ทำไม Netflix ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง

ถ้าให้สรุปหนังสือ ทำไม Netflix ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง แบบสั้นๆ ผมบอกได้เลยว่า เพราะเค้าเลือกแต่คนที่เก่งและหิวกระหายที่จะเก่งตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะคัดคนที่ไม่เก่งออกไปโดยไม่ลังเล แม้ว่าคนนั้นจะเคยเก่งมากเมื่อ 6 เดือนก่อนก็ตาม ผมว่าใจความสำคัญของเล่มนี้คือ “บริหารทีมงานเหมือนทีมกีฬา” คุณอาจสงสัยว่าแล้วการบริหาร “ทีมกีฬา” มันต่างจากการบริหาร “ทีมงาน” แบบเดิมอย่างไรล่ะ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เราคุ้นเคยกับประโยคที่บอกว่า ทีมงานเรา “เหมือนครอบครัว” ได้ใช่มั้ยครับ นี่เป็นประโยคสุดคลาสสิกที่ไม่ว่าบริษัทไหนก็มักจะพูดกันแบบนี้ว่าเราอยู่กันเป็นครอบครัว เราอยู่กันเหมือนพี่น้อง แต่ในความเป็นจริงแล้วพอถามบรรดาหัวหน้าทีม HR หรือผู้บริหารทั้งหลายว่าเคย “ไล่คนออกมั้ย?” พวกเขาทุกคนล้วนยกมือตอบว่าเคยกันทั้งนั้น…

คม CEO

สรุปหนังสือ คม CEO ของคุณไอดิน ศรีเมือง เล่มนี้ เป็นหนังสือเล่มบางตัวหนังสือน้อย แต่กลับมีแต่เนื้อเน้นๆ แทบไม่มีน้ำปนเลย เพราะหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวและประสบการณ์ตรงจาก CEO บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย ยากที่คนทั่วไปจะได้รับรู้รับฟังเรื่องราวแบบนี้ได้ เริ่มต้นที่คำว่า CEO ที่น้อยคนนักจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ คำว่า CEO อาจฟังดูเป็นเรื่องใหม่ แต่แท้จริงที่ประเทศจีนเมื่อหลายร้อยหรือเป็นพันปีก่อนก็มีผู้ที่ทำหน้าที่เหมือน CEO แบบฝรั่งในวันนี้ แต่เรียกกันว่า “หลงจู๊” เพียงแต่หลงจู๊คนนี้เป็นผู้ที่มารับหน้าที่บริหาร ไม่ใช่เจ้าของกิจการแบบ CEO บางคน เพราะ CEO…

51 วิธีคิดของลูกน้องที่หัวหน้าอยากสนับสนุน

เขียนจากประสบการณ์ตรงของพนักงานระดับล่างธรรมดาๆตัวจริงที่ไม่ได้มีเส้นสายหรือนามสกุลอะไร จนสามารถไต่เต้าเป็น CEO ของบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้ และยังได้เป็น CEO ของสองแบรนด์ดังระดับโลกอย่าง Starbucks และ The Body Shop ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย Matsuo Iwata คือชายคนที่ผมพูดถึง เค้าได้เป็น CEO บริษัทแรกด้วยวัยเลข 4 ต้นๆ ก่อนหน้านี้เค้าเคยเขียนหนังสือขายดีชื่อ “51 วิธีคิดของหัวหน้าที่ลูกน้องอยากสนับสนุน” เพื่อแนะนำให้บรรดาหัวหน้าทั้งหลายรู้ว่าควรปรับตัวและรับมือกับลูกน้องหรือแม้แต่หัวหน้าที่อยู่ระดับสูงขึ้นไปอย่างไร หลังจากเขียนเล่มที่ว่าจนขายดิบขายดีที่ญี่ปุ่น และก็แปลออกไปอีกหลายภาษาทั่วโลก เค้าเลยโดนรบเร้าว่า “แล้วหนังสือของลูกน้องล่ะ ไม่มีบ้างหรือ?”…

Our Iceberg is Melting เมื่อทุกอย่างปกติดีก็ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลง

เป็นหนังสือที่ว่าด้วยเรื่องทีมเวิร์คในรูปแบบนิทานการ์ตูนที่ไม่ว่าใครก็เข้าใจได้ เหมือนเอาฉากในชีวิตจริงในการทำงานออกมาเสียดแทงใจดำคนหลายคน ทั้งปัญหาจากการทำงานหมู่หรือการอธิบายความคิดของคนในหลายตำแหน่ง ถ้าอยากให้ทีมเวิร์คในทีมดีควรซื้อไปอ่านกันคนละเล่มแล้วแล้วกลับมาคุยกันซักรอบ ทุกคนน่าจะเห็นภาพตรงกันและเข้าใจทุกๆฝ่ายได้มากขึ้น อ่านจบทำให้ผมคิดได้ว่าการเล่าเรื่องด้วยนิทานนี่คนเขียนคนคิดต้องมีความเข้าใจที่แตกฉานในเรื่องนั้นมากจริงๆ ไม่งั้นก็จะเป็นได้แค่พวกคลั่งศัพท์วิชาการไทยคำอังกฤษคำเป็นกูรูกับพวกคนดูก็ต้องบอกว่ากูงงไปเรื่อยๆ เพราะการอธิบายที่ดีที่สุดคุณต้องถ่ายทอดความคิดให้แม้แต่คนที่ไม่รู้เรื่องเข้าใจได้ ถ้าทำไม่ได้นั่นหมายความว่าถ้าไอเดียคุณยังไม่ดีคุณก็ยังไม่เข้าใจมันเองได้ดีพอ แก้กันที่ตัวเองง่ายกว่าแก้ที่คนอื่นเยอะเลย ปล.สรุปเกี่ยวกับเนื้อหาหนังสือมั้ยเนี่ย อ่านเมื่อปี 2016