PRESENT ปัญญาจักรวาล

สรุปหนังสือ ปัญญาจักรวาลเล่มนี้ยากมาก นี่คือความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวระหว่างอ่านใกล้จบ เพราะหนังสือปัญญาจักรวาล ของคุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา แถบจะสรุปทุกอย่างไว้หมดแล้วในหนังสือเล่มนี้ ตั้งแต่เรื่องของ ปรัชญา ปัญญา ปราชญ์ สู่ปัจจุบันว่าเราควรจะใช้ชีวิตอย่างไร ในยุค AI เข้ามาทำให้มนุษย์ดูด้อยค่าความสำคัญลงทุกวัน คุณภิญโญเล่าตั้งแต่คัมภีร์ของศาสนา หรือปราชญ์โบราณคนสำคัญต่างๆว่าต่างพูดถึงจุดเริ่มต้นของจักรวาลคล้ายๆกัน คือเริ่มจากความว่างเปล่า เริ่มจากวีลที่คล้ายกัน นั่นก็คือ “ปฐมกาล” คุณภิญโญสรุปในเรื่องปรัชญาความเชื่อเรื่องเทพเจ้าไว้อย่างน่าสนใจว่า มนุษย์เราบูชาเทพเจ้า แต่อย่าลืมว่าก็มนุษย์เรานั่นแหละที่สร้างเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นขึ้นมา ดังนั้นถ้าเทพสร้างมนุษย์ มนุษย์ก็สร้างเทพ ต่างเกื้อหนุนกันเป็นวัฏจักร ส่วนเรื่อง AI ที่หลายคนเริ่มกังวลในวันนี้…

How Happiness Works ความสุขทำงานอย่างไร

จากนักเศรษฐศาสตร์ด้วยความสุขและพฤติกรรม ที่มีดีกรีระดับปริญญาเอกที่ประเทศอังกฤษ ที่ปัจจุบันเป็นถึงศาสตราจารย์ทางด้านวิทยาศาสตร์พฤติกรรมไปแล้ว ณัฐวุฒิ เผ่าทวี คนนี้เขียนบอกเล่าเรื่องราวของ ความสุข พฤติกรรม และ เศรษฐศาสตร์ เอาไว้ให้อ่านเข้าใจง่าย แถมยังสนุกอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เงินไม่ใช่ความสุข เค้าเล่าว่าจากงานวิจัยร่วมของ Daniel Kahneman (เจ้าของรางวัลโนเบลด้านเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ที่เขียนหนังสือชื่อดังแต่ยังไม่มีแปลไทยอย่าง think fast and slow) พบว่า คนที่มีเงินเยอะแทนที่จะใช้เวลาพักผ่อนหาความสุข กลับเป็นว่าพวกเขาใช้เวลาทำงานมากกว่าคนที่มีเงินน้อยกว่า และผลก็คือความเครียดที่มากกว่าที่เรามักชอบคิดว่า คนรวยมักจะมีความสุขนั่นเองครับ แต่ถ้าไม่มีเงินเลยนั่นก็ทุกข์อีกเรื่องเลยนะครับฉะนั้นทำงานหาเงินให้พอดี แล้วก็ใช้เวลาหาความสุขให้ตัวเองบ้างนะครับ…

สูตรสุคติ The Catalogue of Death

ตาย…เรื่องใกล้ตัวที่ไม่อยากมีใครเข้าใกล้ ส่วนถ้าถามว่าใกล้แค่ไหนก็ต้องบอกว่า จากสถิติการตายส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นในบ้าน มากกว่าการตายนอกบ้านอย่างบนท้องถนนทั้งหมดเสียด้วยซ้ำ สาเหตุส่วนใหญ่คือการ ลื่นล้ม บันได จมอ่างอาบน้ำ(ในประเทศญี่ปุ่น) และอาหารติดหลอดลมตาย ส่วนนอกบ้านที่ตายกันเยอะไม่แพ้อุบัติเหตุตามท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นคนขับ เป็นคนนั่ง เป็นคนข้าม หรือเป็นคนเดิน ก็เห็นจะเป็นที่โรงพยาบาลที่คนสมัยนี้ชอบไปตายที่นั่นกัน ส่วนสาเหตุ 3 โรคหลักที่ทำให้ตายเยอะๆก็ มะเร็ง หัวใจ และหลอดเลือดในสมอง แต่ใช่ว่าทุกวัยจะตายคล้ายๆกัน เด็กส่วนใหญ่ตายก็ด้วยอุบัติเหตุ โตมาหน่อยก็ตายเพราะฆ่าตัวตายหนีความเครียด แก่ไปอีกนิดก็เริ่มเพราะโรคสะสมจากการใช้ชีวิตวัยหนุ่มสาว รวมถึงความเสื่อมสภาพของร่างกายตามวัยชรา ส่วนตายแล้วยังไงต่อ ถ้าบ้านเราก็คุ้นกันว่าต้องเผา แต่ในหลายประเทศก็มีวิวัฒนาการในเรื่องนี้ที่น่าสนใจ เช่น…

วิชาความสุข ที่มีสอนแค่ในฮาร์วาร์ด Happier

“ความสุขของเราคืออะไร?” และ “ทำไมสิ่งนี้ถึงเป็นความสุขของเรา?” คำถามแรกคือคำถามที่ผุดขึ้นมาทันทีเมื่อเริ่มอ่านและอ่านจบ ส่วนคำถามที่สองเริ่มโผล่ออกมาเมื่อย้อนคิดถึงคำถามแรก ถ้าจะบอกว่าความสุขคือจุดมุ่งหมายสูงสุดในการใช้ชีวิตของคนเราก็ไม่ผิดนัก เพราะทุกคนต่างก็ดิ้นรนแสวงหาความสุขกันทั้งนั้น เพียงแต่ “ความสุขของเราคืออะไร?” นี่คือคำถามที่ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่มีคำตอบในใจอยู่แล้ว เช่น มีรายได้พอเลี้ยงครอบครัวให้อยู่สุขสบาย (บางคนต้องการเดือนละสองหมื่น แต่บางคนก็ต้องการเดือนละสองล้าน) หรืออาจจะเป็น เมื่อทำธุรกิจประสบความสำเร็จจนมีเงินเก็บถึงจุดนึง (บางคนต้องการสิบล้านบาท หรือบางคนก็ต้องการร้อยล้านบาทขึ้นไป) หรือบางคนอาจจะเป็นการที่ได้เรียนจบเกรียตินิยม หรืออาจจะเป็นการได้ทำงานในบริษัทที่มั่นคงและมีชื่อเสียง หรืออาจจะเป็นการได้มีตำแหน่งใหญ่โต เป็น VP หรือบอร์ดบริหาร หรือบางคนอาจจะแค่ได้กินของอร่อยๆอย่างไอศกรีมซักแท่ง นั่นแหละครับความสุขที่ต่างกันไปของแต่ละคน แต่ส่วนใหญ่ก็คงคล้ายๆกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงิน บ้าน รถ งาน…

วิธีเดินทางกับแซลมอน

วิธีเดินทางกับแซลมอน เป็นหนังสือเล่มเล็กแต่กลับได้อะไรไม่น้อยกว่าหนังสือเล่มใหญ่หลายเล่มเลยในความคิดผม เพราะเต็มไปด้วยเรื่องเล่าจากเรื่องราวมากมายที่ Umberto Eco นักเขียนนักคิดชาวอิตาลีที่น่าจะเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปีก่อน (น่าเสียดายมากครับ) ถ่ายทอดผ่านภาษาที่จิกกัด เสียดสีจนสุดจะแดกดัน แต่กลับไม่รู้สึกโกรธหรือน่ารังเกียจ แถมยังทำให้เราหัวเราะชอบใจในความจริงที่แสนจะเสียดแทงความจริงที่เรามองข้ามกันไปด้วยซ้ำ ถ้าเป็นคนในบ้านเราที่ผมนึกถึงก็คงเป็นน้าเน็ก ในตอนสมัยที่ผมยังหนุ่มๆและเด็กกว่านี้ น้าเน็กเป็นดีเจหรือนักพูดที่มีฝีปากกล้ามาก กล้าด่าในเรื่องจริงที่คนไม่กล้าหรือมัวแต่เกรงใจกัน แต่ก็กลับไม่ค่อยมีใครโกรธน้าเน็กเลย กลายเป็นคนส่วนใหญ่อยากให้น้าเน็กด่าด้วยซ้ำ เพราะทุกครั้งที่ด่ากลับได้ข้อคิดกลับไปเสมอ ดังนั้นถ้าใครที่อยากได้มุมมองใหม่ๆในการมองโลกรอบตัวชีวิตประจำวันที่สนุกขึ้น หนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือที่แนะนำอย่างยิ่งในความคิดผม สารภาพตามตรงตอนที่เลือกซื้อเล่มนี้มาจากงานหนังสือเมื่อปลายปี 2560 ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้คงเต็มไปด้วยเรื่องตลกขบขันชวนให้เบาสมองจากหนังสือเล่มอื่นๆที่ผมอ่านเพื่อเอาความรู้ แต่ที่ไหนได้หนังสือเล่มนี้กลับทำให้ผมได้ทั้งหัวเราะเหมือนคนบ้านิดๆตอนขับรถ จนพี่คนขับมอไซค์ข้างๆที่จอดติดไฟแดงด้วยกันยังหันมามอง และหลายตอนก็ทำให้ผมได้ฉุกคิดต่อจนกลับมาทนทวนอะไรหลายอย่างอีกที วิธีเดินทางกับแซลมอน พาผมเดินทางไปสู่เส้นทางใหม่ๆที่น่าสนใจ และเดินทางกลับไปสู่เส้นทางเดิมในมุมมองใหม่ๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ ลองอ่านเพื่อเดินทางไปกับ…

จากศูนย์สู่ซาร่า From Zero to Zara

อามันซิโอ ออร์เตกา จากชายธรรมดากลายเป็นคนที่ร่ำรวยอันดับ 4 ของโลก ด้วยทรัพย์สินรวมกว่า 78.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (2017) ด้วยการขายเสื้อผ้าให้คนกว่าครึ่งโลกสวมใส่กัน เมื่อเทียบกับมหาเศรษฐีติดอันดับต้นๆของโลก อามันซิโอ ออร์เตกา คงดูไม่หวือหวาน่าสนใจนักสำหรับใครๆ เพราะเขาไม่ได้ร่ำรวยด้วยการทำธุรกิจเทคโนโลยีทันสมัย แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อเขาได้ติดอันดับบุคคลที่ร่ำรวย 10 อันดับแรกของโลก สปอร์ตไลท์จากความสนใจทั้งหลายก็กลับให้ความสนใจกับชายนิรนามผู้นี้อย่างมาก เหมือนจะบอกว่าอยู่ดีๆประเทศจากหมู่แฟโรอะไรก็ไม่รู้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกได้ก็ไม่ผิดนัก แล้ว Amancio Ortega ผู้นี้เป็นใคร? ทำไมเจ้าของแบรนด์ Zara ร้านขายเสื้อผ้าที่ดูไม่ได้หวือหวาหรูหราใดๆถึงได้ทำให้เขากลายเป็นคนที่รวยเป็นอันดับ 4…

Write Your Dream ฝันตื่นลงมือทำจึงสำเร็จ

เป็นเรื่องของหญิงสาวชาวบ้านที่ยากจนชาวเกาหลีคนนึง ที่มีช่วงชีวิตวัยรุ่นที่ย่ำแย่ แต่เธอสามารถเปลี่ยนให้กลายเป็นการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆอีกมากมาย เธอตั้งความฝันไว้มากมาย แล้วก็พยายามทำมันให้สำเร็จ เธอบอกว่าที่ไม่สามารถไปให้ถึงฝันได้ ส่วนใหญ่เพราะเอาแต่โทษโชคชะตาและสิ่งรอบข้าง แต่กลับลืมไปว่าสิ่งสำคัญที่ทำให้ฝันนั้นเป็นจริงได้คือตัวเราเอง หลายคนลดขนาดความฝันลงเพราะบอกว่ามันดูเพ้อฝัน และเป็นไปไม่ได้ แต่เธอบอกว่าอย่าลดขนาดความฝัน แต่ให้เพิ่มขนาดความพยายามเข้าไปแทน เธอบอกว่าชีวิตคนเราคือการวิ่งมาราธอน ถ้าเราหยุดวิ่งคนอื่นก็นำ ถ้าเรามัวแต่โทษว่ารองเท้าเราไม่ดีเท่าคนอื่น หรือเราเริ่มวิ่งช้ากว่าคนอื่นชีวิตก็คงไม่ไปไหน แล้วก็ได้อิจฉาเค้าต่อไป จงวิ่งและพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ มีความสุขและเรียนรู้กับสองข้างทางชีวิต ส่วนตัวผมชอบหนังสือเรื่องราวประวัติของคนแบบนี้ เพราะดูเป็นไปได้และไกล้ตัว มากกว่ามหาเศรษฐีพันล้านแสนล้านเสียอีก อ่านเมื่อปี 2016

TWO BE CONTINUED โปรดติดตามตอนแต่งไป

คลี่ชีวิตคู่ของมนุษย์เจเนอเรชั่นวาย โดยนิดนก เป็นเรื่องเล่าจากเรื่องราวของชีวิคหลังแต่งงานของหญิงชายเจนวายในเมืองหลวงผู้เป็นพนักงานเงินเดือนชนชั้นกลาง ที่ต้องปรับตัวการใช้ชีวิตจากแฟนเป็นผัวเมียเรื่องราวการใช้ชีวิตในหลายแง่มุม ตั้งแต่การจดทะเบียนสมรสการฮันนีมูนการเซ็ตค่าใช้จ่ายร่วมกันการปรับตัวเข้าสู่ครอบครัวของกันและกัน และอีกหลายเรื่องที่ไม่อาจจดจำได้ทั้งหมด เรื่องราวจริงประสบการณ์จริงของคู่นี้(นิดนกและเอกชัย)เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจแบบไม่มีนิยายใดๆให้อ้างอิง และไม่มีละครเรื่องไหนเคยตีแผ่ความจริงออกมาแบบนี้ เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจที่ควรส่วนใหญ่อย่างน้อยก็คนที่ทำงานเงินเดือนชนชั้นกลาง(อย่างผม)ควรอ่านศึกษาไว้เพื่อเตรียมตัวรับมือรู้เท่าทันปัจจุบันโลก เพราะโลกรุ่นพ่อแม่และโลกรุ่นเรานั้นกลายเป็นคนละโลกกันแล้วโดยสิ้นเชิง เราเติบโตมาคนละคัลเจอร์ พ่อแม่ก็ไม่เข้าใจคนรุ่นเราและคนรุ่นเราก็ไม่เข้าใจพ่อแม่ เพราะโลกนั้นเปลี่ยนไปทุกวันๆนึงข้างหน้าเราก็คงไม่เข้าใจคนรุ่นลูกหลานเราเช่นกัน ขอบคุณนิดนกและเอกชัยที่ถ่ายทอดประสบการณ์อ่านสนุกมาให้ผมได้อ่านเป็นความรู้ครับ อ่านเมื่อปี 2016

เรื่องที่ Google ไม่มีคำตอบให้เรา

โดย ท้อฟฟี่ แบรดชอว์ อ่านมาซักพักเลยรู้ว่าคนเขียนเป็นคนทำงานโฆษณาเหมือนกัน เป็นคนที่ถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ตัวเองได้ออกมาอร่อยและน่าสนใจดี หลายตอนในเล่มก็สามารถเขียนสรุปใจความจนออกมาเป็น Quote คำคมดีๆสะกิดใจคนอ่านได้ไม่น้อย เช่น.. ..กูเกิลมีแทบทุกอย่างที่เราต้องการค้นหา เราจะพบในสิ่งที่คนอื่นหาไว้แล้วมากมาย แต่บทเรียนในชีวิตของเรานั้นเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถหาคำตอบในกูเกิล.. หรือ.. ..สิ่งที่เราเห็นในโซเชียลมีเดียก็เป็นแบบนั้น มันคือการตัดตอนความจริงมาไว้ในบริบทหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมดของความจริง ซึ่งเมื่อตัดเฉพาะส่วนใดส่วนหนึ่งมาก็ทำให้เราไม่เห็นภาพรวมทั้งหมด เหมือนกรอบรูปที่บังคับการมองเห็นของเราว่ามองเห็นได้แค่ภายในกรอบ.. และ ในตอนที่พูดถึงเจ้าตัวได้ไปงานแต่งแล้วเห็นพรีเซ็นเทชั่นงานแต่งงานมามากมาย เธอก็เขียนประโยคนึงที่น่าสนใจมาว่า.. ..พรีเซ็นเทชั่นงานแต่งงานมักจะให้เราเห็นภาพว่าคนทั้งคู่ “พบกัน” ได้อย่างไร มากกว่าจะบอกเราว่าคนทั้งคู่ “คบกัน” อย่างไรจึงรอดมาถึงวันนี้ได้ เนี่ยแหละครับคือมุมมองของนักเขียนคนนี้ที่ผมชอบ ทำให้ผมรู้สึกคิดผิดจริงๆที่ไม่ยอมซื้อมาอ่านตั้งนาน ต้องรอจนกว่าค่าย…

วิชาสุดท้าย ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน

จากนักเขียนนักแปลคนโปรดคนนึงของผม คุณสฤณี อาชวานันทกุล ได้ยินมาว่าเป็นหนังสือที่บัณฑิตนิยมมอบให้กับบัณฑิตด้วยกันเมื่อสำเร็จการศึกษา.. นี่เป็นการสร้างจุดขายที่ทำให้กลายเป็นธรรมเนียมไม่เหมือนหนังสือเล่มอื่นเสียจริง ยอมรับว่าการตลาดฉลาดมาก เรื่องในเล่มเป็นเรื่องราวของคนเก่ง คนสำคัญ คนดัง หลายสิบคนที่เคยไปกล่าวปาถกฐาในวันสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกมากมาย เช่น Steve Job, JK Rolling และอีกหลายคนมากมายที่ผมเองก็จำไม่ได้เช่นกัน หนังสือเล่มนี้ดูเหมือนหนา..แต่ก็หนาจริงเพราะตั้งกว่า 500 หน้า แต่กลับไม่รู้สึกต้องใช้เวลาอ่านมากเลย เพราะเรื่องราวมาจากประสบการณ์จริงของบุคคลสำคัญจึงทำให้เวลาอ่านนั้นเข้าใจและคิดตามได้ไม่ยาก หลายเรื่องเป็นเรื่องราวที่เราพบเจอแต่ไม่เคยมองในแง่มุมของผู้พูดมาก่อน ก็ทำให้เราสะดุดคิดตามได้ ได้มุมมองใหม่ๆขึ้นมาได้ สุดท้ายแล้วหนังสือเล่มนี้ แม้คุณเลยวัยบัณฑิตมาแล้ว ก็ควรค่าแก่การหามาอ่านครับ เพราะวิชาสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน คือวิชาชีวิตนอกห้องเรียน วิชาที่คุณต้องลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง…