ไม่อยากจะเชื่อว่าจะมีคนเอาเรื่องราวของธุรกิจและการตลาด ไปเปรียบเทียบกับฟุตบอลได้อย่างหมดจดได้อย่างหนังสือเล่มนี้

ถ้าคุณเป็นคนที่พอรู้เรื่องบอลบ้าง คุณก็จะเข้าใจเรื่องราวการตลาดและมุมมองของธุรกิจได้ง่ายขึ้น เพราะผู้เขียนๆเปรียบเทียบการตลาดกับฟุตบอล ตั้งแต่การเลือกนักเตะ แผนการเล่น ไปยันการปั่นฟรีคิก ให้กลายเป็นเรื่องการตลาดได้อย่างไม่น่าเชื่อ

หรือถ้าคุณไม่รู้จักโลกของฟุตบอลเท่าไหร่นัก แต่คุณพอรู้เรื่องการตลาดหรือธุรกิจอยู่บ้าง หนังสือเล่มนี้ก็จะช่วยคุณเปิดมุมมองใหม่ให้รู้จักโลกของฟุตบอลด้วยมุมมองการตลาดและธุรกิจได้อย่างน่าสนุก เผื่อเวลาที่คุณต้องไปคุยธุรกิจกับคนที่ชอบฟุตบอล คุณก็จะต่อติดกับเค้าได้ง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ผมขอหยิบบางตอนบางหน้า ที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังพอกระตุ้นความอยากซื้อหนังสือเล่มนี้ซักหน่อยแล้วกันครับ

ขนาดสนาม

เคยสงสัยมั้ยว่าทำไมการแข่งฟุตบอลถึงต้องมีฝ่ายละ 11 คน มีฝ่ายละ 20 คนไม่ได้หรอ หรือเหลือแค่ฝ่ายละ 7 คนไม่ได้หรอ

คำตอบก็คือได้ครับ แต่ตัวแปรที่ทำให้ต้องมีฝ่ายละ 11 คนในการแข่งแบบปกติก็คือ “ขนาดของสนาม” ด้วยขนาดเท่านี้จำนวนคนที่เหมาะสมไม่น้อยไปจนหมดแรงวิ่ง หรือไม่มากไปจนวิ่งชนกันไม่สนุก ด้วยขนาดของสนามฟุตบอลมาตรฐานนี้น่าจะผ่านการทดสอบและทดลองมามากมายจนเหลือตัวเลข 11 คน เป็นตัวเลขที่เหมาะสมมากที่สุด

เรื่องธุรกิจก็เหมือนกันครับ การจะจ้างพนักงานแต่ละคนมาก็ต้องมีพื้นที่สนามที่เหมาะสมให้เค้าได้แสดงฝีมือ เพราะถ้าเกิดจ้างมาน้อยไปก็จะเกิดการเหนื่อยล้าเกินจำเป็น หรือถ้าจ้างมากไปก็จะกลายเป็นตัวสำรองที่ไม่ได้แสดงฝีมือ

การประชุม

ปัญหาสุดคลาสสิคของการทำงานก็คือ การประชุมที่มากมายไม่รู้จบ แถมยังยืดเยื้อไม่มีสาระ แต่จะไม่ประชุมก็ไม่ได้ เพราะไม่อย่างน้อยก็จะไม่รู้ว่าใครควรจะต้องไปทำอะไรต่อ 

ซากะมากิ ฮิซาชิ ประธานของบริษัทแคนนอนอิเล็กทรอนิกส์ที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนกฏการประชุมขึ้นมาใหม่ ทำให้การประชุมใช้เวลาน้อยลงแต่ได้ประสิทธิภาพไม่น้อยลงด้วยการ ตัดวาระการประชุมที่ไม่จำเป็น เริ่มประชุมให้ตรงเวลา ใครมาสายปรับตังค์ แบ่งเวลาตามวาระให้ชัดเจน ใครพูดเกินเวลาโดนปรับตังค์ สร้างวัฒนธรรมไม่พูดออกนอกเรื่อง คนที่ไม่เกี่ยวข้องก็ไม่ต้องเข้าประชุม และประธานการประชุมต้องเข้มงวด

แต่ทั้งหมดยังไม่จบแค่นี้ครับ ยังมีอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้การประชุมเกิดประสิทธิผลมากที่สุดคือ…เพิ่มความสูงโต๊ะขึ้นอีก 30 เซนติเมตร และเอาเก้าอี้ทั้งหมดออกจากห้องประชุม ผลก็คือทำให้ทุกคนต้องยืนประชุม เมื่อยืนสมองก็จะทำงานได้เร็วขึ้น จากผลวิจัยบอกว่าทำให้คิดได้เร็วขึ้นถึง 30% และพอยืนนานๆก็เมื่อยจนไม่อยากจะออกนอกเรื่อง

ทั้งหมดนี้ทำให้การประชุมของบริษัทนี้ใช้เวลาลดลงไปกว่าครึ่ง และได้เวลาทำงานเพิ่มคืนอีกเยอะเลย

น่าเอาไปใช้กันนะครับข้อนี้

ลองเล่นกองหน้า

ถ้าเป็นนักฟุตบอล ส่วนใหญ่ตอนเริ่มอาชีพก็มักจะเริ่มจากการเล่นกองหลัง จากนั้นก็ค่อยๆขยับโชว์ฝีไม้ลายมือขึ้นจนได้ไปเล่นกองกลาง และสุดท้ายได้เล่นกองหน้า แต่ทั้งหมดนี้คนทั่วไปอย่างผมอาจไม่รู้ว่ามันก็บอลเหมือนกันไม่ใช่หรอ แล้วมันจะเล่นต่างกันยังไง

ต่างกันซิครับ เพราะวัตถุประสงค์ในการเล่นบอลของแต่ละตำแหน่งก็ไม่เหมือนกัน กองหลังต้องเล่นบอลให้ออกจากโซนไกล้ประตูมากที่สุด ส่วนกองกลางเล่นบอลให้ได้จังหวะส่งให้กองหน้าดีที่สุด และกองหน้าก็เล่นบอลให้ทำประตูได้มากที่สุด

เห็นมั้ยครับ บอลเหมือนกันแต่เปลี่ยนตำแหน่งก็เล่นต่างกันแล้ว

ในโลกธุรกิจก็เหมือนกัน การเล่นกองหลังก็เหมือนกับเป็นผู้ผลิตสินค้าให้เค้า ส่วนกองกลางก็เป็นเหมือนฝ่ายจัดการจัดส่งสินค้าให้กองหน้า ส่วนกองหน้าก็เหมือนกับฝ่ายขายที่ต้องคอยทำประตูปิดยอดสร้างรายได้กลับมา

อุตสาหกรรมไทยส่วนใหญ่ที่ผ่านมามักเป็นผู้ผลิต OEM ให้กับแบรนด์อินเตอร์ทั้งหลาย ลองคิดดูซิว่าถ้าคุณเป็นกองหลังหรือผู้ผลิตที่เข้าใจการขาย หรือความต้องการของผู้บริโภค แค่นี้ก็ทำให้คุณแตกต่างจากกองหลังทั้งหลายขนาดไหนแล้ว

ฟุตบอลสวยงาม

ในการแข่งฟุตบอลนั้นการเอาชนะด้วยผลสกอร์อาจไม่ใช่ทั้งหมด เพราะความสนุกในเกมส์ก็เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดแฟนบอลให้อยู่กับเราตลอด เหมือนถ้าเอาแต่เล่นอุดแล้วรอสวนกลับให้ได้ประตู คิดดูซิว่าการเชียร์บอลของแฟนบอลทีมนั้นจะน่าเบื่อแค่ไหน

ธุรกิจก็เหมือนกันถ้าจะเอาแต่ผลกำไรให้ตัวเอง แล้วคู่ค้า พนักงาน และสังคม จะรู้สึกกับเรายังไง ทำให้ทุกวันนี้หลายบริษัทมีทีม CSR ของตัวเอง หรือถ้าทันสมัยก่อนก็อาจไปถึงขั้นมีหน่วยงานที่ดูแลเรื่องความยั่งยืน

ลองเปลี่ยนโจทย์จาก “นำกำไร ไปช่วยสังคม” เป็น “สร้างสังคมให้น่าอยู่ แล้วบริษัทได้กำไรด้วย” เหมือนทีมฟุตบอลที่เล่นสวยงาม เอนเตอร์เทนคนดู แล้วยังยิงประตูได้ด้วย

และนี่…เป็นหนังสือกการตลาดและธุรกิจที่อยากแนะนำให้ทั้งคนที่เป็นคอบอล และคนที่ไม่ได้เป็นคอบอลได้ลองอ่าน แล้วคุณจะพบมุมมองใหม่ๆจากกีฬาไกล้ตัวแบบที่คาดไม่ถึงเหมือนผม

อ่านแล้วเล่า ปั่นฟรีคิกพลิกไอเดีย
กลยุทธ์พิชิตธุรกิจที่แม้แต่ผี ปืน สิงห์ หงส์ ยังต้องซูฮก!!

นายขลุกขลิก เขียน
สำนักพิมพ์ pannbooks

อ่านเมื่อปี 2018

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/