คม CEO

สรุปหนังสือ คม CEO ของคุณไอดิน ศรีเมือง เล่มนี้ เป็นหนังสือเล่มบางตัวหนังสือน้อย แต่กลับมีแต่เนื้อเน้นๆ แทบไม่มีน้ำปนเลย เพราะหนังสือเล่มนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวและประสบการณ์ตรงจาก CEO บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทย ยากที่คนทั่วไปจะได้รับรู้รับฟังเรื่องราวแบบนี้ได้ เริ่มต้นที่คำว่า CEO ที่น้อยคนนักจะรู้ว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ คำว่า CEO อาจฟังดูเป็นเรื่องใหม่ แต่แท้จริงที่ประเทศจีนเมื่อหลายร้อยหรือเป็นพันปีก่อนก็มีผู้ที่ทำหน้าที่เหมือน CEO แบบฝรั่งในวันนี้ แต่เรียกกันว่า “หลงจู๊” เพียงแต่หลงจู๊คนนี้เป็นผู้ที่มารับหน้าที่บริหาร ไม่ใช่เจ้าของกิจการแบบ CEO บางคน เพราะ CEO…

Unlucky Millionaire คนโชคร้ายที่กลายเป็นเศรษฐี

สรุปหนังสือ Unlucky Millionaire คนโชคร้ายที่กลายเป็นเศรษฐี เล่มนี้ เป็นหนังสือที่รวบรวมเรื่องราวของ 10 คนดังมหาเศรษฐีที่จะไม่อยากเชื่อว่าเคยโชคร้ายขนาดที่ว่าเรื่องของเราว่าหนักหนาแล้วกลายเป็นเด็กๆไปเลย เริ่มกันที่ โอปราห์ วินฟรีย์ พิธีกรสาวคนดังผิวสีร่างอวบจากอเมริกา..ใครจะเชื่อว่าชีวิตนี้เธอเคยถูกคนในครอบครัวข่มขืนมานานหลายปี ถึงสองครั้ง กว่าจะเป็นเธอที่แข็งแกร่งและโด่งดังจนสามารถแบ่งพลังเพื่อช่วยคนด้อยโอกาสอีกนับล้านๆคนได้ โคโค่ ชาแนล หญิงหัวใจแกร่งผู้ให้กำเนิดแบรนด์หรูของโลก ที่ฉีกขนมแฟชั่นเดิมๆเพื่อผู้ชาย กลายเป็นผู้นำด้านความคิดให้ผู้หญิงลุกขึ้นมาสวยเพื่อตัวเอง ความโชคร้ายของเธอคือเธอแทบไม่เคยประสบความสำเร็จเรื่องความรักเลยหลายครั้งหลายครา เจ.เค. โรว์ลิ่ง กว่าจะกลายเป็นผู้หญิงที่ขึ้นแท่นว่ารวยที่สุดในโลกมาได้ ความโชคร้ายซ้ำซ้อนคือการแยกทางกับสามีแล้วต้องไปอาศัยน้ำไฟในร้านกาแฟของญาติเพื่อนั่งทำงาน และต้องรอเช็คเงินสงเคราะห์พร้อมกับดูแลลูกที่ยังเล็กไปพร้อมกัน และต้องรอถึง 6 ปีกว่าหนังสือ Harry Poter…

รวยด้วยขยะ ดร.สมไทย วงษ์เจริญ

สรุปหนังสือ รวยด้วยขยะ ขยะที่คนส่วนใหญ่พยายามหลีกหนี แต่ ดร.สมไทย วงษ์เจริญ คนนี้กลับวิ่งเข้าหา เพราะชายคนนี้คือคนที่เปลี่ยนขยะให้กลายเป็นทอง จนกลายเป็นธุรกิจขนาดหมื่นล้าน จนใครหลายคนทั่วโลกต่างเข้ามาขอวิชาความรู้จากเค้ามากมายหลายสิบปีแล้ว หนังสือว่าด้วยเรื่องราวของขยะที่แสนหอมหวาน เต็มไปด้วยโอกาส และความรู้กับเรื่องที่น่ารู้มากมาย ที่ ดร.สมชาย หรือเจ้าของแบรนด์ วงษ์พาณิชย์ ที่คุ้นตากันดีคนนี้เอามาเล่าผ่านตัวหนังสือให้เราอ่านแทนการฟัง แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุกเหมือนนั่งฟังยังไงยังงั้น วงษ์พาณิชย์ หรือศูนย์รับซื้อและรีไซเคิลขยะ ที่เมื่อสิบปีที่แล้วตอนเขียนหนังสือเล่มนี้ มีสาขามากกว่า 700 แห่งทั่วประเทศ มากขนาดว่าร้านสะดวกซื้อเบอร์สองรองจากเซเว่นในตอนนั้นยังมีสาขาไม่เท่าถึงเลย ที่วงษ์พาณิชย์สามารถเติบใหญ่ได้ทุกวันนี้จาก “วิชากินที่ยิ่งกว่าวิชาการ” วิชากินที่ว่าก็คือ วิชาที่สามารถเรียนรู้แล้วเอาไปใช้ทำมาหากินได้ทันที…

David Ogilvy คำสารภาพของคนโฆษณา

ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากครับที่สามารถหาหนังสือเล่มนี้มาได้ ตอนที่ไปเดินงานหนังสือช่วงต้นปี 2562 แล้วก่อนกลับผมบังเอิญเห็นบูทของร้านหนังสือมือสองร้านหนึ่งที่ชั้นล่าง(เสียดายจำชื่อร้านไม่ได้) ในร้านดูเต็มไปด้วยหนังสือที่เก่ามากถึงขั้นจะใช้คำว่า “โบราณ” ก็ยังได้ ด้วยความเป็นคนบ้าหนังสือหน่อยๆก็เลยเดินเข้าไป เผื่อจะเจอทองโดยบังเอิญ และก็บิงโก! ผมได้หนังสือเล่มนี้ที่ค้างอยู่ในใจผมมานาน ในฐานะคนทำโฆษณาและการตลาดปฏิเสธไม่ได้เลยว่า David Ogilvy คนนี้เป็นดั่งปรมาจารย์ของคนโฆษณาก็ว่าได้ ผมเลยไม่รอช้ารีบคว้ามาโดยไม่แคร์สภาพ เพราะถ้าดูจากสภาพแล้วต้องบอกว่ายังสวยงามมาก เพราะหนังสือเล่มนี้น่าจะพิมพ์ออกมานานมากๆๆๆๆๆ มากจนไม่คิดว่าผมจะยังได้มาครอบครองได้แบบนี้ เพ้อไปเยอะเข้าเรื่องเนื้อหาที่จะสรุปหนังสือ คำสารภาพของคนโฆษณา หรือ Confessions of an Advertising Man ที่เขียนโดย David Ogilvy…

ฟายน์แมน อัจฉริยะโลกฟิสิกส์ Surely you’re joking Mr.Feynman

ฟายน์แมนคนนี้ คงไม่ต้องบอกว่าอัจฉริยะขนาดไหน เพราะมีรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์เป็นเครื่องยืนยัน แต่ที่สำคัญยังเป็นอัจฉริยะในด้านการอำ และการกวนคนรอบตัวอีกด้วย หนังสือเล่มนี้เลยไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับทฤษฎีพลศาสตร์ไฟฟ้าควอนตัม ซึ่งนำไปสู่รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปี 1965 ที่ทำให้เค้าโด่งดังซักเท่าไหร่ แต่กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวในชีวิตของเค้า กับวีรกรรมสุดกวนที่อ่านไปยิ้มไป หัวเราะไป ได้ไม่น่าเชื่อ สารภาพตรงๆผมอ่านแล้วขำในร้านกาแฟ และรถไฟฟ้าก็หลายครั้ง ส่วนครั้งไหนที่พอรู้ตัวหน่อยผมจะอมยิ้มเพราะกลั้นขำไว้ในใจ กลัวคนหาว่าผมบ้าที่อ่านหนังสือชีวประวัติของนักฟิสิกส์แล้วขำเหมือนอ่านขายหัวเราะ ทั้งที่ฟายน์แมน ชายผู้นี่เป็นส่วนหนึ่งของทีมนักวิทยาศาสตร์สำคัญที่ทำให้อเมริกาสร้างระเบิดปรมาณูได้สำเร็จ จนพลิกเอาชนะสงครามโลกครั้งที่สองได้ ชายผู้เคยหลงไหลบราซิล จนต้องขอลางานประจำเป็นปี เพื่อไปสอนวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ให้กับเด็กๆชาวบราซิลหลายต่อหลายครั้ง และก็กล้าพูดวิจารณ์ออกสื่อต่อหน้าผู้คนมากมายในวันส่งท้ายการสอนของเค้าว่า การศึกษาที่บราซิลนั้นล้มเหลวขนาดไหน เพราะที่นั่นสอนให้เด็กท่องจำตำรา โดยไม่สอนให้เกิดความเข้าใจที่แท้จริงของการเรียน และยังไม่กระตุ้นให้เด็กเกิดคำถามกับตำราเรียน หรือผู้สอนอีกด้วย อ่านดูแล้วคุ้นๆเหมือนการศึกษาบ้านเรายังไงยังงั้น…

ISAAC NEWTON

นี่คือหนังสือชีวประวัติของคนที่น่าจะดังที่สุดในโลกคนหนึ่งตลอดกาลก็ว่าได้ เซอร์ ไอแซก นิวตัน ชายผู้ค้นพบแรงโน้มถ่วง ชายผู้ปฏิวัติคณิตศาสตร์ ชายผู้ทำให้ปราชญ์จากกรีกโบราณหรือนักคิดก่อนหน้าหลายคนต้องเผาผลงานทิ้งเพราะการค้นพบของเค้า ไอแซก นิวตัน ชายที่คนทั่วโลกน่าจะรู้ประวัติอย่างย่อของเค้าเป็นอย่างดีว่าเค้าค้นพบแรงโน้มถ่วงเพราะแอปเปิลหล่นลงมา หรืออาจจะหล่นใส่หัวตอนที่นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิล แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วแอปเปิลอาจไม่ได้หล่นใส่เค้า หรือแม้แต่เค้าอาจจะไม่ได้นั่งอยู่ใต้ต้นแอปเปิลก็ได้ เพราะแอปเปิลคือสัญลักษณ์ของความรู้ และอาจเป็นการหยิบเอามาเป็นตัวแทนของความรู้ใหม่ในแบบฉบับของนิวตัน นิวตันเคยเขียนจดหมายเปรียบเปรยเรื่องการค้นพบแรงโน้มถ่วงทำนองว่า ก็เหมือนกับผลแอปเปิลนั้นบนต้นไม้นั่นแหละ เหตุใดผลมันจึงไม่ลอยชี้ออกไป ทำไมผลนั้นถึงชี้ลงมาด้านล่วง ทำไมมันถึงไม่เหมือนกับการที่เราเอาเชือกรัดก้อนหินแล้วหมุนมันจนมันชี้ออกไปรอบนอก นั่นก็เพราะต้องมีแรงบางอย่างที่กระทำต่อมันเหมือนที่เชือกทำ เหมือนที่โลกทำกับดวงจันทร์ เหมือนที่ดวงอาทิตย์ทำกับโลก และเหมือนที่โลกทำกับแอปเปิล และที่นิวตันเลือกแอปเปิล หนังสือเล่มนี้ก็บอกว่าบางทีเพราะนิวตันนั้นเคร่งในศาสนาไม่น้อย และแอปเปิลก็เป็นผลไม้สำคัญในพระคัมภีร์เดิมอยู่แล้ว ช่างประจวบเหมาะลงตัวไม่น้อยเลยใช่มั้ยครับ ขณะเดียวกันเซอร์ ไอแซก…

KEYNES เคนส์

ถ้าใครที่ชอบอ่านแนวเศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การเมือง น่าจะคุ้นกับชื่อนี้ดี ผมเองก็คุ้นชื่อ เคนส์ มานานพอสมควรเวลาอ่านหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐาสตร์ การเมือง เศรษฐกิจทีไร ก็ต้องเจอชื่อ เคนส์ คนนี้เป็นประจำ รู้แต่เพียงคร่าวๆว่า เคนส์ เป็นผู้สร้างแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่สำคัญเอาไว้ให้รัฐบาลหลายประเทศในโลกใช้เป็นแนวทางอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะรัฐบาลอังกฤษ กับ อเมริกา เป็นหนังสือที่น่าจะเหมาะกับคนที่กำลังเรียนทางด้านเศรษฐศาสตร์ หรืออยู่ในแวดวงนี้มากกว่าคนทั่วไป เพราะอาจจะทำให้ไม่ค่อยสนุกหรือไม่เข้าใจจากความรู้พื้นฐานที่มีไม่เท่ากับคนที่ร่ำเรียนมา ที่พูดแบบนี้เพราะสารภาพตรงๆว่าอ่านจบแล้วผมก็ไม่ค่อยเข้าใจหรืออินซักเท่าไหร่นัก แต่พอจับประเด็นที่น่าสนใจบางอย่างมาเล่าสู่กันฟังได้บ้าง เช่น คำว่า “การว่างงาน” หรือ unemployment เพิ่งปรากฏใน Oxford…

จากศูนย์สู่ซาร่า From Zero to Zara

อามันซิโอ ออร์เตกา จากชายธรรมดากลายเป็นคนที่ร่ำรวยอันดับ 4 ของโลก ด้วยทรัพย์สินรวมกว่า 78.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (2017) ด้วยการขายเสื้อผ้าให้คนกว่าครึ่งโลกสวมใส่กัน เมื่อเทียบกับมหาเศรษฐีติดอันดับต้นๆของโลก อามันซิโอ ออร์เตกา คงดูไม่หวือหวาน่าสนใจนักสำหรับใครๆ เพราะเขาไม่ได้ร่ำรวยด้วยการทำธุรกิจเทคโนโลยีทันสมัย แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อเขาได้ติดอันดับบุคคลที่ร่ำรวย 10 อันดับแรกของโลก สปอร์ตไลท์จากความสนใจทั้งหลายก็กลับให้ความสนใจกับชายนิรนามผู้นี้อย่างมาก เหมือนจะบอกว่าอยู่ดีๆประเทศจากหมู่แฟโรอะไรก็ไม่รู้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกได้ก็ไม่ผิดนัก แล้ว Amancio Ortega ผู้นี้เป็นใคร? ทำไมเจ้าของแบรนด์ Zara ร้านขายเสื้อผ้าที่ดูไม่ได้หวือหวาหรูหราใดๆถึงได้ทำให้เขากลายเป็นคนที่รวยเป็นอันดับ 4…

The Life of Nicola Tesla นิโคลา เทสลา อัจฉริยะนักฝันผู้เดียวดาย

สรุปหนังสือ The Life of Nicola Tesla นิโคลา เทสลา อัจฉริยะนักฝันผู้เดียวดาย เรื่องราวชีวิตของยอดนักประดิษฐ์ผู้เปลี่ยนโลก แต่กลับไร้ชื่อเสียง ลาภยศ และความรัก ผมได้ยินคำว่า “Tesla” ครั้งแรกสมัยเล่นเกมส์ Red Alert ฝ่ายสัมพันธมิตรจะมีอาวุธป้องกันฐานที่ชื่อว่า Tesla Coil ที่สามารถยิงสายฟ้าป้องกันฐานเวลาฝั่งตรงข้ามส่งทหารเข้ามาบุก และถ้าสร้างติดๆกันสามารถรวมพลังสายฟ้าให้แรงขึ้นและยิงได้ไกลขึ้นอีก และถ้าเป็น Red Alert 2 ก็จะมีตัวทหารฝ่ายสัมพันธมิตรที่ชื่อว่า Tesla Soldier…

ชุมนุมชีวประวัติ Biographical Round-Up

เขียนโดย เดล คาร์เนกี นักเขียนผู้โด่งดังที่นักอ่านหลายคนคงรู้จัก เล่มนี้เป็นหนังสือรวบรวมประวัติบุคคลโด่งดังสำคัญแบบสั้นๆแต่ยังเข้าใจได้ครบ.. ..แต่หลายบุคคลในเล่มนี้ผมไม่คุ้นเคยมาก่อน เพราะเป็นบุคคนสำคัญผู้โด่งดังจากการทหารในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ในยุคของเดลเองส่วนหนึ่ง แต่สิ่งนึงที่ทำให้ทึ่งมากคือตัวผู้เขียนหรือเดลเอง ได้ออกเดินทางไปสัมภาษณ์บุคคลเหล่านี้ด้วยตัวเอง หรือครอบครัวของคนสำคัญเหล่านั้นไปตามที่ต่างๆทั่วโลก เท่ากับว่าหนังสือเล่มนี้เป็นตัวแทนของการเดินทางไปเกือบทั่วโลกก็ว่าได้.. ..ผมขอยกบุคคลหนึ่งที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน แต่พอได้อ่านจากเล่มนี้เพียงครั้งเดียวกลับทำให้ผมจำได้คร่าวๆก็คือ มาดามคูรี.. ..มาดามคูรี เธอเป็นนักวิทยาศาสตร์หญิงคนแรกและคนเดียวของโลก(มั้ง) ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลถึง 2 ครั้งด้วยกัน และสิ่งนึงที่ทำให้น่าทึ่งและน่านับถือมากคือการที่เธอเป็นผู้ประดิษฐ์จนค้นพบธาตุตัวใหม่ที่มีมูลค่ามหาศาลก็คือ เรเดียม.. ..เรเดียมซึ่งเป็นธาตุที่ไม่มีตามธรรมชาติแต่ต้องสร้างขึ้นมาด้วยความยากลำบากของมาดามคูรีและสามีของเธอตามลำพัง จากการต้องใช้ทุนตัวเองอดมื้อกินมื้อเพราะไม่มีใครให้ทุนอุดหนุนเธอแต่เธอก็พยายามทำ บางคนอาจสงสัยว่าธาตุเรเดียมนั้นสำคัญและมีมูลค่ามหาศาลอย่างไร นั่นเพราะธาตุเรเดียมนั้นใช้ในการฉายแสงรักษาโรคมะเร็งในสมัยนั้น(ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังใช้อยู่รึเปล่า) และด้วยเหตุนี้เองทำให้น่าจะมีมูลค่ามหาศาลถ้ามาดามคูรีเลือกที่จะจดสิทธิบัตรและขายความรู้นี้ในเชิงพานิชย์เพื่อเก็บเงินเข้ากระเป๋าเธอกับสามีให้ได้กินอยู่สบายตลอดชีวิต…