สรุปหนังสือ Future ปัญญาอนาคต

สรุปหนังสือ Future ปัญญาอนาคต เล่มนี้ขอเปิดด้วยคำคมในเล่มของ วินสตัน เชอร์ชิลล์ ที่ว่า “It is always wise to look ahead, but difficult to look further than you can see.”

แค่ประโยคนี้ก็ให้ความหมายของอนาคตได้ชัดเจนกว่าที่เคยเข้าใจไปเองมาตั้งนาน

ชื่อหนังสืออาจฟังดู Sci-fi นิดๆ เหมือนจะล้ำสมัยหน่อยๆ อาจจะเต็มไปด้วยเทคโนโลยีหรือเปล่านะ ความรู้สึกจากแวปแรกที่เห็นชื่อหนังสือและหน้าปกที่ออกแบบได้ดูมินิมัลสไตล์จริงๆ แต่พอเปิดอ่านเนื้อหาในเล่มกลับไม่ได้หนักอย่างที่คิดเลย

เพราะเป็นการเล่าผ่านการเดินทางของผู้เขียนที่เดินทางท่องโลกย้อนสำรวจอดีตตั้งแต่ญี่ปุ่นในยุคก่อนเปิดประเทศ หรือไปทัวร์ที่ยุโรปอิตาลีตามรอยดาร์วินชี พาให้ผมได้รู้จักกับร้านหนังสือร้านแรกในแผ่นดินยุโรปที่ชื่อว่า Galignani ที่เป็นร้านหนังสือภาษาอังกฤษในฝรั่งเศสที่เก่าแก่ที่สุด และรวมหนังสือที่น่าจะหาที่ไหนไม่ได้ในร้านนี้ด้วย (แน่นอนว่ากลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของการทัวร์ยุโรปของผมไปแล้ว)

จากบทแรกที่มีหัวข้อว่า “อดีตศึกษาเรื่องอนาคต” ก็เป็นเรื่องของราชวงศ์รัสเซียในสมัย ร.5 ที่ป่วยเป็นโรคเลือดไหลไม่หยุด จนถูกนักบวชชื่อดังเข้ามาช่วยดูแลรักษาจนกลายเป็นผู้กุมอำนาจในราชวงศ์และประเทศรัสเซียในตอนนั้นเอาไว้

นักบวชคนนั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่เราคุ้นกันดีในชื่อ “รัสปูติน” ด้วยความที่สามารถกุมอำนาจของกษัตริย์รัสเซียได้ จากการเป็นหมอนักบวชเพียงคนเดียวที่ประคับประคองอาการป่วยของกษัตริย์รัสเซียได้ แล้วอำนาจทั้งหมดจะไปไหนเสีย

แล้วก็พูดถึงเรื่องประเทศสิงค์โปรที่ถูกปล่อยเกาะลอยแพอย่างโดดเดี่ยวจากประเทศแม่มาเลเซียในยุค 1960 ในตอนแรกแม้แต่ผู้นำอย่าง ลี กวน ยู ก็ยากที่จะเชื่อว่าตัวเองจะพาประเทศมาได้ถึงทุกวันนี้ จนกลายเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำของโลก

และไม่ต้องพูดถึงประเทศอื่นๆโดยเฉพาะมาเลเซียในตอนนั้นที่คิดว่าสิงค์โปรคงจะไปไม่รอดแน่ สิงค์โปรทำอย่างไรแค่ภายในชั่วอายุคนเดียวสามารถพลิกประเทศให้ไปได้ขนาดนี้ ประเทศที่ไม่มีทรัพยากรอะไรซักอย่าง แม้แต่น้ำเปล่ายังต้องพึ่งพาจากเพื่อนบ้านมาเลเซียเลย

จนไปถูกใจผู้นำจีนคนใหม่ เติ้ง เสี่ยว ผิง ให้หันมาเอาสิงค์โปรเป็นต้นแบบของการปฏิวัติจีนใหม่ จากจีนที่เหมือนใกล้ตายกลายเป็นมังกรผงาดโลกเหนืออเมริกาก็ว่าได้ในทุกวันนี้

แล้วผู้เขียนก็เข้าสู่บทที่ 1 ด้วยการบอกให้เรา Know yourself ก่อนจะมองเห็นอนาคตได้ก็ต้องรู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน

ก็เหมือนร้านหนังสือที่ทุกวันนี้ล้มหายตายจากไปมากมาย ที่เหลือรอดมาได้ส่วนใหญ่ก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าร้านหนังสือได้อยู่หรือเปล่า เพราะสินค้าที่ขายให้ร้านอยู่ได้กลับไม่ค่อยใช่หนังสือ แต่เป็นสินค้าประเภท non-book มากกว่า แต่ในยุคที่สื่อดิจิทัลมีอิทธิพลมาก และสื่อสิ่งพิมพ์ดั้งเดิมตายไปเกือบหมด กลับมีร้านหนังสือร้านนึงในประเทศฝรั่งเศสแต่ขายหนังสือภาษาอังกฤษ ยังอยู่รอดและอยู่ดีได้ถึงทุกวันนี้ทั้งที่เป็นร้านหนังสือร้านแรกในแผ่นเดินยุโรป ร้านนี้ชื่อว่า Galignali

Galignali ตั้งอยู่ในกรุงปารีส ที่ร้านเก่าแก่ร้านแรกของยุโรปยังอยู่ได้ขนาดนี้ก็เพราะเค้า “รู้จักตัวเอง” ว่าตัวตนของร้านคือร้านขายหนังสือภาษาอังกฤษในแดนฝรั่งเศส แดนที่คนฝรั่งเศสส่วนใหญ่รังเกียจภาษาอังกฤษ และแทบไม่เข้าใจภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ เหตุผลก็มาจากประวัติศาสตร์ดั้งเดิมเพราะฝรั่งเศสถือว่าตัวเองเป็นชนชั้นสูงกว่าคนอังกฤษมาตั้งแต่สมัยโบราณ และกษัตริย์ที่ส่งไปปกครองอังกฤษแรกๆก็มีเชื้อสายฝรั่งเศษ และภาษาอังกฤษเองก็เป็นหนึ่งในภาษาลูก หรือภาษาใหม่ที่มีส่วนผสมของภาษาฝรั่งเศษเป็นภาษาแม่จนถึงทุกวันนี้

กลับมาที่เรื่องของร้าน Galignali ว่าทำไมผ่านมาหลายร้อยปีขนาดเคลมบอกใครๆว่าตัวเองเป็นร้านแรกของทวีปยุโรปนี้ถึงยังอยู่รอดมาได้ ก็เพราะร้านเลือกที่จะขายหนังสือภาษาอังกฤษ และคัดหาหนังสือหายากดีๆที่ไม่น่าจะหาที่ไหนได้ง่ายๆไว้ในร้าน ด้วยเหตุนี้เลยทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องแวะมาหาหนังสือที่ร้านนี้ถ้าได้แวะมาที่ปารีส และยิ่งรู้ว่าร้านนี้มีหนังสือที่หายากและคัดมาอย่างดี ก็ทำให้ยากที่จะลังเลไม่ซื้อในตอนนี้

เพราะพวกที่ชอบหนังสือจะรู้ดีว่าหนังสือดีๆถ้าไม่ซื้อตอนนี้ก็อาจจะพลาดไปทั้งชีวิต ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ร้านเก่าแก่ที่สุดร้านนี้ มีลูกค้าที่ชัดเจน เหตุผลที่จะขายได้ ทั้งหมดนี้เริ่มจากการที่ “รู้จักตัวเอง” ให้ดีก็เลยมีอนาคตที่ชัดเจน

และนี่ก็เป็นแค่หนึ่งเรื่องในสิบตอนของหนังสือเล่มนี้ที่ประกอบด้วย อดีตศึกษาอนาคต, รู้จักตัว, จัดการตน, ยืนบนจุดแข็ง, แสวงหาจิตวิญญาณ, ประสานสร้างตนใหม่, มั่นในทิศทาง, สร้างสรรค์อัตลักษณ์, นักออกแบบอนาคต, เล็กและงดงาม และสุดท้าย นิยามอดีต

ผมคงไม่สามารถเล่าทั้งหมดในที่นี้ได้ เพราะถ้าทำอย่างนั้นมันก็คงหมดสนุกสำหรับคนที่มีแล้วแต่ยังไม่อ่าน หรือพออ่านแล้วสนใจอยากจะซื้อ ถ้าผมแนะนำได้ผมอยากจะแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้กับ “ทุกคน” ที่ยังอยู่ในโลกปัจจุบัน

อ่านเพื่อเตรียมตัวพร้อมอนาคตที่กำลังจะมาถึง ไม่ยึดติดกับอดีต แต่อยู่กับปัจจุบัน เมื่ออนาคตมาคุณก็จะไม่หลุดจากช่วงเวลานั้น ผมยังยืนยันและการันตีว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านง่ายและน่าอ่าน แค่มีเวลาซักหนึ่งวันสบายๆผมเชื่อว่าไม่ว่าใครก็ต้องอ่านจบได้ง่ายๆ และต้องได้มุมมองความคิดอะไรใหม่ๆด้วยแน่ๆ

ขอให้คุณเห็นอนาคตของคุณเองครับ

อ่านแล้วเล่า โพสครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2018

สรุปหนังสือ Future ปัญญาอนาคต
ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เขียน
สำนักพิมพ์ openbooks

อ่านสรุปหนังสือของคุณ ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา เพิ่มเติม https://www.summaread.net/?s=%E0%B8%A0%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B9%82%E0%B8%8D+%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B2

สนใจสั่งซื้อได้ที่ https://www.asiabooks.com/future-166046.html

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/