Factfulness จริงๆแล้วโลกดีขึ้นทุกวัน

Factfulness หนังสือเล่มนี้ทำให้เข้าใจความจริงของโลกอย่างที่ควรจะเป็น เพราะเค้าบอกว่าคนส่วนใหญ่แม้แต่เหล่าคนที่ฉลาดที่สุด รวยที่สุด หรืออยู่ในประเทศที่เจริญที่สุดของโลก ก็ยังมีความรู้ความเข้าใจที่ผิดไปต่อโลกมาก มากขนาดไหนหรอครับ ก็มากขนาดที่ว่าจากคำถาม 13 ข้อ ให้ควายทายยังถูกมากกว่าเลย ผมมีคำถามทั้ง 13 ข้อที่ว่าให้คุณทาย ลองดูนะครับว่าคุณจะตอบถูกกี่ข้อในประเทศทั้งหมดในโลกที่มีรายได้ทุกวันนี้ มีเด็กผู้หญิงจำนวนเท่าไหร่ที่จบการศึกษาระดับประถม 1.ในประเทศทั้งหมดในโลกที่มีรายได้น้อยทุกวันนี้ มีเด็กผู้หญิงจำนวนเท่าไหร่ที่จบการศึกษาระดับประถม A. ร้อยละ 20 B. ร้อยละ 40 C. ร้อยละ 60 2. ประชากรส่วนใหญ่ของโลกอาศัยอยู่ใน A.…

เป็นคนเก่งไม่ต้องรู้มากแต่ต้องรู้จริง How to Study Like A Genius

มนุษย์เรียนรู้ตลอดชีวิต แต่ผู้คนส่วนใหญ่กลับไม่รู้ว่าการเรียนรู้คือ “อะไร” และควรเรียนรู้ “อย่างไร” สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ การเข้าใจผิดว่า “การท่องจำคือการเรียนรู้” อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้ว่า “หากผมมีเวลาแก้ไขปัญหา 20 วัน ผมจะใช้เวลา 19 วันเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจปัญหานั้น” เพื่อนที่ช่วยให้เราเรียนรู้ คือเพื่อนที่กล้าวิจารณ์เราในแง่ลบ รู้ให้รอบให้ลึกก่อนจะลงมือทำ Auguste Rodin ประติมากรชื่อดังบอกว่า ก่อนที่จะลงมือสร้างสรรค์ผลงานจริง เขาจะวาดภาพของประติมากรรมนั้นมานับไม่ถ้วน วาดเพื่อให้มือนั้นเข้าใจอย่างแท้จริงว่าจะสร้างงานชิ้นนั้นขึ้นมาได้อย่างไร เป็นการทำให้สมองคิดทำความเข้าใจงานชิ้นนั้นที่จะสร้างในหลายๆมิติ จนออกมาเป็นผลงานชิ้นเอก The Thinker…

Unthink หลอกสมองให้ไม่ต้องคิด

เป็นหนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาและพฤติกรรมของคน ที่เอาไปประยุกต์ใช้กับการตลาดและชีวิตประจำวันได้หลายเรื่อง ถ้าใครที่ชอบอ่านแนวเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม จิตวิทยา หรือจิตวิทยาสังคม แล้วอยากรู้ให้ลึกขึ้นอีกระดับ ผมแนะนำเล่มนี้ เนื้อหาโดยสรุปคือ…เรามักคิดว่าเราใช้ความคิดอยู่ตลอดเวลา และมีสติในการเลือกหรือตัดสินใจแทบทุกเรื่องในชีวิต แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย เราแทบไม่ได้คิดก่อนจะเลือกเสมอไปอย่างที่เราชอบคิด แต่เราจะคิดเมื่อเลือกไปแล้ว คิดให้เหตุผลหลังเลือก ไม่ใช่เลือกอย่างมีเหตุผล จากการทดลองในเล่มที่น่าสนใจหลายเรื่อง แต่ขอหยิบบางเรื่องที่เห็นว่าน่าสนใจจริงๆมาสรุปให้ฟังก็แล้วกันครับ เราไม่ได้หัวใจเต้นแรงเพราะตกหลุมรักใครบางคนเสมอไป แต่บางครั้งเราตกหลุมรักใครบางคนตรงหน้าเพราะหัวใจเรากำลังเต้นแรงอยู่ จากการทดลองที่ให้ผู้ชายหญิงเดินข้ามสะพานสูงที่เชื่อมระหว่างสองผา พบว่าชายหรือหญิงที่เดินข้ามสะพานที่น่าหวาดเสียวนี้มา รู้สึกว่าตัวเองประทับใจฝ่ายตรงข้ามที่รออยู่ปลายสะพานมากกว่าผู้ทดลองอีกกลุ่ม ที่ให้เดินข้ามทางธรรมดาปกติที่ไม่ได้หวาดเสียวไปกระตุ้นการเต้นของหัวใจแต่อย่างไร ผลคือชายหญิงที่เดินข้ามสะพานสูงที่น่าหวาดเสียวมีอาการทางร่างกายคล้ายกับการตกหลุมรักใครบางคนจนหัวใจเต้นแรง เลยทำให้ปิ๊งกับคนปลายทางจนมีการขอเบอร์ติดต่อกันหลังจากนั้นมากกว่ากลุ่มที่เดินข้ามทางปกติไม่หวาดเสียวกระตุ้นให้หัวใจเต้นแรง ถ้ารู้แบบนี้แล้วอยากให้ใครซักคนตกหลุมรัก ให้พาไปเล่นรถไฟเหาะ หรือดูหนังสยองขวัญแทนหนังรักนะครับเดทหน้า แถมการใส่เสื้อสีแดงที่สื่อถึงความร้อนแรง ก็ยังทำให้คุณดูน่าสนใจเพิ่มขึ้นอีกด้วย อันนี้เค้าทดสอบมาแล้ว…

ถ้าอยากขายซุป ต้องขายขนมปังด้วย

ขายยังไง? ทุกวันนี้คุณขายสินค้าหรือบริการของคุณยังไงบ้าง หลายครั้งเรามักติดภาพกรอบความคิดเดิมๆของสินค้าและบริการนั้น จนเราลืมไปว่ามันยังมีวิธีอื่นที่เราจะ “ขายมันใหม่” ออกไปได้อีกมากมาย ตัวอย่างการ “หาวิธีขายใหม่” ที่น่าสนใจจนกลับมาเพิ่มยอดขายได้จริงในเล่มนี้ เรื่องแรกก็คือชื่อหนังสือเลยครับ เอาขนมปังมาช่วยขายซุปถ้วยเดิม เรื่องมันมีอยู่ว่า คนอร์คัปซุป(ที่ญี่ปุ่น) ประสบปัญหาราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นในช่วงปี 2005-2008 เหมือนกับผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็เลยพยายามแก้เกมส์ครั้งแรกด้วยการชูจุดขายว่า นี่คือซุปที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจากในประเทศจากเกาะฮอกไกโดเท่านั้น โดยคาดหวังว่าความเป็นชาตินิยมของญี่ปุ่นจะกลับมากระตุ้นยอดขายให้ตัวเอง แต่ผลที่ได้คือเปล่าเลยครับ ยอดขายไม่กระเตื้องแถมยังเปลืองงบโฆษณาอีกต่างหาก ผู้เขียนก็เลยออกไปสำรวจกลุ่มลูกค้าตัวจริงแล้วพบว่า คนส่วนใหญ่กินเป็นมื้อเช้า แต่คนที่กินมื้อเช้าส่วนมากชอบกินขนมปัง คนส่วนใหญ่ที่กินคนอร์คัปซุปเป็นมื้อเช้านั้นชอบกินกับขนมปัง เพราะทำให้อร่อยขึ้นเยอะ แต่คนที่กินขนมปังกลับไม่เคยกินกับคนอร์คัปซุป ก็เลยเกิดเป็นไอเดียการชูจุดขายใหม่ว่าจะ “ปังจุม” หรือ…

INBOUND MARKETING การตลาดแบบแรงดึงดูด

สรุปหนังสือ Inbound Marketing เล่มนี้ เมื่ออ่านจบผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนสามกลุ่ม กลุ่มแรกคือคนที่เพิ่งเรียนรู้และสนใจเรื่องการตลาด อยากรู้ว่าการตลาดในยุคดิจิทัลทุกวันนี้ควรรู้อะไร และต้องทำอย่างไร หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นหนังสือการตลาด 101 ที่ครบและครอบคลุมในทุกด้านที่จำเป็นต้องรู้ กลุ่มที่สองคือคนที่กำลังสนใจศึกษาเรื่องดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง หรือการตลาดออนไลน์เพิ่มเติม อาจจะเป็นคนที่เก่งกาจเรื่องการตลาดและการขายแบบเดิม แต่อยากอัพเดทตัวเองให้ทันโลก แบบหลักสูตรเร่งลัด และไม่ต้องการพวกศัพท์แสงเทคนิคเยอะ เพราะหนังสือเล่มนี้ใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย สามารถเปรียบเปรยกับเรื่องต่างๆรอบตัวได้อย่างดี นั่นหมายความว่าผู้เขียนต้องแตกฉานดีจนสามารถเปรียบเทียบกับเรื่องต่างๆรอบตัว สามารถทำให้เรื่องใหม่ของคนที่ยังไม่แน่นเรื่องดิจิทัล ก็สามารถเข้าใจได้ว่าไม่ได้ใหม่จนน่ากลัวขนาดนั้น ส่วนกลุ่มที่สามที่ผมอยากแนะนำให้อ่านก็คือพวกที่คิดว่ารู้ดีอยู่แล้ว หรือคนที่ทำงานด้านดิจิทัลมานาน ด้วยความที่มันนานนี่แหละครับ บางครั้งบางทีเราก็อาจหลงลืมอะไรบางอย่างที่มันเป็นพื้นฐานไปได้ เหมือนได้กลับมาทบทวนความรู้อีกครั้ง หรือบางเรื่องก็อาจจะได้อีกมุมมองในเรื่องที่เคยรู้ หรือเคยคิดว่ารู้ครับ เนื้อหาในเล่มแบ่งย่อยออกเป็น…

ทางรอดในโลกใบใหม่ แห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่, Shaping the Fourth Industrial Revolution

จากหนังสือการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ก่อนหน้าที่เคยอ่านไป ที่บอกให้รู้ว่าการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่คืออะไร ก็คือการปฏิวัติด้วย Big Data, Machine Learning และ AI ที่มีพื้นฐานมาจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 หรือการปฏิวัติดิจิทัล มาคราวนี้ Klaus Schwab ออกมาเขียนหนังสือเล่มต่อเพื่อบอกให้รู้ว่า ถ้าอยากจะรอดให้ได้ต้องทำตัวอย่างไร ในวันนี้มนุษย์ส่วนใหญ่อาจถูกเทคโนโลยีที่สร้างมากดขี่หรือทำลายล้างเราไปโดยไม่รู้ตัว และไม่ใช่แค่เราเท่านั้นที่ต้องปรับตัว แต่ผู้เขียนยังบอกว่าสิ่งสำคัญคือทั้งสังคมและโดยเฉพาะภาครัฐยิ่งต้องปรับตัว เพราะไม่อย่างนั้นแล้วคุณค่าของมนุษย์จะถูกเทคโนโลยีที่สามารถทดแทนได้เข้ามาล้มล้างเราไปหมด หรือเทคโนโลยีที่ทรงพลังไม่น่าเชื่อจะกลายเป็นเครื่องมือของผู้ทรงอำนาจกลุ่มเล็กๆ ที่จะยิ่งใช้กดขี่คนส่วนมากให้ไม่ได้ลืมตาอ้าปากยิ่งกว่าเดิม แง่คิดหนึ่งในเล่มที่น่าสนใจที่ผู้เขียนบอกว่า เรามักอ้างว่าเทคโนโลยีก็เหมือนดาบสองคม เหมือนเหรียญสองด้าน หรือก็เป็นแค่เครื่องมือที่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ เช่น…

จากศูนย์สู่ซาร่า From Zero to Zara

อามันซิโอ ออร์เตกา จากชายธรรมดากลายเป็นคนที่ร่ำรวยอันดับ 4 ของโลก ด้วยทรัพย์สินรวมกว่า 78.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ (2017) ด้วยการขายเสื้อผ้าให้คนกว่าครึ่งโลกสวมใส่กัน เมื่อเทียบกับมหาเศรษฐีติดอันดับต้นๆของโลก อามันซิโอ ออร์เตกา คงดูไม่หวือหวาน่าสนใจนักสำหรับใครๆ เพราะเขาไม่ได้ร่ำรวยด้วยการทำธุรกิจเทคโนโลยีทันสมัย แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อเขาได้ติดอันดับบุคคลที่ร่ำรวย 10 อันดับแรกของโลก สปอร์ตไลท์จากความสนใจทั้งหลายก็กลับให้ความสนใจกับชายนิรนามผู้นี้อย่างมาก เหมือนจะบอกว่าอยู่ดีๆประเทศจากหมู่แฟโรอะไรก็ไม่รู้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลกได้ก็ไม่ผิดนัก แล้ว Amancio Ortega ผู้นี้เป็นใคร? ทำไมเจ้าของแบรนด์ Zara ร้านขายเสื้อผ้าที่ดูไม่ได้หวือหวาหรูหราใดๆถึงได้ทำให้เขากลายเป็นคนที่รวยเป็นอันดับ 4…

99เรื่องต้องรู้ก่อนมีบ้าน

และต่อให้มีบ้านแล้วก็ควรต้องอ่าน เพราะเชื่อได้เลยว่าหลายเรื่องเจ้าของบ้านไม่เคยรู้มาก่อนเลย อย่างผมมีบ้านของตัวเองมา 3 ปีแล้ว ใน 99 เรื่องผมกลับรู้ไม่ถึงสิบเรื่องด้วยซ้ำ วันนี้เลยขอหยิบยกบางเรื่องเอามาเล่าให้คนที่อยากมีบ้าน กำลังจะมีบ้าน และมีบ้านแล้ว ได้อัพเดทความรู้เอาไว้ ซี่กุญแจต้องหงายขึ้น…นึกภาพเวลาเรากำลังจะเข้าบ้านแล้วหยิบกุญแจจะเสียบเข้าลูกบิดประตูบ้านนะครับ ทีนี้ดูที่ลูกกุญแจของเราว่าตอนที่เรากำลังจะเสียบเข้ารูกุญแจเพื่อปลดล็อคบ้านนั้น มันจะมีสองด้าน ด้านที่เรียบๆกับด้านที่เป็นซี่ๆแบบฟันปลา การติดกุญแจประตูที่ถูกต้องนั้นต้องให้เราหันด้านซี่แหลมๆของลูกกุญแจขึ้นด้านบนเวลาจะไขเข้าประตูบ้านทุกครั้ง เพราะจะช่วยยืดอายุของสปริงในรูกุญแจให้ใช้ได้ยาวนานที่สุด กุญแจเขาควายดีกว่า…ถ้าไม่เห็นภาพประกอบก็คงจะงงได้ไม่ยาก แต่คิดภาพง่ายๆตามผมนะครับ กุญแจประตูส่วนใหญ่มีสองแบบที่เราคุ้นๆกัน คือแบบลูกบิดที่ใช้กันเป็นประจำ กับแบบเป็นก้านออกมาให้เราบิด กุญแจเขาควายคือแบบก้านครับ และที่ผู้เขียนแนะนำแบบนี้เพราะมันง่ายต่อการใช้งานกว่า เพราะแม้มือของคุณจะไม่ว่างบิดเพื่อเปิดเพราะหอบหิ้วของมาเต็ม ก็สามารถใช้ข้อศอกหรือแขนกดกุญแจแบบเขาควายเพื่อเปิดประตูได้ ดีใจที่กุญแจที่บ้านทางโครงการติดตั้งแบบนี้ให้หมดทุกห้องเลย บานเลื่อนอากาศรั่ว…ถ้าเราสังเกตุดูเวลาไปดูบ้านตามโครงการใหม่ๆ จะเห็นว่ามักติดตั้งประตูหรือกระจกบานเลื่อนไว้รอบบ้าน…

เศรษฐศาสตร์เปลี่ยนสิ่งประหลาดให้เป็นเรื่องปกติ

ถ้าใครที่ชื่นชอบผลงานของอาจารย์วรากรณ์ สามโกเศศ ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์หลายชุด ที่เขียนให้ชาวบ้านอ่านเข้าใจได้แม้จะไม่ได้เรียนเศรษฐศาสตร์มา(ตัวอย่างผมเป็นต้น) เช่น โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี หรือล่าสุดก็ Global Change ที่มีถึงเล่ม 5 เข้าไปแล้วกับสำนักพิมพ์ Openbooks ก็น่าจะชอบหนังสือเล่มนี้เหมือนกับที่ผมชอบ และส่วนนึงผมก็คิดว่าหนังสือเล่มนี้ออกไปทางแนวเศรษฐศาสตร์พฤติกรรม ที่กำลังเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นในบ้านเรา ทำให้อ่านง่าย อ่านสนุก แถมยังได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้และมองข้ามมาตลอดด้วย ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องเกริ่นเพื่อปูความเข้าใจของหนังสือเล่มนี้เยอะ ผมขอหยิบยกตัวอย่างบางเรื่องที่ผมคิดว่าน่าสนใจเอามาสรุปให้อ่านโดยประมาณนึงก็แล้วกัน รูปแบบ 3 อย่างของการตัดสินใจ....คนเรามีรูปแบบการตัดสินใจอยู่ 3 รูปแบบ 1. การใช้จุดอ้างอิง (reference-dependence) คือ…

โฆษณาฆ่าไม่ตาย Advertising Transformed

เขียนโดย Fons Van Dyck นักโฆษณาและผู้ก่อตั้ง Think BBDO ในกรุงบรัสเซลส์ และได้รับเลือกให้เป็น “สุดยอดนักการตลาด” โดยชมรมการตลาดเบลเยียมด้วย หนังสือเล่มนี้พิมพ์ออกในช่วงปี 2014 น่าจะเป็นช่วงที่โซเชียลมีเดียอย่าง Facebook และ platform อื่นๆกำลังบูมสุดขีด บอกถึงแนวทางการปรับตัวของโฆษณาและการตลาดให้กับบรรดานักการตลาดและคนโฆษณาทั้งหลาย แต่ผมว่าเทไปทางนักการตลาดมากกว่านะ ระหว่างที่อ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าผู้เขียนกำลังพยายามโน้มน้าวให้นักการตลาดหรือบรรดาลูกค้าที่เป็นแบรนด์ส่วนใหญ่เชื่อว่า “โฆษณาแบบดั้งเดิม” (ผมขอใช้คำนี้แล้วกันที่หมายถึง TVC, Print และ Radio) จะไม่ตายและไม่หายไปไหน และที่สำคัญกลับยิ่งเป็นสำคัญที่จะทำให้แบรนด์ทั้งหลายผ่านพ้นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจไปได้แบบเหนือคู่แข่งอีกด้วย ผู้เขียนบอกว่าสาเหตุที่คนทุกวันนี้ปฏิเสธโฆษณากันมากขึ้น…