างที่รู้กันว่าในสมัยก่อนเองคนที่จะร่ำเรียนหนังสือหนังหาได้ก็มีแต่ชนชั้นสูง ชาวบ้านทั่วไปไม่มีเสียหรอก และศาสนาพุทธ์กับขงจื๊อเองก็มีแต่ตำราที่เป็นตัว “ฮันจา” เท่านั้น ทำให้คนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้

แต่กับศาสนาคริสต์เองกับเลือกใช้ตัวอักษรที่ชาวบ้านทั่วไปเข้าใจอย่าง “ฮันกุล” ที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยกษัตริย์เซจงมหาราชเมื่อกลางศตวรรณที่ 15

ฮันจุง ประกอบด้วยตัวอักษร 24 ตัวที่มีภาพลักษณ์เป็นระบบตัวเขียนแบบง่ายๆ ที่ใครๆก็สามารถฝึกฝนได้ ตรงกับข้ามกับ “ฮันจา” ของชนชั้นสูง เรื่องนี้เลยเรียนรู้ว่าถ้าอยากให้ทำแมส ก็ต้องทำให้ใครๆก็เข้าถึงได้ แต่ถ้าอยากทำให้หรู ก็จงทำให้ยากที่จะเข้าถึง นี่มันหลักการตลาดชัดๆเลยนะครับ

ทุนนิยมแบบเกาหลี เริ่มจากในช่วงทศวรรษที่ 1950 เมื่อญี่ปุ่นพ่ายแพ้สงครามและต้องทิ้งอาณานิคมของตนอย่างเกาหลีไป หลายกิจการในเกาหลีในเวลานั้นจึงถูกขายให้บรรดานักธุรกิจที่สนิทกับรัฐบาลจนทำให้ร่ำรวยกันมหาศาล รวมถึงนโยบายกีดกันสินค้าจากนอกประเทศด้วยกำแพงภาษี ทำให้ธุรกิจของพวกพ้องในประเทศกำไรมหาศาล และหนึ่งในธุรกิจตอนนั้นก็กลายเป็นยักษ์ใหญ่ในวันนี้คือซัมซุงครับ

แต่ก็ใช่ว่านักธุรกิจที่คว้าเอากิจการของญี่ปุ่นที่ทิ้งไว้ไปจะมีแต่ได้ เพราะพอกอบโกยไปแล้วก็ถึงเวลาทวงคืนด้วยข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้ นายพลปาร์คที่กุมอำนาจในเวลาถัดมาต้องการจะพื้นฟูประเทศด้วยการขอความร่วมมือจากบรรดาธุรกิจใหญ่ๆให้ช่วยกันจากผู้ประกอบการชั้นนำกว่า 18 คน ว่าจะเข้าร่วมแผนพัฒนาเศรษฐกิจหรือจะเข้าคุก ไม่ต้องตอบก็รู้นะครับว่าเลือดรักชาติของ 18 คนนั้นคงเดือดขึ้นมาขนาดไหน

แต่การช่วยเหลือกันของเหล่ากลุ่มธุรกิจกับรัฐบาลก็ดูจะเกินเลยไม่น้อย เพราะหลายครั้งที่ถูกจับได้ว่ามีการทุจริต ก็ถูกมองข้ามไปได้ง่ายๆ หรือถ้าจะลงโทษก็เป็นลงโทษสถานเบามาก แถมยังสามารถกลับมาทำงานต่อได้ หรือที่หนักข้อสุดโดนศาลตัดสินว่าโกงจริงเป็นพันล้านและต้องเข้าคุก แต่ทางรัฐบาลก็ยังประกาศนิรโทษกรรมให้ด้วยเหตุผลว่า “ประเทศชาติกำลังต้องการเค้าเข้ามาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ”

ฟังดูโคตรจะทุนนิยมเลยใช่มั้ยครับ

การแข่งขันที่แสนจะบ้าเลือดของคนเกาหลี

อย่างที่เรารู้กันว่าเกาหลีเป็นชาติที่พัฒนาแล้วและจากตัวเลข GDP ที่สูงติดลำดับต้นๆของโลก ส่วนหนึ่งมาจากชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานมากของคนเกาหลี เรียกได้ว่าถ้าคุณเคยคิดว่าคนญี่ปุ่นทำงานหนักแล้ว คนเกาหลีนี่ถือว่าทำงานเอาตายเลยนะครับ(จากประสบการณ์ตรง)

เด็กเกาหลีเกิดมาก็ต้องเรียนแข่งขันกันเพื่อให้เก่งที่สุด เรียกได้ว่าแค่ 4.00 ยังไม่พอถ้ายังมีคนอื่นที่ได้ 4.00 เหมือนเรา ทำให้พ่อแม่ชาวเกาหลีส่งลูกไปเรียนพิเศษเพื่อให้มีความสามารถด้านอื่นที่เด็กคนอื่นไม่มี ไม่ว่าจะดนตรี การคิดคำนวน หรือทักษะภาษาอังกฤษที่แม้จะทำได้ดีแล้วแต่ก็ยังถือเป็นพื้นๆของชาวเกาหลีด้วยกัน

จนมีการผ่าตัดลิ้นตั้งแต่เด็กเพื่อให้สามารถกระดกลิ้นให้พูดได้สำเนียงดีกว่าคนอื่นเค้า น่าทึ่งมั้ยล่ะครับ

จากนั้นคุณลองคิดดูซิว่าพอทุกคนจบออกมาได้เกรดดีเหมือนกันหมด ก็เท่ากับว่าไม่มีใครเก่งกว่าใครเพราะทุกคนดันเก่งเหมือนกันหมด ก็เลยต้องมีการไปเรียนหาใบปริญญาเพิ่ม หรือถ้าใครมีเงินก็จะไปเรียนมหาลัยในสหรัฐจนตัวเลขนักศึกษาชาวเกาหลีตามมหาลัยชั้นนำนั้นสูงกว่าชาติอื่นๆทั้งหมด

พอจบนอกจากมหาวิทยาลัยดังมาเหมือนกันก็ยังที่สุดไม่พอ นี่เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมเกาหลีถึงมีอัตราการศัลยกรรมสูง เพราะนี่กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นจนกลายเป็นมาตรฐานใหม่ว่า แค่ใบเกรดดียังไม่พอ บุคลิกรูปร่างหน้าตาก็ต้องดูโดดเด่นกว่าด้วย

บอกได้เลยว่าที่เกาหลีคำว่า Good นี่คงเป็นอะไรที่ธรรมดาที่สุด ส่วนคำว่า Great ก็คงทำให้พอใจได้แค่แป๊บเดียวแหละครับ

กฏหมายอินเทอร์เน็ตเกาหลี

เห็นแบบนี้เกาหลีเป็นชาติที่อินเทอร์เน็ตไม่เสรีนะครับ เพราะทางการเกาหลีบังคับให้ผู้คนต้องใช้เลขบัตรประชาชนในการเข้าใช้งาน เพื่อป้องกันการวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นโดยไม่ออกชื่อ โดยคนที่กลัวก็ไม่ใช่ใคร บรรดาคนดังนักการเมืองหรือดารานี่แหละครับ ทีนี้ก็ไม่มีใครกล้าแสดงความเห็นที่แท้จริงเพราะกลัวโดนไล่ตามฟ้องนี่แหละครับ

คนเกาหลีขี้เมาระดับโลกนะครับ

นอกจากทำงานหนักเอาตาย เวลาดื่มสังสรรค์หลังเลิกงานทีนี้เอาบ้าเลยนะครับ เพราะจากสถิติขององค์การอนามัยโลกระบุว่า คนเกาหลีใต้ดื่มสุรามากกว่าคนไอร์แลนด์และคนอังกฤษเสียอีก และมากเป็นสองเท่าของคนญี่ปุ่น

ดังนั้นถ้าใครติดภาพว่าคนญี่ปุ่นชอบดื่มสังสรรค์กันหนักๆหลังเลิกงาน ลองมาเทียบกับเกาหลีใต้นี่คงเรียกว่ามวยคนละรุ่นกันเลยครับ

เกาหลีใต้หนึ่งในสนามทดสอบตลาดเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในโลก

เพราะด้วยความชอบลองของใหม่ก่อนใคร อยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆก่อนใคร ทำให้บริษัทต่างๆชอบเอาสินค้าใหม่ๆของตัวเองมาให้ชาวเกาหลีได้ลองก่อนใครในโลก จากนั้นก็เอาผลลัพธ์ที่ได้ไปปรับปรุงกับสินค้าในรุ่นถัดไปแล้วค่อยออกวางขายในระดับโลกมานับต่อนับแล้ว

เกาหลีเหนือเกาหลีใต้ ความสัมพันธ์ที่เริ่มจางลงไปทุกที ด้วยระยะเวลาที่นานวันขึ้นไปเรื่อยนับจากวันถูกแบ่งชาติ ทำให้คนเกาหลีใต้รุ่นใหม่ๆรู้สึกว่าคนเกาหลีเหนือก็เป็นคนต่างชาติเหมือนกับชาวจีน ชาวญี่ปุ่น ผิดกับคนรุ่นก่อนหน้าที่ยังรู้สึกว่าเกาหลีเหนือก็คือพี่น้องกับเกาหลีใต้ เป็นเรื่องที่ได้ยินแล้วก็น่าเศร้าเหมือนกันนะครับ

ราคาที่อยู่อาศัยในเกาหลีในโซลเองก็แพงระยับระดับโลก เพราะจากข้อมูลบอกว่าที่พักอาศัยธรรมดาๆแบบคนทั่วไปในนครนิวยอร์กนั้นต้องใช้เวลาหาเงิน 7.22 ปี ถึงสามารถเป็นเจ้าของได้ แต่ในกรุงโซลนั้นต้องใช้เวลาหาเงินถึง 12.64 ปี ถึงจะสามารถเป็นเจ้าของได้

บริษัทเกาหลีเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีความรับผิดชอบมากที่สุด

ครั้งหนึ่งบริษัทฮุนไดมอเตอร์เรียกรถกว่า 27,000 คันคืน เพียงเพราะเจอรถ 3 คันที่มีปัญหา นี่คือการแสดงความรับผิดชอบต่อความล้มเหลวและพยายามแก้ไขข้อผิดพลาดแบบที่ไม่มีชาติไหนให้ได้ ดังนั้นถ้าบริษัทเกาหลีใต้สัญญาว่าโครงการใดจะเสร็จภายในวันที่ตกลงไว้ ก็วางใจได้เลยว่างานนั้นจะลุล่วงตามกำหนดหรือก่อนเวลาเสียอีก

แต่เห็นแบบนี้เกาหลีใต้ก็โรแมนติตไม่แพ้ชาติไหนนะ

เพราะเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีวันสำคัญระหว่างกันเยอะมาก วันที่ผู้ชายต้องซื้อของให้ผู้หญิง วันที่ผู้หญิงต้องซื้อของให้ผู้ชาย หรือแม้แต่วันบราเดย์ คือวันที่ผู้ชายต้องหาซื้อชั้นในให้แฟน ทั้งหมดนี้มาจากบรรดานักการตลาดที่พยายามสร้างวันสำคัญขึ้นมาเพื่อเพิ่มยอดขายสินค้าตัวเองยังไงล่ะครับ

คนเกาหลีกินหมาจริงหรือ?

จริงครับ แต่ไม่ใช่ว่าเกาหลีทุกคนต้องกินหมา หรือชอบกินหมา และหมาที่คนเกาหลีกินก็ไม่ใช่หมาอะไรก็ได้ แต่เค้ามีสายพันธุ์เฉพาะของเค้าที่เลี้ยงไว้กิน ดังนั้นสบายใจได้ว่าคนเลี้ยงหมาไม่ได้เลี้ยงไว้กิน แต่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนจริงๆครับ อารมณ์ก็คงคนบ้านเรากินอะไรแปลกๆแบบคนต่างชาติไม่กินกันนั่นแหละครับ

แปลกเรา แปลกเค้า แปลกกันแต่ไม่ต้องแปลกใจ

และนี่ก็เป็นบางส่วนที่น่าสนใจในหนังสือเล่มนี้ “มหัศจรรย์เกาหลี” ที่ทำให้เราได้เข้าใจเกาหลีมากขึ้นกว่าที่เราเคยรู้ และได้เห็นมุมมองใหม่ๆที่น่าสนใจของเกาหลี ที่ไม่ได้มีดีแค่เพลงหรือหนังหรือแฟชั่น

เป็นหนังสือที่ดูหนา เพราะหนาตั้ง 454 หน้า แต่ยิ่งอ่านยิ่งสนุกนะครับไม่รู้ทำไม อยากให้คุณได้ลองอ่านเอง

อ่านแล้วเล่า มหัศจรรย์เกาหลี จากเถ้าถ่านสู่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
Korean The Impossible Country

Daniel Tudor เขียน
ฐิติพงษ์ เหลืองอรุณเลิศ แปล
สำนักพิมพ์ openworlds

เล่มที่ 123 ของปี 2018
2018 11 16

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/