สรุปหนังสือ Drama Sutra

สรุปหนังสือ Drama Sutra สารพัดความขัดแย้งที่แฝงอยู่ในวัตถุรอบตัวคุณ ตอนซื้อหยิบขึ้นมาเพราะนึกว่าอ่านง่ายตามสไตล์แซลมอน แต่ที่ไหนได้เนื้อหาข้างในกลับอัดแน่นเต็มไปด้วยสาระ เรื่องราว ประวัติศาสตร์ การเมือง ข้อคิด และอื่นๆอีกมากมาย ถ้าจะเป็นแซลมอน ก็คงเป็นปลาแซลมอนตัวใหญ่ที่กินจนสมองกางแทนพุง

ดรามา สุตรา เป็นหนังสือที่เล่าประวัติศาสตร์การเมือง การปกครอง ผ่านสิ่งของรอบตัวที่เราคิดว่ารู้จักดี แต่แท้จริงแล้วกลับไม่รู้จักเลย ไม่ว่าจะเป็น เกลือ

เกลือ ที่มีตั้งอยู่บนโต๊ะอาหารทั่วไป หรือมีเก็บไว้ในครัวของทุกบ้าน รู้หรือไม่ว่าในอดีตนั้นเกลือไม่ได้หาง่าย จนเททิ้งขว้างได้อย่างทุกวันนี้

ครั้งหนึ่งเกลือมีค่าดั่งเงิน จนคำว่า Salary ที่แปลว่าเงินเดือน ก็มีรากคำที่มาจากคำว่า เกลือ ที่ใช้จ่ายแทนค่าจ้างนักรบทหารในสมัยก่อน

ที่เกลือมีค่าดั่งเงิน ก็เพราะในสมัยโบราณไม่ได้ตู้เย็นให้เราเก็บอาหารได้เหมือนทุกวันนี้ แต่ต้องใช้เกลือในการถนอมอาหาร ให้สามารถเก็บไว้กินข้ามเดือนข้ามปีได้

อาณาจักรไหนที่มีเกลือมากๆ ก็เหมือนว่ามีขุมทรัพย์ หรือขุมกำลังมากมาย ถ้ามีเกลือแต่บริหารจัดการไม่เป็น ก็จะตกเป็นเป้าหมายของอาณาจักรอื่นให้มาตีเมืองเอาเกลือไป แต่ถ้าบริหารดีๆก็สามารถขยายอาณาจักรให้ยิ่งใหญ่ได้เหมือนกัน

เหมือนกับประเทศที่มีน้ำมันแต่ไม่สามารถปกครองตัวเองได้ เพราะถูกรุกรานยังไงล่ะครับ

ต่อจากเกลือ ก็มาที่เรื่องของ “กำแพง”

กำแพง สิ่งก่อสร้างคุ้นตาจนเรามองข้ามไม่เคยตั้งคำถามว่า กำแพง นั้นเกิดมาจากสาเหตุใด หรือเคยมีความสำคัญยังไงในประวัติศาสตร์

ต้องบอกว่าสำคัญมากครับ เพราะถ้าไม่มีสิ่งประดิษฐ์เทคโนโลยีที่เรียกว่า “กำแพง” มนุษย์ก็คงยังไม่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร หรือสามารถเผาผลาญโลกได้อย่างทุกวันนี้

เพราะกำแพง เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่แยกเราออกจาก ธรรมชาติในตอนแรก แยกเราออกจากภัยธรรมชาติต่างๆ ให้เราไม่ต้องกลัวน้ำ กลัวลม หรือกลัวว่าสัตว์ร้ายจะเข้ามาทำร้ายเราในยามเผลอ

เมื่อเกิดกำแพง ก็เกิดเป็นพื้นที่ควบคุมได้ของมนุษย์ ทำให้มนุษย์สามารถใช้เวลาไปกับการทำสิ่งอื่นที่มีประโยชน์มากขึ้น ลดการใช้เวลาไปกับการระวังภัยลง

แต่กำแพงเดียวกันนั้น เมื่อกันมนุษย์ออกจากธรรมชาติแล้ว ก็ยังกันมนุษย์ ออกจากมนุษย์ด้วยกันเองอีกด้วย

กันบ้านเราออกจากบ้านเค้า เกิดเป็นพื้นที่ส่วนตัวมากขึ้น ไม่มีพื้นที่สาธารณะร่วมกันเหมือนเดิม เหมือนสมัยมนุษย์ยังคงล่าสัตว์เก็บของป่าขาย แค่นั้นยังไม่พอ อีกคุณประการหนึ่งของกำแพงก็คือการทำให้การสู้รบลดน้อยลงไปอีกด้วย

เพราะการสู้รบนั้นต้องคำนวนต้นทุนและโอกาสในการที่จะได้ซึ่งชัยชนะมา ถ้าคิดว่ายกทัพไปแล้วจะตีไม่ชนะ ก็จะได้ไม่พลาดต้องเสียกำลังพล เสียงกำลังทรัพย์ และเสียเวลาไปตี เพราะถ้าพลาดมาแล้วมีโอกาสที่เมืองอื่นจะฉวยโอกาสเข้ามาซ้ำเราได้

เมื่อมนุษย์รบราฆ่าฟันกันน้อยลง ก็มีเวลาพัฒนาสิ่งอื่นๆมากขึ้นครับ โดยเฉพาะสะสม “ความรู้” ออกมาถ่ายทอดให้กับคนรุ่นหลังต่อไป

โดยเฉพาะเมื่อมี “แท่นพิมพ์” มาเพื่อ “จัดการกับความรู้”

สมัยก่อนนั้น “ความรู้” เป็นสิ่งที่ถูกสงวนไว้กับคนบางกลุ่ม หรือชนชั้นสูงผู้ปกครองเท่านั้น ไม่ใช่ว่าใครๆก็จะมาร่ำเรียนหนังสือได้ง่ายดายอย่างทุกวันนี้นะครับ

เพราะในสมัยก่อน สมัยที่ยังไม่มีแท่นพิมพ์นั้น ต้องเรียนรู้กันผ่าน ปาก และ หู ใช้การ พูด ฟัง และ จำ ให้ขึ้นใจ จะดีขึ้นอีกหน่อยก็คือมีการ “เขียน” แต่การเขียนนั้นก็อย่างที่รู้ ถ้าใครเคยถูกครูให้เขียนลายมือว่า “ผมจะไม่คุยในห้องเรียนอีกแล้วครับ” เต็มหนึ่งหน้ากระดาษ ก็จะรู้ว่างานเขียนนั้นมันหนักหนาและต้องใช้เวลาขนาดไหน

เมื่อการถ่ายทอดความรู้ถูกจำกัด ผ่านการเขียนของคนบางกลุ่มที่มีความสามารถ หนังสือแต่ละเล่มในสมัยก่อนจึงมีราคาแพงมาก เพราะต้องคัดด้วยมือทั้งเล่ม ทำให้มีน้อยคนนักที่จะเข้าถึงความรู้ได้จริงๆ

แต่เมื่อ “แท่นพิมพ์” ของ Gutenberg เข้ามาปฏิวัติตรงนี้ ทำให้อาชีพอาลักษณ์ที่เคยต้องคัดหนังสือต้องหายไป เพราะสามารถพิมพ์หนังสือจำนวนมากออกมาได้ง่ายๆ

แต่ปัญหาที่ตามมาคือ ภาษาที่ใช้ในการพิมพ์ช่วงแรกนั้นเป็นภาษา “ละติน” หรือภาษาเฉพาะของชนชั้นสูงในยุโรปในช่วงเวลานั้น

กว่าการพิมพ์จะขยับขยายมาเป็นภาษาฝรั่งเศษ จนกลายมาเป็นภาษาอังกฤษ ก็ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่เหมือนกัน

พอรู้แบบนี้แล้วรู้แล้วใช่มั้ยครับว่า วันนี้เราโชคดีแค่ไหนที่เราสามารถอ่านรู้อะไรก็ได้ ไม่ต้องยุ่งยากเหมือนในสมัยก่อนแล้ว แต่ในยุคที่เราสามารถเข้าถึงความรู้ได้ง่ายๆ เราก็ต้องรู้จักคัดกรองว่า “อะไรที่ควรเสียเวลาให้รู้” และ “อะไรที่ไม่ควรเสียเวลาเพื่อรู้” นะครับ

ความจริงยังมีอีกหลายเรื่อง หลายตอน ที่ไม่สามารถเอามาเล่าสรุปทั้งหมดได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสหภาพยุโรปเกิดขึ้นได้เพราะกล้องถ่ายรูป หรือ กีฬาหรือสงครามระหว่างรัฐ หรือ เรือกลและเครื่องบิน ที่เปลี่ยนโฉมหน้าของการทำสงครามไปตลอดการ

เป็นอีกหนังสือที่ดี ถ้าคุณอยากจะสะสมความรู้ไว้ในสมอง อาจจะอ่านยากกว่าแซลมอนเล่มอื่นๆหน่อย แต่ผมเชื่อว่าไม่ยากเกินไปถ้าคุณอยากจะเรียนรู้

สรุปหนังสือ Drama Sutra

อ่านแล้วเล่า สรุปหนังสือ Drama Sutra
ดรามา สุตรา สารพัดความขัดแย้งที่แฝงอยู่ในวัตถุรอบตัวคุณ
กฤติกร วงศ์สว่างพานิช เขียน
สำนักพิมพ์ Salmon Books
เล่มที่ 82 ของปี 2018
20180620

อ่านสรุปหนังสือแนวประวัติศาสตร์น่ารู้เพิ่มเติม https://www.summaread.net/category/history/

สนใจสั่งซื้อ http://www.chulabook.com/description.asp?barcode=9786162984082

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/