นักอยากเขียน

โดย ศุ บุญเลี้ยง ที่ถ่ายทอดประสบการณ์การเป็นนักอยากเขียนของตัวเองให้กับคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้หมายถึงแต่เด็กที่อยากเริ่มต้นอยากเป็นนักเขียนกับเค้าบ้าง ทุกวันนี้เรามีโซเชียลมีเดียเป็นกระดาษให้ใครๆก็เขียนได้เผยแพร่ได้ ผมว่าหนังสือเล่มนี้เข้ากับไลฟ์สไตล์มากพอควร รวมถึงเปิดมุมมองการที่จะเป็นนักเขียนจริงๆจังๆบางอย่าง เช่น การที่คุณจะเป็นนักเขียนที่ดีได้ คุณควรเริ่มต้นด้วยการอยากเป็น “นักอยากเขียน” ก่อน เพราะความอยากของคุณจะทำให้คุณอาจจะเป็นนักเขียนที่ดีได้ อย่าเพิ่งรีบไปมองเทคนิคการเขียนต่างๆ เพราะคนเราสมัยนี้ใจร้อน พยายามหาทางลัดเทคนิคต่างๆเพื่อจะทำมันให้ได้ เรื่องถัดมาคือการเขียนจะโตตามอายุของคนเรา คนเราเขียนได้ดีขึ้นก็ต้องผ่านเวลา ผ่านเรื่องราวประสบการณ์ต่างๆ เหมือนการหมักบ่มให้ได้ที่ ยิ่งนานยิ่งดี แต่ก็ยังต้องมีแพชชั่นด้วยนะ ด้วยความที่ตัวเองก็พอต้องเขียนอะไรเล็กๆน้อยๆในการเลี้ยงชีพบ้าง ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้ผมเลี้ยงชีพได้ดียิ่งขึ้น อ่านเมื่อปี 2016

ว่าด้วยความคิดสร้างสรรค์ on creativity

เขียนโดย David Bohm ผู้เป็นนักวิทยาศาสตร์ควอนตัมฟิสิกส์ที่โด่งดัง ร่างวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเค้าถูกนำมาใช้พัฒนาสร้างระเบิดปรมณูลูกแรก และยังเคยร่วมงานกับไอน์สไตน์ผู้โด่งดัง หนังสือเล่มนี้เค้าพูดถึงความเหมือนของความคิดสร้างสรรค์ ระหว่างศิลปินและนักวิทยาศาสตร์ ศิลปินเองสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้รับรู้ความสร้างสรรค์ผ่านสัมผัสของคน นักวิทยาศาสตร์เองก็สร้างสรรค์ผ่านการมองเห็นความจริง หรือมุมมองใหม่ๆต่อการมองเห็นความจริงในช่วงเวลานั้น แล้วถ่ายทอดผ่านทฤษฎีต่างๆเป็นความเข้าใจ ความเข้าใจในศิลปินและนักวิทยาศาสตร์ ก็มาจากความเข้าใจในองค์รวมทั้งหมดก่อน ถึงจึงแยกย่อยออกมาเฉพาะในส่วนที่สนใจเป็นพิเศษ ความพิเศษของความสร้างสรรค์คืออะไร..เดวิด โบห์ม ให้ความเห็นว่า คือการจดจ่อ มุ่งมั่น ทุ่มเท ในสิ่งหนึ่งอย่างที่สุด จึงทำให้เกิดการรับรู้ใหม่ขึ้นกับตัวเอง และอาจไปถึงสังคม เช่น การพยายามก้าวเดินครั้งแรกในเด็กเล็ก เราจะสังเกตุเห็นว่าทุกย่างก้าวของเด็กเล็กคือการสร้างสรรค์ ที่จะให้เกิดการก้าวเดินอย่างต่อเนื่อง ทุกย่างก้าวของเด็กเล็กจะทุ่มเทลงไปอย่างสุดตัว ไม่เหมือนกับผู้ใหญ่ที่ก้าวเดินอย่างไม่ต้องพยายามใดๆอีกต่อไปแล้ว…

คิดไม่ต้องเค้น The Accidental Creative

เป็นหนังสือที่แนะนำเหล่าครีเอทีฟ และคนที่ต้องใช้ความคิดในการแก้ไขปัญหาของงานในทุกๆวัน ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ผู้จัดการ นักการตลาด หรือคนที่กำลังก่อตั้งสร้างกิจการของตัวเองขึ้นมาใหม่ ความคิดสร้างสรรค์ อาจดูเป็นเรื่องพิศวงสำหรับหลายๆคน แต่สำหรับเค้านั้นมันคือกระบวนการที่สามารถบ่มเพาะให้ออกดอกออกผลเป็นความคิดดีๆทุกวันได้ เราอาจเคยคิดกับการระดมเวลาและสมองตูมเดียวลงไปให้จบเพราะมันทำให้เห็นผลลัพธ์ทันตา แต่ผู้เขียนหนังสืเล่มนี้แนะนำว่าวิธีแบบนั้นจะทำให้ตัวคุณและความคิดคุณทรุดโทรมอย่างรวดเร็ว แต่การค่อยๆฝึกสร้างระบบระเบียบในความคิดนั้นคือการจัดสรรแบ่งปันเวลาแม้แต่จะต้องมีช่วงเวลาที่คุณจะไม่คิด แล้วให้สมองทำอย่างอื่นบ้าง เพราะการที่คุณไมาได้จดจ่อกับความคิดเรื่องนึงไม่ได้หมายความว่าสมองคุณจะไม่คิดถึงเรื่องนั้นโดยอัตโนมัติ อีกเรื่องนึงในหนังสือที่คิดเหมือนกับผมก็คือ ความคิดที่ดีจะออกมาได้ก็ต้องมาจากข้อมูลความรู้ดีๆที่รวบรวมมา คุณเก็บสิ่งใดไว้ในหัว คุณก็จะผลิตผลรวมจากสิ่งเหล่านั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว และเรื่องสุดท้ายคือการไม่เลือกหรือปฏิเสธ การปฏิเสธไม่ใช่การบอกปัดทิ้งเปล่า แต่เป็นการปฏิเสธเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับสิ่งนึง คิดง่ายๆเหมือนคุณมีน้ำอยู่ 1 ลิตร แต่คุณอยากปลูกเมล็ดพันธุ์ทั้ง 5 ชนิดให้งอกงามพร้อมกันคงเป็นไปได้ยาก อย่างมากก็พอรอดตายแบบไม่สวยงามได้ทั้ง 5 ต้น…

การตลาดยุคใหม่ใช้ประสบการณ์ Experience Marketing

เขียนโดย โอซังจิน หัวหน้าทีมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์บุคลากรของซัมซุง.. ..รวบรวมเคสงานโฆษณาและการตลาดดีๆจากทั่วโลกในรอบหลายปีที่ผ่านมารวมไว้ในหนังสือเล่มเล็กๆ พร้อมอธิบายย่อยให้ง่ายขึ้นจนผมคิดว่าต่อให้คนที่ไม่ได้ทำงานด้านโฆษณาหรือการตลาดก็สามารถอ่านสนุกได้.. ..ทำไมการขายหรือการตลาดยุคใหม่ถึงต้องใช้ประสบการณ์กันล่ะ? ..เพราะในเมื่อเราอยู่ในยุคที่สื่อหลากหลายแล้วไหนยังต้องเจอคู่แข่งอีกมากมายรอบด้าน การจะเข้าไปฝังในหัวหรือสิงอยู่ในใจคนให้จดจำแบรนด์ของเราได้นั้นคงต้องการมากกว่าแค่การป่าวประกาศทั่วไป แต่ต้องเข้าให้ถึงขั้นที่เชิญชวนคนให้มามีประสบการณ์กับสินค้าหรือตัวแบรนด์ เพราะการได้มีส่วนร่วมกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นจะทำให้คนจดจำสิ่งนั้นไปได้อีกนานเท่านั้น และยิ่งถ้าแบรนด์ไหนทำให้ประสบการณ์ครั้งนั้นน่าประทับใจก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้คนที่เข้ามามีส่วนร่วมอยากไปบอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองจนคนรอบตัวต้องเบื่อไปข้าง.. ..แล้วการตลาดแบบเน้นประสบการณ์จะสามารถเข้าถึงคนได้มากแค่ไหน? ..อาจจะไม่มากพอแต่ถ้าเรารู้จักถ่ายทอดประสบการณ์นั้นให้กับคนที่ไม่ได้มีประสบการณ์ตรง แต่ผ่านการมีประสบการณ์ร่วมด้วยการเห็นแล้วจินตนาการออกว่าถ้าเป็นตัวเค้าจะสนุกร่วมด้วยมากแค่ไหน(ภาษาชาวบ้านเรียกออนไลน์วีดีโอ) คนที่ได้เห็นก็จะสามารถรู้สึกร่วมด้วยได้ เพราะมนุษย์เราสามารถเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นด้วยได้เพราะสมองส่วนหน้าของเราที่ทำหน้าที่ให้เราเข้าใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน.. ..แล้วแบรนด์ของคุณล่ะ สร้างประสบการณ์อะไรให้คนจดจำในแง่ดีไว้บ้างแล้วรึยัง? อ่านแล้วเล่า การตลาดยุคใหม่ใช้ประสบการณ์Experience Marketing OH SANG JIN เขียนสำนักพิมพ์ พราว อ่านเมื่อปี 2016

เราจะเป็นคนที่คิดสร้างสรรค์ได้อย่างไร Passion + Positive Thinking

..ความคิดสร้างสรรค์อาจฟังดูเป็นเรื่องยากและไกลตัวของคนหลายๆคนที่ไม่ได้ทำอาชีพครีเอทีฟ แต่ความจริงแล้วทุกอาชีพนั้นล้วนต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เสมอ ไม่ว่าคุณจะเป็นแม่บ้านหรือนักบริหาร คุณจะเป็นเด็กประถมหรือวิศวกรโยธา คุณจะเป็น AE หรือคุณจะเป็นครีเอทีฟ คุณทุกคนก็ล้วนต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอยู่ทุกวันโดยไม่รู้ตัว.. ..ความคิดสร้างสรรค์สำหรับผมนั้นไม่ใช่เรื่องสวยหรูที่มีแต่ในเฉพาะคนทำงานออกแบบหรือนักคิดครีเอทีฟทั้งหลาย การแก้ปัญหาด้วยปัญญาก็ถือว่าเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่มีค่าไม่แพ้กัน.. ..เวลาที่คุณคิดไม่ออก แล้วคุณก็ปิ๊งอะไรบางอย่างในหัวขึ้นมา ไม่ว่าจะคิดไม่ออกว่าจะโกงข้อสอบอย่างไรดีสมัยเรียน คิดไม่ออกว่าจะทำงานยังไงให้ทันทั้งๆที่ดูเป็นไปไม่ได้ คิดไม่ออกว่าจะหมุนเงินยังไงแต่ก็ยังทำได้ เรื่องเหล่านี้แหละคือความคิดสร้างสรรค์ของทุกๆคน.. ถ้าได้ลองอ่านเล่มนี้ดูผมเชื่อว่าแม้แต่ใครก็ตามก็สามารถอ่านเข้าใจได้ง่ายและสามารถประยุกต์ใช้ได้ทันทีกับชีวิตประจำวันหรือปัญหาที่ยังค้างคาของคุณ เพราะหนังสือเล่มนี้รวบรวมความคิดสร้างสรรค์จากงานโฆษณาระดับโลกที่หลากหลายเอาไว้ เมื่ออ่านจบแล้วจะพบว่าความคิดสร้างสรรค์ที่ดีนั้นไม่ซับซ้อนเลย.. ..แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญมากซึ่งจะทำให้ความคิดนั้นสำเร็จคือความอดทนพยายามไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาที่จะแก้ เพราะทุกความคิดจะสำเร็จได้ก็ด้วยการลงมือทำให้ลุล่วงเท่านั้น.. ..หรือคุณว่าไม่จริง? เราจะเป็นคนที่คิดสร้างสรรค์ได้อย่างไรPassion + Positive Thinking Oh Sang Jin เขียนสำนักพิมพ์…

the art of the idea ศิลปะการคิดใหม่

the art of the idea and how it can change your life เขียนโดย John Hunt, Creative Chairman แห่ง TBWA/Worldwide ศิลปะการคิดใหม่คืออะไร? ถ้าจะบอกว่าเป็นผู้เขียนแบ่งปันแนวทางวิธีคิดที่กลั่นกรองผ่านประสบการณ์ที่เคี่ยวกรำในวงการโฆษณาระดับโลกในสายงานนักคิดผู้สร้างสรรค์ จนผู้เขียน John Hunt ได้กลายเป็นประธานฝ่ายความคิดสร้างสรรค์ระดับโลก เชื่อได้เลยว่าเนื้อหาในเล่มเต็มไปด้วยพลังงานบางอย่างที่บอกไม่ถูก แต่พลังงานนั้นคือพลังงานในแง่บวก ข้อความหรือตัวหนังสือนั้นแทบจะเรียกได้ว่าน้อยถึงน้อยมาก แต่กลับกระตุ้นให้ต้องใช้ความคิด ความเข้าใจ…

ธุรกิจพอดีคำ

อ่านนวัตกรรมทางความคิดที่ไม่มีวันหมดอายุ เล่มนี้ได้มาจากงานหนังสือครั้งล่าสุดเมื่อต้นปี สังเกตุเห็นว่ามติชนเริ่มทำหนังสือแนวนี้เพิ่มขึ้นเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านหน้าใหม่ เป็นหนังสือในแนวที่อ่านง่ายๆ เป็นตอนสั้นๆ อ่านฆ่าเวลาก็ดี อ่านเอาเกร็ดความรู้ก็ได้ แต่ที่ผมว่าดีมากก็คือหนังสือแบบนี้แหละที่จะพานักอ่านหน้าใหม่ให้กลายเป็นนักอ่านหลายหน้าในเวลาไม่นาน เพราะผมเองก็เป็นคนนึงที่ไม่เคยคิดอ่านหนังสือ จนมาเจอหนังสือสไตล์นี้ของอาจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ จนกลายมาเป็นหนอนหนังสือคนนึง เล่าเรื่องของผมเยอะแล้วกลับมาที่หนังสือบ้าง ผู้เขียนใช้หลักคิดแบบ Design Thinking มาสอดแทรกอย่างแนบเนียนในเรื่องเล่าในเล่ม น่าจะเพราะคนเขียนจบทางด้านนี้มาโดยเฉพาะและยังทำงานเป็นนักนวัตกรรมในองค์กรใหญ่อย่าง ปตท. มากกว่า 10 ปี ในหลัก Design Thinking ที่ผู้เขียนพยายามเน้นย้ำมากกว่าหนึ่งครั้งคือหัวข้อ “Empathy” หรือที่แปลเป็นไทยว่า “ความเข้าอกเข้าใจลูกค้า” ความเข้าอกเข้าใจลูกค้า…

HOOKED สร้างของให้คนติด

ความลับเบื้องหลังจองเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ กูเกิล และแอปเปิลว่าทำอย่างไรคนถึงชอบจนหยุดใช้ไม่ได้ ผมว่าเป็นหนังสือด้านจิตวิทยาการตลาดอีกเล่มที่น่าสนใจ โดยที่แก่นหลักของเรื่องก็คือการสร้างพฤติกรรมการเสพย์ติดผ่านวงจรการสร้างที่มี 4 ขั้นตอนหลักที่เริ่มด้วย “ตัวกระตุ้น” ที่เป็นการสะกิดให้คนรู้ตัว จากนั้นก็ “ทำให้ง่าย” อะไรที่คนเคยทำได้อยู่แล้วก็ทำให้ง่ายขึ้น หรืออะไรที่คนเคยอยากทำแต่ไม่ได้ทำเพราะความยุ่งยากก็ทำให้ง่ายลง แล้วก็ต่อด้วย “รางวัลที่คาดเดาไม่ได้” แต่รู้ว่าต้องได้อะไรซักอย่างจากการกระทำนั้น เพียงแค่ยังเดาไม่ออกว่าจะเจออะไรบ้าง และสุดท้ายคือ “การลงทุนลงแรง” ไม่ว่าจะเป็นการขอให้คนทำมากขึ้น หรือยอมจ่ายเงินเข้าไป สุดท้ายก็จะกลายเป็นเหตุผลให้คนยิ่งติดและถอนตัวไม่ขึ้นด้วยตัวเองจนกลายเป็นนิสัยใหม่ของคนขึ้นมา และนี่ก็คือใจความของหมดของหนังสือเล่มนี้ แต่ถ้าจะให้สรุปจบแค่นี้ก็คงไม่สนุก ผมขอเล่าให้ฟังเพิ่มถึงบางช่วงบางตอนที่ผมสนใจเป็นพิเศษแล้วกันนะครับ บริษัทที่ดีหรือจะเป็นผู้นำในตลาดได้ ต้องเป็นสิ่งแรกที่คนคิดถึงเมื่อต้องการทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จ เช่น เบื่อ…เปิดเฟซบุ๊กหรือ…

Marketing 3.0 from product to customer to human spirit

บางคนอาจสงสัยหรือไม่ก็ผมเองนี่แหละที่ตั้งคำถามกับตัวเองตอนหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านว่า “สมัยนี้อะไรๆก็ 4.0 หมดแล้ว จะมัวมาอ่านอะไรที่ช้าไปแล้วทำไม?” ครับ 3.0 อาจเชยกว่า 4.0 จริง แต่สำหรับผมๆคิดว่าต่อให้มี 1.0 หรือ 0.1 ที่เชยตกยุคไปแล้วสุดๆผมก็จะตามอ่านถ้าผมยังไม่รู้ในสิ่งนั้น ผมคิดว่าผมเป็นพวกนักการตลาดแบบมวยวัดนะ ไม่ได้ร่ำเรียนมาแบบชาวบ้านเค้า ปากกัดตีนถีบหาความรู้มาเองตลอก ถ้าถามว่าอ่านจบแล้วได้อะไรบ้างล่ะ ก็ต้องบอกว่าได้ไม่น้อยเลยกับเรื่องที่ยังไม่รู้ จริงๆแล้วผมคิดว่าเล่มนี้น่าจะเป็นเรื่องของ social network หรือการตลาดแบบ social media มากกว่านะถ้าถอดเปลือกเอาแก่นมาคุยกัน เพราะการตลาดแบบ human spirit…

HEGARTY ON CREATIVITY THE ARE NO RULE ลบ 100 ครั้ง ชนะ 100 ครั้ง

คำนิยามหน้าเล่มบอกไว้ว่า “คู่มือสามัญประจำตัวสำหรับคนที่ใช้ “ความคิด” ทำงาน ส่งตรงจากนักโฆษณามือหนึ่งของอังกฤษ แล้ว “นักโฆษณามือหนึ่งของอังกฤษ” ที่ว่าผู้นี้เป็นใคร? อ๋อเค้าคือ John Hegarty หนึ่งในนักโฆษณาที่มีชื่อเสียงที่สุดในอังกฤษคนหนึ่ง เป็นผู้ก่อตั้ง Bartle Bogle Hegarty (BBH) บริษัทโฆษณาระดับโลกที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก และมีลูกค้าเป็นบริษัทดังๆ ไม่ว่าจะเป็นลีวายส์ ออดี้ เพลย์สเตชั่น ยูนิลีเวอร์ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บริติชแอร์เวย์ และอีกเพียบที่เค้าไม่ได้บอก นอกจากนี้เขายังเคยเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัท Saatchi &…