การปฏิวัติคอนเทนต์(Content & Creativity)ในยุคแห่ง AI

ถ้าให้สรุปหนังสือการปฏิวัติคอนเทนต์ในยุคแห่ง AI เล่มนี้แบบสั้นๆ ก็พูดได้ว่านี่คือหนังสือที่ทำให้คุณได้เห็นภาพรวมของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นแล้วจาก AI ในอุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์ทุกรูปแบบ แต่ที่หนังสือเล่มนี้เลือกใช้คำว่าคอนเทนต์น่าจะเพราะว่าแท้จริงแล้วคำว่า Content นั้นครอบคลุมไปถึงเนื้อหาทุกรูปแบบที่ไม่ใช่แค่ Facebook Content หรือ Online Content อย่างที่เข้าใจกัน แต่ยังรวมไปถึงเพลง ภาพยนต์ ละคร บทภาพยนต์ การวาดภาพ หรือทั้งหมดทั้งมวลที่น่าจะถูกนิยามว่า “ความคิดสร้างสรรค์” หรือ Creativity แทนที่คำว่าคอนเทนต์ครับ หนังสือเล่มนี้เล่าในรูปแบบการหยิบยกเคสการเอา AI เข้ามาใช้ในกลุ่มธุรกิจความคิดสร้างสรรค์ทุกด้านอย่างครอบคลุมจริงๆ ซึ่งแต่เดิมทีเราไม่คิดว่าคอมพิวเตอร์หรือ AI…

คู่มือเอาตัวรอดจาก COVID-19

สรุปหนังสือ คู่มือเอาตัวรอดจาก COVID-19 หนังสือที่ต้องมีทุกบ้าน เพื่อรู้เท่าทันและป้องกันตนเองจากโรคติดต่อต่างๆ หนังสือเล่มนี้เขียนโดยนายแพทย์จางเหวินหง หัวหน้าแผนกโรคติดต่อ โรงพยาบาลหัวซาน ในสังกัดมหาวิทยาลัยฟู่ตั้น ผู้ที่เป็นหัวหน้าคณะผู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคติดเชื้อ COVID-19 ที่นครเซี่ยงไฮ้เมื่อเดือนมกราคม 2020 ที่ผ่านมานี้เองครับ ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ถ้าจะบอกว่าถูกเขียนโดยแพทย์ที่อยู่แถวหน้าในการรับมือกับ COVID-19 ก็ไม่ผิดนัก ดังนั้นถ้าอยากรู้ว่าเราควรจะปฏิบัติตัวและใช้ชีวิตอย่างไรท่ามกลางยุคโควิด19 ควรมีหนังสือเล่มนี้ติดบ้านไว้ครับ หนังสือคู่มือเอาตัวรอดจาก COVID-19 เล่มนี้เป็นหนังสือเฉพาะกิจแบบางๆ ไม่หนามาก อ่านแปบเดียวจบ อ่านแปบเดียวเข้าใจ และก็เต็มไปด้วยภาพประกอบมากมายให้รู้ว่าเราจะเอาตัวรอดหรือใช้ชีวิตกันอย่างไรในช่วงนี้ เริ่มตั้งแต่เราจะใช้ชีวิตในบ้านกันอย่างไรให้ห่างไกลโควิด วิธีการฆ่าเชื้อในบ้านที่ถูกนั้นต้องมากหรือน้อยแค่ไหน มากเกินไปก็จะพารานอยด์เอา แล้วที่เชื่อกันว่าการกินผงชงแก้หวัดหรือน้ำส้มสายชูรมนั้นป้องกัน…

อย่าปล่อยให้ความธรรมดาฆ่าคุณ Simply Brilliant

สรุปหนังสือ อย่าปล่อยให้ความธรรมดาฆ่าคุณ หรือ Simply Brilliant เล่มนี้พูดถึงวิธีการทำธุรกิจอย่างไรให้ต่าง ในวันนี้คู่แข่งเต็มตลาดไปหมด และใครก็ตามที่อ้างว่าธุรกิจตัวเองเป็นธุรกิจที่อยู่มานานเกินกว่าจะปรับตัวให้ทันสมัยได้ หรือบอกว่าธุรกิจตัวเองไม่พวกบริษัทเทคโนโลยีหรือสตาร์ทอัพทันสมัยยุคใหม่ ผมบอกได้เลยว่าคุณคิดผิดมหันต์ครับ เพราะไม่มีหรอกครับธุรกิจที่อยู่มานานเกินไป มีแต่วิธีการทำธุรกิจที่น่าเบื่อเกินไปต่างหากที่จะทำให้ธุรกิจคุณค่อยๆ ตายลงไปขึ้นอยู่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้นเอง ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จะไม่ได้บอกถึงการใช้เทคโนโลยีล้ำๆ ไม่ว่าจะ Data, AI หรือ MarTech ต่างๆ มาช่วยในการทำธุรกิจ แต่จะยกตัวอย่างธุรกิจที่ทำตัวเองให้ต่างจนเปลี่ยนจากการเป็นตัวเลือก ให้กลายเป็นทางเลือกครับ คุณอาจกำลังสงสัยว่า แล้วไอ้ ตัวเลือก กับ ทางเลือก นี่มันต่างกันอย่างไร มันมีความต่างที่ลึกซึ้งอย่างมากที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังต่อจากนี้ครับ…

แบรนด์ดังๆ เขาตั้งราคาสินค้ากันยังไง

สรุปหนังสือ แบรนด์ดังๆ เขาตั้งราคาสินค้ากันยังไง กลยุทธ์การตั้งราคาแบบขายถูกก็ได้กำไร หรือต่อให้ขายแพงยังไงคนก็ซื้อ บอกได้เลยว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคนที่กำลังจะก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหาร หรือเจ้าของธุรกิจ หรือคนที่ต้องดูแลเรื่องตัวเลขการเงินของธุรกิจเป็นพิเศษครับ เพราะหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือเรื่องการสร้างแบรนด์ แต่เป็นหนังสือเรื่องการตั้งราคาขึ้นมาอย่างไรให้ขายได้ ไม่ว่าจะขายถูกหรือขายแพง หรือกลยุทธ์การตั้งราคาที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ดังๆ มากมาย ตั้งแต่ห้างขายสินค้าราคาถูกประเภท EDLP (Everyday Low Price) หรือรถสุดหรู Ferrari ก็ตาม ดังนั้นถ้าคุณรู้ว่าจะตั้งราคาขายอย่างไรให้ยังคงกำไรอยู่ได้ คุณก็สามารถพาธุรกิจให้อยู่รอดต่อไปได้ครับ เพราะธุรกิจจะอยู่รอดได้ก็ได้การควบคุมรายรับและรายจ่ายให้เป็น และถ้านักธุรกิจหรือผู้บริหารคนไหนเข้าใจตรงจุดนี้ก็จะสามารถรู้ว่าจะหากำไรอย่างไรได้ไม่ยาก เพราะจริงๆ แล้วราคาเบื้องหน้าที่ดู net เรียบง่าย แท้จริงแล้วมีรายละเอียดมากมายที่ถ้าไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้คนอย่างผมก็จะไม่มีทางรู้เลยครับ…

Business as Unusual สร้างความสำเร็จที่แตกต่าง ภายใต้โลกที่รอการเติมเต็ม

สรุปหนังสือ Business as Unusual เล่มนี้ถ้าให้สรุปสั้นๆ ก็คือแนวทางการสร้างแบรนด์ ในยุค 5.0 ในวันที่สินค้าหรือบริการแทบไม่เหลืออะไรให้ต่าง จนต้องใช้ความดีของการทำธุรกิจจากแต่ละแบรนด์มาเป็นเกณฑ์ใหม่ในการสร้างความต่างขึ้นมา ดังนั้นถ้าธุรกิจคุณใหญ่โตไปจนถึงขึ้นสุด แบบว่าไม่รู้ว่าจะ Growth ไปทางไหนต่อ หนังสือเล่มนี้ก็จะเป็นแสงสว่างให้คุณเห็นทางออกว่าจะโตไปต่อได้อย่างไร ขอเกริ่นก่อนเข้าสรุป หนังสือเล่มนี้ผมได้รับจากสำนักพิมพ์อัมรินทร์ในวันที่ได้ไปร่วมงานสัมมนา World Marketing Summit 2019 ที่ผ่านมา ที่มีปรมาจารย์ด้านการตลาดระดับโลกอย่าง Philip Kotler มาพูดด้วย (โคตรตื่นเต้นตอนที่ได้เจอตัวจริงเสียงจริง) โดยทางสำนักพิมพ์อัมรินทร์ใจดีมากที่ได้ให้บัตรเข้าร่วมงานผมมาหนึ่งใบ แถมยังให้หนังสือดีๆ ผมมาอ่านอีก…

อ่านแบบก่อสร้างให้เป็น

อ่านแบบก่อสร้างให้เป็น เป็นหนังสืออีกเล่มที่แนะนำให้เจ้าของบ้านควรหามาอ่านติดบ้านไว้ เพราะเรื่องบ้านไม่ใช่เรื่องบ้านๆอย่างที่เคยคิดกัน บ้านหนึ่งหลัง เต็มไปด้วยรายละเอียดมากมาย ส่วนที่มองเห็นได้ของบ้านเป็นแค่ส่วนเล็กๆของบ้านทั้งหลัง เพราะส่วนที่มองไม่เห็นของบ้านนั้นกลับเป็นส่วนประกอบมากมาย ไม่ว่าจะระบบไฟฟ้า ระบบสุขาภิบาล หรือแม้แต่กระทั่งระบบเสาเข็ม บรรดา หรือหลังคาก็ตาม หนังสือเล่มนี้ผู้เขียนเปรียบเทียบได้น่าสนใจว่า เป็นเสมือนคู่มือเรียนรู้ภาษาบ้าน ภาษาของช่างของวิศวกร เพื่อที่ว่าวันหนึ่งที่คุณจะต้องยุ่งกับบ้าน คุณก็จะสามารถพูดภาษาเดียวกับเค้าได้ เปรียบให้ง่ายอีกนิด ก็เหมือนถ้าคุณไม่รู้ภาษาอังกฤษ แต่คุณต้องคุยกับคนอังกฤษด้วยความจำเป็น ก็คงจะลำบากไม่น้อย เพราะกว่าจะเข้าใจกันได้ก็คงมีการเข้าใจผิด หรือเข้าใจไม่ตรงกันมากมาย มีสองเรื่องน่าสนใจในเล่มที่ผมไม่เคยรู้ เรื่องแรกคือเรื่องสีฟ้า สีฟ้า แต่เดิมนั้นไม่เคยมีชื่อเรียกสีนี้ในบ้านเรา แต่เดิมทีสีฟ้าเราคนไทยจะเรียกว่าสีเขียว เหมือนกับคำว่า สุดหล้าฟ้าเขียว…

Thailand only เรื่องแบบนี้ มีแต่ไทยๆ

Thailand only หรือ ไทยแลนด์โอลี้ ประโยคดังจากเดี่ยวไมโครโฟนของโน๊ตอุดมซักตอน ที่เป็นผู้จุดประโยคนี้ให้กลายเป็นประเด็นฮิตไปทั่วบ้านทั่วเมือง แรกเริ่มเดิมทีความหมายของ ไทยแลนด์โอลี้ ไม่ได้หมายความในทางที่ดีซักเท่าไหร่ แต่ในเล่มนี้ก็ฉลาดเลือกหยิบคำไกล้ตัวเอามาตีความขยาย เพิ่มเรื่องราวดีๆที่เราคนไทยไม่เคยรู้ ไม่เคยคิด หรือแม้แต่ไม่เคยสนใจมาก่อนให้น่าสนใจได้ เช่น สมการสีประจำวัน 7 วัน 7 สีที่เราท่องจำกันแต่เด็กที่ว่า หนึ่งวันอาทิตย์สีแดง สองวันจันทร์สีเหลือง บลาๆๆ นั้นคนไทยเอามาจากแขก(อินเดีย) แต่ละสีของแต่ละวันนั้นคือสีกายของ 7 เทพเจ้าอินเดียที่พระอิศวรสร้างขึ้น หาใช่ของไทยแท้ๆเดิมๆ ขนมไทยอย่าง ทองหยิบ ทองหยอด…

ออกกำลังใจ ทุกข์ได้ แต่ใจต้องไม่กระเทือน

สรุปหนังสือ ออกกำลังใจ ทุกข์ได้ แต่ใจต้องไม่กระเทือน เล่มนี้เขียนโดย ดร.ณัชร สยามวาลา เป็นหนังสือที่เพื่อนสายธรรมะคนหนึ่งให้ผมมานานร่วมปีแล้ว ดูภายนอกเธอเป็นสาวมั่นจนอาจทำให้บางคนหมั่นใส้ได้ถ้าไม่รู้จักเธอ แถมยังเป็นสาวออฟฟิศที่ดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าเธอจะไปปฏิบัติธรรมที่เชียงใหม่เป็นประจำ ตอนนั้นเราคุยกันว่าจะแลกหนังสือกันคนละเล่ม ผมให้หนังสือท่าน OSHO ไปหนึ่งเล่ม จำไม่ได้เหมือนกันว่าเป็นเล่มไหนใน 10 เล่มชุด Insight for a New Way of Living และเธอก็ให้หนังสือเล่มนี้กับผมมา เพราะในตอนนั้นผมคงหัวรั้นกว่าตอนนี้ ที่เชื่อว่าตัวเองไม่เชื่อในศาสนาเท่าไหร่นัก ไม่ว่าเธอจะพูดเรื่องไหนขึ้นมา ผมจะหาเหตุผลจากศาสตร์ต่างๆมาตอบเธอได้ทันควัน จนเวลาผ่านไปใจเริ่มเย็นลงด้วยอายุที่มากขึ้น…

ทำไม Netflix ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง

ถ้าให้สรุปหนังสือ ทำไม Netflix ถึงมีแต่คนโคตรเก่ง แบบสั้นๆ ผมบอกได้เลยว่า เพราะเค้าเลือกแต่คนที่เก่งและหิวกระหายที่จะเก่งตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะคัดคนที่ไม่เก่งออกไปโดยไม่ลังเล แม้ว่าคนนั้นจะเคยเก่งมากเมื่อ 6 เดือนก่อนก็ตาม ผมว่าใจความสำคัญของเล่มนี้คือ “บริหารทีมงานเหมือนทีมกีฬา” คุณอาจสงสัยว่าแล้วการบริหาร “ทีมกีฬา” มันต่างจากการบริหาร “ทีมงาน” แบบเดิมอย่างไรล่ะ แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เราคุ้นเคยกับประโยคที่บอกว่า ทีมงานเรา “เหมือนครอบครัว” ได้ใช่มั้ยครับ นี่เป็นประโยคสุดคลาสสิกที่ไม่ว่าบริษัทไหนก็มักจะพูดกันแบบนี้ว่าเราอยู่กันเป็นครอบครัว เราอยู่กันเหมือนพี่น้อง แต่ในความเป็นจริงแล้วพอถามบรรดาหัวหน้าทีม HR หรือผู้บริหารทั้งหลายว่าเคย “ไล่คนออกมั้ย?” พวกเขาทุกคนล้วนยกมือตอบว่าเคยกันทั้งนั้น…

Outside In ขายอะไรกำไรแค่ได้ใจลูกค้า

สรุปหนังสือ Outside In หรือ ขายอะไรก็กำไรแค่ได้ใจลูกค้า หัวใจของหนังสือเล่มนี้ว่าด้วยเรื่องของ “ประสบการณ์ลูกค้า” ที่ทำแล้วเพิ่มยอดขายให้ธุรกิจได้ในระยะยาว และทำให้ธุรกิจนั้นกลายเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งจนยากที่จะเลียนแบบได้ทันที ฟังแบบนี้อาจดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับผู้บริหาร หรือนักธุรกิจมากกว่านักการตลาด แต่ความจริงแล้วผมอยากจะบอกว่า หนังสือเล่มนี้เหมาะกับนักการตลาดและคนสายงานโฆษณามากกว่าผู้บริหาร เพราะอย่างที่รู้กันว่า “แบรนด์” นั้นคือสิ่งที่ผู้คนรู้สึก ดังนั้นประสบการณ์ที่ดีจึงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความรู้สึกที่ดีให้กับแบรนด์นั้น เพื่อจะกลายเป็นแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่ในระยะยาว การปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าให้ดีจนไปสู่ยอดขายหรือกำไรบริษัท มีหัวใจหลักอยู่ที่ 3 ขั้นตอน เห็นปัญหา ทำความเข้าใจ และปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น เช่น ครั้งนึง Fedex เคยเริ่มปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าด้วยการ เอากองภูเขาพัสดุที่สุมอยู่ด้านหลังพนักงานออกไปไว้หลังฉากไม่ให้ลูกค้าเห็น…