รู้ แล้ว เปลี่ยน

สรุปหนังสือ รู้แล้วเปลี่ยน ที่แต่งโดย คุณสฤณี อาชวานันทกุล เล่มนี้ตั้งแต่ปี 2016 ปัญหาโลกร้อนแต่ได้ยินมายาวนานแต่กลับเหมือนไกลตัวเราทุกคนจนไม่เคยใส่ใจ โลกร้อนแล้วยังไงก็เปิดแอร์ให้แรงขึ้นกว่าเดิมซิ..จบข่าว หนังสือเล่มนี้พูดในหลายแง่มุมของปัญหาโลกร้อน และผลกระทบที่มาจากอุตสาหกรรม ธุรกิจ รวมถึงมนุษยชาติที่ทำร้ายทำลายโลกที่เราอาศัยอยู่สะสมขึ้นทุกวัน แต่น้อยคนนักจะรับรู้และใส่ใจที่จะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในความรับผิดชอบของตัวเอง ให้เป็นมิตรต่อโลกมากขึ้น แต่ไหนแต่ไรโลกธุรกิจเชื่อว่า การจะแก้ปัญหาโลกร้อนเป็นคนละเรื่องกับการทำธุรกิจให้มีกำไรแข่งขันได้มานาน แต่หารู้ไม่ว่าการพัฒนาธุรกิจและเทคโนโลยีของคุณนั้นกลับจะทำให้คุณเหนือคู่แข่งและสร้างกำไรในธุรกิจได้ในระยะยาว หลายบริษัทชั้นนำของโลกเริ่มปรับเปลี่ยนตัวเองให้สร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ไม่ใช่แค่ลดปัญหาโลกร้อน แต่เป็นการเพิ่มกำไรเป็นกอบเป็นกำให้กับธุรกิจของตัวเองมากมาย เราทุกคนต่างใช้โลกนี้อย่างแทบไม่เคยถนอม และไม่เคยเห็นคุณค่าของโลกมานานมาก จนเราต่างลืมไปว่าปัญหาทั้งหมดบนโลกก็จะยังคงอยู่บนโลก ไม่ได้ลอยออกไปดาวดวงไหนได้ง่ายๆ ยกเว้นวันที่เราสร้างจรวดขนขยะสารพิษไปทิ้งนอกโลก แต่ก็ต้องเสียงว่ามันจะลอยกลับเข้ามายังโลกอีกหรือเปล่า ผลกระทบอาจไม่ได้เกิดขึ้นในยุคของเรา แต่ในยุคหน้าในรุ่นลูกหลานของเราล่ะ เมื่อวันนึงเค้าย้อนถามกลับมาว่า…

เรื่องเล่าจากร่างกาย

สรุปหนังสือ เรื่องเล่าจากร่างกาย เล่มนี้ เป็นหนังสือที่ผมดองไว้นานมาก มากจนไม่คิดว่าจะได้หยิบขึ้นมาอ่านอีกครั้ง ด้วยเล่มที่ดูใหญ่โตกว่าปกติ แถมความหนาก็ไม่น้อย ทำให้แอบกลัวๆว่า “อย่างเราอ่านแล้วจะเข้าใจมั้ยนะ?” แต่ต้องบอกว่าที่ผมเปลี่ยนความคิดนี้ไปเพราะเล่มก่อนหน้าที่ผมอ่านคือ สงครามที่ไม่มีวันชนะ ของผู้เขียนคนเดียวกัน โดย นพ. ชัชพล เกียรติขจรธาดา ที่น่าจะเขียนหนังสือขายดีจนเปิดสำนักพิมพ์ของตัวเองได้ ขอคาราวะตรงนี้เลยครับ ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าคุณหมอท่านนี้สามารถเขียนหนังสือเล่าเรื่องได้อย่างสนุกมาก มากจนคิดว่าถ้าคุณหมอมาเป็นครีเอทีฟโฆษณาคงสามารถสร้างผลงานที่เป็นที่จดจำได้มากมายแน่ๆ เพราะสามารถเปลี่ยนเรื่องยากให้กลายเป็นง่าย และก็ทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น ทำให้เรื่องอย่างร่างกายของเราที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เกิด อยู่กับผมมาตั้งสามสิบกว่าปี กลายเป็นเรื่องใหม่ที่มีอะไรให้น่าเรียนรู้และอ่านตามจนไม่อยากให้จบเลยทีเดียว ผมว่าหนังสือเรื่องนี้เหมือนหนังสือประวัติศาสตร์สิ่งมีชีวิตและมนุษยชาติ ที่ไม่ต้องออกไปขุดหินดำน้ำเพื่อสำรวจหาซากประวัติศาสตร์จากไหน แค่สำรวจร่างกายของเราให้ดี แล้วเราจะพบว่ามันเต็มไปด้วยเรื่องมหัศจรรย์พันลึกกว่าที่คิดและจินตนาการได้เลยครับ เพราะคุณรู้มั้ยว่ามนุษย์โลกเราทุกคนในวันนี้นั้นต่างมีบรรพบุรุษร่วมกันทั้หมด…

Fragrant โลกเร้นลับของกลิ่นหอม

กลิ่นล่าสุดที่คุณได้กลิ่นมาคือกลิ่นอะไรครับ ส่วนผมเพิ่งได้กลิ่นข้าวไข่เจียวหมูสับที่ชวนเรียกน้ำย่อยมื้อเย็นมาเมื่อกี๊เลย คุณอาจจะได้กลิ่นจากน้ำหอม หรือกลิ่นจากห้องนอนเป็นประจำ กลิ่นนั้นสามารถเรียกความทรงจำเราให้นึกถึงตอนที่เราเคยได้กลิ่นนั้น แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานแสนนานแล้วก็ตาม ทำให้คุณกลับมารู้สึกว่าเหมือนเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง นั่นคือเสน่ห์ของกลิ่นอย่างที่ประสาทสัมผัสไหนก็ให้ไม่ได้ เพราะแค่เราลองหลับตาแล้วดมกลิ่น จินตนาการบวกกับความทรงจำจะสามารถพาเราได้ทุกที่บนโลกภายในพริบตา และที่กลิ่นนั้นกระตุ้นความทรงจำเราได้ดีนั้นก็เพราะสมองกลีบหน้าของเรานั้นต่อตรงเข้ากับการรับกลิ่น ทำให้ทุกครั้งที่เราได้กลิ่นเรามักจะนึกถึงความทรงจำนั้นได้ดีกว่าการเห็นได้หรือยินอยู่เสมอ ถ้าใครเคยสูญเสียคนรักไป เคยเป็นมั้ยครับที่ว่าเวลาเราได้กลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเค้า ไม่ว่าจะน้ำหอมกลิ่นประจำตัวเค้า หรือกลิ่นตัวเค้าจากเสื้อผ้าชุดเก่าเค้า เรามักจะต้องเผลอตกลงไปในห้วงความทรงจำจนน้ำตาต้องไหลเป็นประจำใช่มั้ยครับ หนังสือเล่มนี้จะทำให้คุณได้รู้จักกลิ่นแบบที่คุณไม่เคยรู้จัก แต่ไม่ใช่ผ่านการดม แต่เป็นด้วยการดู ดูผ่านตัวอักษรทีละตัว ตัวหนังสือทีละคำ แล้วคุณจะพบว่าโลกของกลิ่นนั้นเล้นลับอัศจรรย์ยิ่งกว่าภาพยนต์เรื่อง Alice in Wonder Land เลยทีเดียว ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยอดีต มนุษย์เราก็หลงไหลในกลิ่นหอมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…

ปัญญารวมหมู่ The Perfect Swarm : The Science of Complexity in everyday life

ว่าด้วยเรื่องของการรวมหมู่รวมกลุ่มของสิ่งมีชีวิตต่างๆตั้งแต่แบคทีเรีย ตั๊กแตน ปลาทะเล จนถึงมนุษย์ ที่จะอยู่ร่วมกัน การอยู่ร่วมกันของสิ่งมีชีวิตไม่ว่าประเภทไหนต่างต้องพึ่งพากฏระเบียบหรือรูปแบบเพื่อทำให้สามารถดำรงอยู่ร่วมกันได้ หรือเพื่อให้เผ่าพันธุ์นั้นยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นอีก เช่น รูปแบบพฤติกรรมของตั๊กแตนลาคอส ที่รวมฝูงกันทำร้ายมนุษย์และทำลายพืชผลต่างๆจนกลายเป็นวิกฤตหายนะหลายต่อหลายครั้งในเผ่าพันธุ์มนุษย์ตั้งแต่โบราณ ตามเรื่องเล่าตำนานที่มักจะเล่ากันว่าฝูงห่าตั๊กแตนมารุมกินพืชสวนไร่นาจนทำให้มนุษย์ต่างต้องอดตายไปทั้งหมด และไม่เพียงเท่านั้นแต่มันยังกัดกินกันเองด้วยซ้ำเมื่อไม่มีอะไรเหลือให้กิน ซึ่งก็เป็นจุดสิ้นสุดของฝูงมฤตยูตั๊กแตน แต่เบื้องหลังการกระทำเหล่านั้นคือโดยธรรมชาติตั๊กแตนลากอสไม่ได้มีพฤติกรรมดุร้ายหรือก้าวร้าว แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พวกมันเริ่มรวมฝูงกันเกิน 7 ตัว พฤติกรรมการออกล่าก็เริ่มต้นขึ้น เริ่มรวมตัวกันมากขึ้นจนกลายเป็นเหมือนเมฆดำจนท้องฟ้ามืดมิด การเคลื่อนที่ของตั๊กแตนฝูงเหล่านั้นอาจดูซับซ้อนมากเกินกว่าจะหาเหตุผลให้มันได้ แต่เชื่อมั้ยว่าจริงๆแล้วมีกฏอยู่แค่ 3 ข้อเท่านั้นที่ควบคุมฝูงตั๊กแตนนับล้านๆตัว 1. เคลื่อนที่ให้ทันตัวหน้า2. เคลื่อนที่อย่าให้ช้ากว่าตัวหลังเพราะไม่งั้นจะโดนกิน3. เว้นที่ว่างด้านข้างให้พอที่จะบินได้สะดวก จาก 3 กฏเบื้องต้นนี้กลายมาเป็นกฏพื้นฐานของโปรแกรมแอนิเมชั่นในภาพยนต์หลายๆเรื่อง…

ประวัติศาสตร์หยาดฝน Rain: A Natural and Cultural History

ฝนเม็ดเล็ก ใครจะคิดว่าอารยธรรมที่เคยยิ่งใหญ่กลับล่มสลายเพราะขาดฝนเป็นจำนวนไม่น้อย และต่อให้ในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยเครื่องมือสุดไฮเทค และเทคโนโลยีอย่าง Big Data เราก็ยังเดาทางเดาใจฝนไม่ได้แม่นยำซักที ในยุค Big Data ที่เต็มไปด้วยเครื่องไม้เครื่องมือพรั่งพร้อม และซุปเปอร์คอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง สิ่งที่น่าทึ่งก็คือการพยากรณ์ฝนแบบไฮเทคจะเที่ยงตรงมากขึ้นด้วยฝีมือนักอุตุนิยมวิทยา เพราะคำพยากรณ์ที่มีนักอุตุนิยมวิทยามาช่วยอ่านค่า จะแม่นยำกว่าคำพยากรณ์จากคอมพิวเตอร์ล้วนๆถึง 25% นักอุตุนิยมวิทยาไม่ตกในงานยุค Big Data และ AI แล้วนะครับ ส่วนในอดีตในช่วงยุค 1560-1660 ช่วงที่ยุโรปนิยมล่าแม่มดกัน ก็ตรงกับช่วงที่เกิดภูมิอากาศเลวร้ายที่สุดในยุคน้ำแข็งน้อยในปัจจุบัน (ใช่ครับ เรายังคงอยู่ในยุคน้ำแข็งน้อยที่ร้อนขึ้นนิดหน่อย) ในช่วงนั้นการล่าแม่มดคือการหาแพะให้กับปัญญาฝนไม่ตกต้อง หรือฝนตกหนักเกินไปจนเกินควบคุม…

ความลับของดอกไม้ Flower Confidential

เรื่องราวของดอกไม้สิ่งสวยงามส่งกลิ่นหอมไกล้ตัวที่เราไม่เคยรู้ว่าจะมีความลับซ่อนอยู่มากมาย.. ..เช่น คุณรู้มั้ยว่ากุหลาบทุกวันนี้แทบไม่มีกลิ่นหอมโดยธรรมชาติเหลืออยู่แล้วเมื่อมาอยู่ในมือคุณ แต่กลิ่นที่คุณได้กลิ่นนั้นทาจากสเปรย์หอม หรือกลิ่นของยาฆ่าเชื้อราที่ถูกจุมทั้งดอกลงในถังเคมีเพื่อให้ดอกกุหลาบสวยสดอยู่นานพอจะถึงมือคุณ.. ..ดอกกุหลาบสีฟ้าที่ไม่เคยมีอยู่จริง ที่มนุษย์พยายามประดิษฐ์โกงธรรมชาติมานานหลายร้อยปีเพื่อให้ได้กุหลาบสีฟ้าที่อาจจะไม่มีใครอยากได้.. ..วันวาเลนไทน์ทำไมกุหลาบถึงแพง เพราะเครื่องบินที่ส่งดอกกุหลาบจากเอกวาดอร์หรือโคลอมเบีย ต้องบินเครื่องเปล่าตีกลับประเทศจึงทำให้ต้องเพิ่มค่าขนส่งส่วนนั้นไปในค่าดอกไม้โดยปริยาย.. ..ดอกไม้เดินทางข้ามโลกมาด้วยวิธีการมากมายเกินกว่าคุณจะนึกถึง ทั้งขั้นตอนการปลูกและโตที่ถูกควบคุมทุกขั้นตอนแทบจะเหมือนการผลิตปลากระป๋องเลย ดอกไม้กลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่อุตสาหกรรมหนึ่งของโลกเกินกว่าที่คุณจะจินตนาการออกไปแล้ว ..และสำหรับหนุ่มๆทั้งหลาย ผมขอบอกเลยว่า 14 กุมภา เป็นวันของดอกกุหลาบเท่านั้น เพราะถ้าข้ามมาเป็น 15 กุมภาคุณต้องเสียเงินซื้อ tiffany แทนแล้วล่ะ