How Happiness Works ความสุขทำงานอย่างไร

จากนักเศรษฐศาสตร์ด้วยความสุขและพฤติกรรม ที่มีดีกรีระดับปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ ที่ปัจจุบันเป็นถึงศาสตราจารย์ทางด้านวิทยาศาสตร์พฤติกรรมไปแล้ว ณัฐวุฒิ เผ่าทวี คนนี้เขียนบอกเล่าเรื่องราวของ ความสุข พฤติกรรม และ เศรษฐศาสตร์ เอาไว้ให้อ่านเข้าใจง่าย แถมยังสนุกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงินไม่ใช่ความสุข เค้าเล่าว่าจากงานวิจัยร่วมของ Daniel Kahneman (เจ้าของรางวัลโนเบลด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ที่เขียนหนังสือชื่อดังแต่ยังไม่มีแปลไทยอย่าง think fast and slow) พบว่า คนที่มีเงินเยอะแทนที่จะใช้เวลาพักผ่อนหาความสุข กลับเป็นว่าพวกเขาใช้เวลาทำงานมากกว่าคนที่มีเงินน้อยกว่า และผลก็คือความเครียดที่มากกว่าที่เรามักชอบคิดว่า คนรวยมักจะมีความสุขนั่นเองครับ แต่ถ้าไม่มีเงินเลยนั่นก็ทุกข์อีกเรื่องเลยนะครับฉะนั้นทำงานหาเงินให้พอดี แล้วก็ใช้เวลาหาความสุขให้ตัวเองบ้างนะครับ…

DeScience

เป็นหนังสือที่รวมเรื่องราวความคิดเบื้องหลังงานออกแบบระดับโลก ที่ไม่ใช่แค่แรงบันดาลใจเบื้องหลังงานออกแบบแต่ละชิ้นเท่านั้น แต่ยังเป็นวิทยาศาสตร์หรือภูมิความรู้เบื้องหลังของงานออกแบบชิ้นนั้นด้วย ชื่อหนังสือเลยเป็นการเล่นคำให้พ้องกับการออกเสียงว่า Design มาเป็น De+Science ที่บอกให้รู้ว่าในเบื้องหลังนั้นมีวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์คอนเซ็ปต์คาร์ของเบนซ์ ที่มีชื่อว่า Bionic Car ที่ดูจากหน้าตาอาจจะประหลาดจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเบนซ์ เพราะมองแล้วเหมือนปลามากกว่า แต่ก็ใช่ครับ Bionic Car รถยนต์ต้นแบบของเบนซ์รุ่นนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากปลา แล้วก็ไม่ใช่ปลาธรรมดาด้วยนะครับ แต่เป็นปลาบ็อกซ์ฟิช Boxfish ที่อาศัยอยู่ในแนวประการังแถบแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย โดยปลาสายพันธุ์นี้ก็จะรูปเหลี่ยมๆตามชื่อ อ่านถึงตรงไหนหลายคนอาจมีคำถามว่า ในเมื่อเจ้าบ็อกซ์ฟิชหน้าตารูปทรงดูเหลี่ยมๆเหมือนลูกเต๋า ทำไมถึงเอามาใช้ออกแบบเป็นรถต้นแบบของเบนซ์ซะล่ะ อย่างเบนซ์ควรต้องเป็นปลาฉลามที่ดูปราดเปรียวดุดัน หรือมีระดับกว่านี้รึเปล่า แต่อย่างที่บอกครับว่าเบื้องหลังการออกแบบของหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้อ้างอิงอยู่กับความสวยงาม…

21 Lessons for the 21st Century 21 บทเรียนสำหรับศตวรรษที่ 21

ชีวิตในศตวรรษนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิดเลยนะครับ และถ้าคุณคิดว่ามันยากแล้วที่จะใช้ชีวิตในศตวรรษนี้ แต่เหมือนว่าความเป็นจริงที่น่าจะเกิดขึ้นนั้นกลับยากยิ่งกว่าจะจินตนาการไหว จนผมคิดว่าที่คิดๆกันว่า “ยาก” อยู่แล้วนั้นอาจจะกลายเป็น “ง่ายไปเลย” เมื่อเจอกับความน่าจะเป็นที่จะถาโถมเข้ามาดุจพายุทั้งหลายด้านพร้อมๆกัน หนังสือเล่มนี้บอกถึง 21 สิ่งสำคัญที่น่าจะเกิดขึ้นในศตวรรษนี้ ในศตวรรษที่เราส่วนใหญ่จะมีอายุยืนกว่าคนในวันนี้มาก หรือเอาง่ายๆว่าถ้าค่าเฉลี่ยของอายุคนในวันนี้อยู่ที่ 70 กว่าปี แต่เด็กที่เกิดตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นไปน่าจะอายุยืนกันถึง 100 ปีเป็นเรื่องปกติ แล้วเมื่อเราอายุยืนขึ้นแต่การใช้ชีวิตกลับยิ่งยากขึ้นอย่างที่ยากจะจินตนาการได้ แต่หนังสือเล่มนี้ก็พอให้แนวทางที่น่าสนใจและก็มีความเป็นไปได้ไม่มากก็น้อยที่ให้เราได้เตรียมตัวรู้เพื่อจะรับมือสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น หรือถ้าไม่เกิดขึ้นก็ถือว่าโชคดีเสียด้วยซ้ำ ผมว่าหนังสือเล่มนี้ถ้าคุณได้อ่านหนังสือ “ทางรอดในโลกใบใหม่ แห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ของ Klaus Schwab”…

ฟายน์แมน อัจฉริยะโลกฟิสิกส์ Surely you’re joking Mr.Feynman

ฟายน์แมนคนนี้ คงไม่ต้องบอกว่าอัจฉริยะขนาดไหน เพราะมีรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์เป็นเครื่องยืนยัน แต่ที่สำคัญยังเป็นอัจฉริยะในด้านการอำ และการกวนคนรอบตัวอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เลยไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทฤษฎีพลศาสตร์ไฟฟ้าควอนตัม ซึ่งนำไปสู่รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี 1965 ที่ทำให้เค้าโด่งดังซักเท่าไหร่ แต่กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวในชีวิตของเค้า กับวีรกรรมสุดกวนที่อ่านไปยิ้มไป หัวเราะไป ได้ไม่น่าเชื่อ สารภาพตรงๆผมอ่านแล้วขำในร้านกาแฟ และรถไฟฟ้าก็หลายครั้ง ส่วนครั้งไหนที่พอรู้ตัวหน่อยผมจะอมยิ้มเพราะกลั้นขำไว้ในใจ กลัวคนหาว่าผมบ้าที่อ่านหนังสือชีวประวัติของนักฟิสิกส์แล้วขำเหมือนอ่านขายหัวเราะ ทั้งที่ฟายน์แมน ชายผู้นี่เป็นส่วนหนึ่งของทีมนักวิทยาศาสตร์สำคัญที่ทำให้อเมริกาสร้างระเบิดปรมาณูได้สำเร็จ จนพลิกเอาชนะสงครามโลกครั้งที่สองได้ ชายผู้เคยหลงไหลบราซิล จนต้องขอลางานประจำเป็นปี เพื่อไปสอนวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ให้กับเด็กๆชาวบราซิลหลายต่อหลายครั้ง และก็กล้าพูดวิจารณ์ออกสื่อต่อหน้าผู้คนมากมายในวันส่งท้ายการสอนของเค้าว่า การศึกษาที่บราซิลนั้นล้มเหลวขนาดไหน เพราะที่นั่นสอนให้เด็กท่องจำตำรา โดยไม่สอนให้เกิดความเข้าใจที่แท้จริงของการเรียน และยังไม่กระตุ้นให้เด็กเกิดคำถามกับตำราเรียน หรือผู้สอนอีกด้วย อ่านดูแล้วคุ้นๆเหมือนการศึกษาบ้านเรายังไงยังงั้น…

Unthink หลอกสมองให้ไม่ต้องคิด

เป็นหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาและพฤติกรรมของคน ที่เอาไปประยุกต์ใช้กับการตลาดและชีวิตประจำวันได้หลายเรื่อง ถ้าใครที่ชอบอ่านแนวเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม จิตวิทยา หรือจิตวิทยาสังคม แล้วอยากรู้ให้ลึกขึ้นอีกระดับ ผมแนะนำเล่มนี้ เนื้อหาโดยสรุปคือ…เรามักคิดว่าเราใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา และมีสติในการเลือกหรือตัดสินใจแทบทุกเรื่องในชีวิต แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย เราแทบไม่ได้คิดก่อนจะเลือกเสมอไปอย่างที่เราชอบคิด แต่เราจะคิดเมื่อเลือกไปแล้ว คิดให้เหตุผลหลังเลือก ไม่ใช่เลือกอย่างมีเหตุผล จากการทดลองในเล่มที่น่าสนใจหลายเรื่อง แต่ขอหยิบบางเรื่องที่เห็นว่าน่าสนใจจริงๆมาสรุปให้ฟังก็แล้วกันครับ เราไม่ได้หัวใจเต้นแรงเพราะตกหลุมรักใครบางคนเสมอไป แต่บางครั้งเราตกหลุมรักใครบางคนตรงหน้าเพราะหัวใจเรากำลังเต้นแรงอยู่ จากการทดลองที่ให้ผู้ชายหญิงเดินข้ามสะพานสูงที่เชื่อมระหว่างสองผา พบว่าชายหรือหญิงที่เดินข้ามสะพานที่น่าหวาดเสียวนี้มา รู้สึกว่าตัวเองประทับใจฝ่ายตรงข้ามที่รออยู่ปลายสะพานมากกว่าผู้ทดลองอีกกลุ่ม ที่ให้เดินข้ามทางธรรมดาปกติที่ไม่ได้หวาดเสียวไปกระตุ้นการเต้นของหัวใจแต่อย่างไร ผลคือชายหญิงที่เดินข้ามสะพานสูงที่น่าหวาดเสียวมีอาการทางร่างกายคล้ายกับการตกหลุมรักใครบางคนจนหัวใจเต้นแรง เลยทำให้ปิ๊งกับคนปลายทางจนมีการขอเบอร์ติดต่อกันหลังจากนั้นมากกว่ากลุ่มที่เดินข้ามทางปกติไม่หวาดเสียวกระตุ้นให้หัวใจเต้นแรง ถ้ารู้แบบนี้แล้วอยากให้ใครซักคนตกหลุมรัก ให้พาไปเล่นรถไฟเหาะ หรือดูหนังสยองขวัญแทนหนังรักนะครับเดทหน้า แถมการใส่เสื้อสีแดงที่สื่อถึงความร้อนแรง ก็ยังทำให้คุณดูน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย อันนี้เค้าทดสอบมาแล้ว…

ISAAC NEWTON

นี่คือหนังสือชีวประวัติของคนที่น่าจะดังที่สุดในโลกคนหนึ่งตลอดกาลก็ว่าได้ เซอร์ ไอแซก นิวตัน ชายผู้ค้นพบแรงโน้มถ่วง ชายผู้ปฏิวัติคณิตศาสตร์ ชายผู้ทำให้ปราชญ์จากกรีกโบราณหรือนักคิดก่อนหน้าหลายคนต้องเผาผลงานทิ้งเพราะการค้นพบของเค้า ไอแซก นิวตัน ชายที่คนทั่วโลกน่าจะรู้ประวัติอย่างย่อของเค้าเป็นอย่างดีว่าเค้าค้นพบแรงโน้มถ่วงเพราะแอปเปิลหล่นลงมา หรืออาจจะหล่นใส่หัวตอนที่นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิล แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วแอปเปิลอาจไม่ได้หล่นใส่เค้า หรือแม้แต่เค้าอาจจะไม่ได้นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิลก็ได้ เพราะแอปเปิลคือสัญลักษณ์ของความรู้ และอาจเป็นการหยิบเอามาเป็นตัวแทนของความรู้ใหม่ในแบบฉบับของนิวตัน นิวตันเคยเขียนจดหมายเปรียบเปรยเรื่องการค้นพบแรงโน้มถ่วงทำนองว่า ก็เหมือนกับผลแอปเปิลนั้นบนต้นไม้นั่นแหละ เหตุใดผลมันจึงไม่ลอยชี้ออกไป ทำไมผลนั้นถึงชี้ลงมาด้านล่วง ทำไมมันถึงไม่เหมือนกับการที่เราเอาเชือกรัดก้อนหินแล้วหมุนมันจนมันชี้ออกไปรอบนอก นั่นก็เพราะต้องมีแรงบางอย่างที่กระทำต่อมันเหมือนที่เชือกทำ เหมือนที่โลกทำกับดวงจันทร์ เหมือนที่ดวงอาทิตย์ทำกับโลก และเหมือนที่โลกทำกับแอปเปิล และที่นิวตันเลือกแอปเปิล หนังสือเล่มนี้ก็บอกว่าบางทีเพราะนิวตันนั้นเคร่งในศาสนาไม่น้อย และแอปเปิลก็เป็นผลไม้สำคัญในพระคัมภีร์เดิมอยู่แล้ว ช่างประจวบเหมาะลงตัวไม่น้อยเลยใช่มั้ยครับ ขณะเดียวกันเซอร์ ไอแซก…

คเณิร์ตศาสตร์

เรียนเลขไปทำไม..ใครรู้บ้าง นั่นซิครับ จนผมอายุเข้าเลข 3 กลางๆแล้วหลายอย่างที่เรียนมาสมัยมัธยมจนวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าเรียนไปทำไม ในฐานะที่ผมเป็นเด็กสายวิทย์คณิตคนหนึ่ง(อย่าถามเรื่องเกรดเฉลี่ยจบมาเท่าไหร่ บอกได้แค่ว่ามันเลวร้ายจนคุณจะต้องช็อกถ้าได้รู้)ที่ต้องเรียนคณิตศาสตร์มากมั้ย ทั้ง matrix ทั้งแคลคูลัส ทั้ง log ทั้งบลาๆๆเต็มไปหมด ก็นั่นแหละครับ เรียนแบบไทยๆจบออกไปแบบงงๆ เพราะผู้สอนก็ไม่เคยบอกให้รู้ว่าไอ้ที่ต้องเรียนเนี่ยมันเกี่ยวกับชีวิตประจำวันเรายังไง เพราะถ้าบอกให้รู้ซักนิดเชื่อว่าเด็กส่วนใหญ่คงรักที่จะเรียนคณิตศาสตร์ขึ้นอีกเยอะ จนผมได้รับหนังสือเล่มนี้จากคุณ Pornput Suriyamongkol ที่อยู่ดีๆก็ inbox มาบอกว่ามีหนังสือเล่มหนึ่งอยากส่งมาให้ลองอ่านดู และพอได้รับก็ถึงรู้ว่าเค้านี่แหละคือผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ พออ่านจบผมพบว่าถ้าคุณพรพุฒิ สุริยะมงคล ผู้เขียนมาเป็นครูสอนคณิตศาสตร์สมัยผมเรียน…

Fragrant โลกเร้นลับของกลิ่นหอม

กลิ่นล่าสุดที่คุณได้กลิ่นมาคือกลิ่นอะไรครับ ส่วนผมเพิ่งได้กลิ่นข้าวไข่เจียวหมูสับที่ชวนเรียกน้ำย่อยมื้อเย็นมาเมื่อกี๊เลย คุณอาจจะได้กลิ่นจากน้ำหอม หรือกลิ่นจากห้องนอนเป็นประจำ กลิ่นนั้นสามารถเรียกความทรงจำเราให้นึกถึงตอนที่เราเคยได้กลิ่นนั้น แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแสนนานแล้วก็ตาม ทำให้คุณกลับมารู้สึกว่าเหมือนเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง นั่นคือเสน่ห์ของกลิ่นอย่างที่ประสาทสัมผัสไหนก็ให้ไม่ได้ เพราะแค่เราลองหลับตาแล้วดมกลิ่น จินตนาการบวกกับความทรงจำจะสามารถพาเราได้ทุกที่บนโลกภายในพริบตา และที่กลิ่นนั้นกระตุ้นความทรงจำเราได้ดีนั้นก็เพราะสมองกลีบหน้าของเรานั้นต่อตรงเข้ากับการรับกลิ่น ทำให้ทุกครั้งที่เราได้กลิ่นเรามักจะนึกถึงความทรงจำนั้นได้ดีกว่าการเห็นได้หรือยินอยู่เสมอ ถ้าใครเคยสูญเสียคนรักไป เคยเป็นมั้ยครับที่ว่าเวลาเราได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเค้า ไม่ว่าจะน้ำหอมกลิ่นประจำตัวเค้า หรือกลิ่นตัวเค้าจากเสื้อผ้าชุดเก่าเค้า เรามักจะต้องเผลอตกลงไปในห้วงความทรงจำจนน้ำตาต้องไหลเป็นประจำใช่มั้ยครับ หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณได้รู้จักกลิ่นแบบที่คุณไม่เคยรู้จัก แต่ไม่ใช่ผ่านการดม แต่เป็นด้วยการดู ดูผ่านตัวอักษรทีละตัว ตัวหนังสือทีละคำ แล้วคุณจะพบว่าโลกของกลิ่นนั้นเล้นลับอัศจรรย์ยิ่งกว่าภาพยนต์เรื่อง Alice in Wonder Land เลยทีเดียว ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยอดีต มนุษย์เราก็หลงไหลในกลิ่นหอมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…

วัตถุต้องสงสัย

ช่างสงสัย ช่างตั้งคำถาม และก็ช่างพยายามหาคำตอบ สำหรับหนังสือเล่มนี้ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวง่ายๆไกล้ตัว ที่เราส่วนใหญ่มักจะมองข้ามมันไปทุกเมื่อเชื่อว่า ทั้งๆที่เรื่องก็สุดแสนจะธรรมดา แต่ไหงถึงพาไปสู่คำตอบที่แสนจะมหัศจรรย์ได้ เช่น 04 ขนกับความเป็นคน, ทำไมเราต้องโกนหนวด? ผม ในฐานะผู้ชายคนนึง ที่โกนหนวดมาเป็นประจำแทบจะวันเว้นวันตั้งแต่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นปลายๆมา ก็ไม่เคยตั้งคำถามหรือสงสัยกับเรื่องที่แสนจะธรรมดาสามัญอย่างการโกนหนวดเลย จนหนังสือเล่มนี้ได้มีคำตอบช่วงนึงที่น่าสนใจว่า 98% ของนักธุรกิจหนุ่ม 100 คนที่รวยที่สุดในโลกมีใบหน้าเกลี้ยงเกลา และจากแบบสำรวจที่พบว่าผู้หญิงประทับใจผู้ชายใบหน้าเกลี้ยงเกลามากกว่าผู้ชายหนวดเคราเฟิ้ม เพราะพวกเธอคิดว่า ชายหนุ่มที่ไว้เคราดูเป็นคนไม่ค่อยมีน้ำใจ (Less generous) ไม่ค่อยดูแลเอาใจใส่ (Less caring) และดูเป็นคนซังกะตาย…

WAKE ME UP WHEN NOW ENDS ลืมตาในอนาคต

ชื่อหนังสืออาจฟังดูย้อนแย้ง แต่เนื้อหาในเล่มนั้นเข้าใจง่ายกว่านั้นเยอะ เป็นหนังสือที่เต็มไปด้วยบทความเกี่ยวกับ เทคโนโลยี ที่ฟังดูเหมือนล้ำยุคหลุดมาจากหนัง Sci-fi แต่ในความเป็นจริงมันเกิดขึ้นแล้ววันนี้ ในโลกของเรา แค่มันยังมาไม่ถึงเราโดยตรง ไม่ได้หมายความว่ามันยังไม่เกิดขึ้นจริง ถ้าคนที่มาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผม ที่พอคุ้นกับหนังเรื่อง Minority Report หนังตำรวจล้ำยุคที่สามารถรู้ได้ว่าใครกำลังจะก่อคดีหรืออาชญากรรม แล้วสามารถจับกุมได้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นจริง ดูล้ำเหลือเชื่อเหมือนจะไม่มีวันเกิดขึ้นได้ เมื่อหลายสิบปีก่อนจนถึงตอนนี้ แต่ในวันนี้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแล้ว และเกิดขึ้นมานานนับสิบปีแล้วด้วย กรมตำรวจในบางรัฐในอเมริกามีโปรแกรมที่สามารถคาดเดาได้ว่าพื้นที่ไหนน่าจะเกิดอาชญากรรมขึ้น แล้วก็ส่งตำรวจเข้าไปดูแลพื้นที่นั้นทันที จนสามารถทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมลดต่ำลงอย่างมาก เห็นมั้ยครับว่าอนาคตที่ว่านั้นไม่ได้ไกลจากวันนี้เลย หลายๆเรื่องที่เราคิดว่าเป็นเรื่องในอนาคตนั้นปรากฏขึ้นมากมาย แค่มันยังไม่ได้อยู่ไกล้ตัวหรือให้เรารู้เท่านั้นเอง งั้นผมขอหยิบสองสามเรื่องในเล่มที่ผมเห็นว่าน่าสนใจเอามาเล่าแบบสรุปสู่กันฟัง เพื่อว่าคุณอยากจะไปหาซื้อมาอ่านเต็มๆดูเพื่อรู้จักอนาคตในปัจจุบันให้มากขึ้น Majority Illusion…