การตลาดยุคใหม่ใช้ประสบการณ์ Experience Marketing

เขียนโดย โอซังจิน หัวหน้าทีมพัฒนาความคิดสร้างสรรค์บุคลากรของซัมซุง.. ..รวบรวมเคสงานโฆษณาและการตลาดดีๆจากทั่วโลกในรอบหลายปีที่ผ่านมารวมไว้ในหนังสือเล่มเล็กๆ พร้อมอธิบายย่อยให้ง่ายขึ้นจนผมคิดว่าต่อให้คนที่ไม่ได้ทำงานด้านโฆษณาหรือการตลาดก็สามารถอ่านสนุกได้.. ..ทำไมการขายหรือการตลาดยุคใหม่ถึงต้องใช้ประสบการณ์กันล่ะ? ..เพราะในเมื่อเราอยู่ในยุคที่สื่อหลากหลายแล้วไหนยังต้องเจอคู่แข่งอีกมากมายรอบด้าน การจะเข้าไปฝังในหัวหรือสิงอยู่ในใจคนให้จดจำแบรนด์ของเราได้นั้นคงต้องการมากกว่าแค่การป่าวประกาศทั่วไป แต่ต้องเข้าให้ถึงขั้นที่เชิญชวนคนให้มามีประสบการณ์กับสินค้าหรือตัวแบรนด์ เพราะการได้มีส่วนร่วมกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนั้นจะทำให้คนจดจำสิ่งนั้นไปได้อีกนานเท่านั้น และยิ่งถ้าแบรนด์ไหนทำให้ประสบการณ์ครั้งนั้นน่าประทับใจก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้คนที่เข้ามามีส่วนร่วมอยากไปบอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองจนคนรอบตัวต้องเบื่อไปข้าง.. ..แล้วการตลาดแบบเน้นประสบการณ์จะสามารถเข้าถึงคนได้มากแค่ไหน? ..อาจจะไม่มากพอแต่ถ้าเรารู้จักถ่ายทอดประสบการณ์นั้นให้กับคนที่ไม่ได้มีประสบการณ์ตรง แต่ผ่านการมีประสบการณ์ร่วมด้วยการเห็นแล้วจินตนาการออกว่าถ้าเป็นตัวเค้าจะสนุกร่วมด้วยมากแค่ไหน(ภาษาชาวบ้านเรียกออนไลน์วีดีโอ) คนที่ได้เห็นก็จะสามารถรู้สึกร่วมด้วยได้ เพราะมนุษย์เราสามารถเข้าใจความรู้สึกของคนอื่นด้วยได้เพราะสมองส่วนหน้าของเราที่ทำหน้าที่ให้เราเข้าใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน.. ..แล้วแบรนด์ของคุณล่ะ สร้างประสบการณ์อะไรให้คนจดจำในแง่ดีไว้บ้างแล้วรึยัง? อ่านแล้วเล่า การตลาดยุคใหม่ใช้ประสบการณ์Experience Marketing OH SANG JIN เขียนสำนักพิมพ์ พราว อ่านเมื่อปี 2016

How to win friends and influence people วิธีชนะมิตรและจูงใจคน

สรุปหนังสือ How to Win Friends and Influencer People วิธีชนะมิตรและจูงใจคน Dale Carnegie เดล คาร์เนกี หนึ่งในนักเขียนที่ผมชอบมากถึงมากที่สุดคนนึง เรียกได้ว่าถ้าเจอหนังสือของชายคนนี้เมื่อไหร่ ผมมีอันต้องเสียเงินแน่ และหนังสือเล่มนี้เป็นหนึ่งในน้อยเล่มที่ผมเลือกหยิบมาอ่านซ้ำในปีนี้ หลังจากอ่านครั้งแรกไปเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วมั้งครับ (ขอโทษทีที่จำปีที่แน่นอนไม่ได้) ความรู้สึกในตอนนั้นที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้คือ “ทำไมไม่ได้อ่านหนังสือดีๆแบบนี้ตั้งนานแล้วนะ” แม้หนังสือเล่มนี้จะเขียนมาร่วมร้อยปีได้ แถมภาษาที่ใช้แปลในเล่มก็เป็นภาษาเก่าแก่ก็ตาม (บอกได้เลยว่าอ่านหนังสือเล่มนี้ให้อารมณ์เหมือนฟังปู่ย่าตายายเล่าให้ฟัง) แต่เนื้อหาหรือ “แก่น” ของหนังสือเล่มนี้กลับไม่ได้เก่าไปตามกาลเวลาร้อยปีที่ผ่านไปเลย กลับยังคงมีความสดใหม่…

กลยุทธ์โน้มน้าวและจูงใจคน Influence The Psychology of Persuasion

ทีแรกดูหน้าปกแล้วไร้ซึ่งความน่าสนใจใดๆ แต่พอได้เปิดอ่านผ่านๆข้างใน 5 นาที 3 หน้า ก็หยิบติดมาจ่ายเงินโดยเต็มไปด้วยความน่าสนใจแล้ว ประเด็นหลักของหนังสือคือการใช้จิตวิทยาที่ผ่านการทดลองและพิสูจน์มาแล้วว่าได้ผลจริง ว่าสามารถกระตุ้นการกระทำหรือจูงใจให้ใครบางคนหรือคนทั้งกลุ่มปฏิบัติตามความต้องการของเรา ถ้าให้พูดได้ง่ายกว่านั้นคือเราสามารถชี้นำคนได้จริงๆ แม้ว่าจะไม่ได้ 100% ทุกครั้ง แต่หลายครั้งที่ผ่านการทดลองพิสูจน์แล้วว่าเพิ่มโอกาศได้มากขึ้นกว่าวิธีปกติมั่วซั่วได้เป็นเท่าตัว โอ้โห…ฟังดูดียังกับโฆษณาขายสินค้ารอบดึกอย่างควอนตัมเทเลวิชั่นใช่มั้ยครับ ถูกต้องครับ.. ที่ผมกล้าบอกว่าถูกต้องเพราะหนังสือเล่มนี้มีความคล้าย และเหมือนหนังสือจิตวิทยา หรือหนังสือเศรษฐศาสตร์พฤติกรรมหลายเล่มที่ผมเคยอ่านมาแล้วมาก โดยเฉพาะระดับปรมาจารย์ต้นตำรับอย่าง เดล คาร์เนกี กลับมาพูดถึงหนังสือเล่มนี้ต่อแบบกระชับ หนังสือเล่มนี้แบ่งเป็น 6 หัวข้อในขั้นตอนการทำให้คนปฏิบัติตาม 1.การตอบแทน การให้และการรับ..และการรับแบบดั้งเดิม ข้อนี้ว่าง่ายๆก็คือธรรมชาติของมนุษย์จะรู้สึกติดค้างใครซักคนที่ให้เรามาแม้โดยที่เราไม่ได้ตั้งใจจะร้องขอเป็นธรรมชาติของเราอยู่แล้ว 2.ความรับผิดชอบและความสม่ำเสมอ…

ติดอะไรไม่เท่าติดหนึบ MADE TO STICK

“พูดยังไงให้คนจำได้ฝังใจไปจนตาย” ประโยคนี้น่าจะเป็นแก่นของหนังสือเล่มนี้ เมื่อพูดถึงเรื่องการพูดหรือการสื่อสาร หลายคนอาจจะบอกว่าเป็นเรื่องไกลตัวเพราะตัวเองไม่จำเป็นต้องไปพูดให้คนอื่นฟัง หรือไปพูดพรีเซนต์งานขายของซักเท่าไหร่ในชีวิต ก็อาจจะจริงครับ แต่ถ้าคิดถึงเรื่องไกล้ตัวอย่างการ “พูด” ให้แฟน เพื่อน หรือคนในครอบครัวแม้กระทั่งลูกเข้าใจและคล้อยตามนั้นกลับเป็นเรื่องยากซะจริง ไกล้ตัวขึ้นเยอะเลยใช่มั้ยครับแบบนี้ หลายครั้งที่คนเราพยายามสื่อสารใจความที่ตัวเองเห็นว่าสำคัญออกไปให้คนที่ฟังเข้าใจ แต่คนที่ฟังกลับไม่เข้าใจอะไรเลย แล้วเราก็ได้แต่โทษคนที่เราพูดด้วยว่า “ทำไมเป็นคนเข้าใจยากเย็นอะไรอย่างนี้นะ!?” คิดแบบนี้ในใจบ่อยมั้ยครับ ถ้าใช่หนังสือเล่มนี้ก็เหมาะกับคุณ ผมเชื่อว่าการสื่อสารเป็นหัวใจหลักของมนุษย์เรา ถ้าเราสื่อสารแนวคิดให้กันและกันไม่ได้ เราก็คงไม่สามารถอยู่ในจุดที่เรียกสัตว์ครองโลกอย่างทุกวันนี้ได้ เพราะการสื่อสารทำให้มนุษย์เหนือกว่าสัตว์ที่มีพละกำลังมากกว่าเราหลายเท่านัก ถ้าอย่างนั้นทำไมคนส่วนใหญ่ถึงยังสื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจล่ะ นั่นเพราะเราหรือตัวผู้พูดนั้น ไม่ได้เข้าใจถึงวิธีการสื่อสารที่ดีพอที่จะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจได้ อธิบายให้ง่ายขึ้นอีกหน่อยได้มั้ย..ได้ครับ ในหนังสือ MADE TO STICK…