สรุปหนังสือ Toyotomi Hideyoshi โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ จากชาวนาสู่ผู้รวมประเทศญี่ปุ่น

สรุปหนังสือ Toyotomi Hideyoshi โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ จากชาวนาสู่ผู้รวมประเทศญี่ปุ่น เปิดตำนานชาวนาผู้ยากไร้ สู่ซามูไรผู้ไต่เต้าขึ้นเป็นผู้นำของประเทศญี่ปุ่น ของสำนักพิมพ์แสงดาว ต้องบอกว่าหนังสือเล่มนี้ผมได้มาพักใหญ่ น่าจะราวๆ 2 ปีที่แล้ว เกือบจะได้อ่านมาหนึ่งครั้งแต่ก็ไม่ได้แม้แต่เริ่มเปิดอ่าน เมื่อปีก่อนผมไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นก็หยิบหนังสือเล่มนี้ติดไปด้วย แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่ได้มีโอกาสเปิดหนังสือเล่มนี้อ่าน แล้วพอกลับมาไทยก็ไม่ได้หยิบขึ้นมาอ่านอีกเลย จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่ผมได้ไปเที่ยวเชียงใหม่มา ได้มีเวลาที่เรียกว่าเกือบจะได้พักผ่อนจริงๆ จึงได้เล่มอ่านหนังสือเล่มนี้ และอีก 2 เล่มจากทริปเดียวที่เชียงใหม่

ในฐานะเด็กผู้ชายบ้าการ์ตูนญี่ปุ่นมาก่อนก็มักจะคุ้นเคยกับชื่อ ฮิเดโยชิ เป็นอย่างดี ในฐานะซามูไรคนสำคัญในการ์ตูนเป็นประจำ และนั่นก็ทำให้ผมต้องหยิบหนังสือเล่มนี้ติดมือมาจากร้านหนังสือเพราะอยากจะรู้ว่าแท้จริงแล้วซามูไรที่ชื่อฮิเดโยชินั้นมีเรื่องราวเป็นอย่างไร

ก่อนอ่านผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้น่าจะอ่านยาก และแอบกังวลนิดๆ ว่าจะมีความสนุกบ้างมั้ยนะ เพราะกลัวว่าจะออกไปทางชีวประวัติแบบตำนานพงศาวดารเสียเหลือเกิน แต่พอได้เริ่มอ่านดูไม่กี่หน้าถึงได้รู้ว่าอ่านสนุกจนวางไม่ลงจริงๆ ครับ

เรียกได้ว่าหนังสือหนาเกือบ 300 หน้า แต่ผมสามารถอ่านจบได้ภายในไม่กี่วัน ทั้งที่มีเวลาอ่านแค่วันละเล็กน้อยแม้จะไปเที่ยวอยู่เชียงใหม่ เพราะช่วงเวลานั้นผมต้องนั่งทำงานสำหรับเตรียมงานทั้งอาทิตย์ทันทีที่กลับไปถึงกรุงเทพ ทั้งต้องไปบรรยายพิเศษ ต้องไปสอนและจัดทำ Workshop ให้กับบริษัทตลอดทั้ง 4 วันติดเลยครับ

ก่อนอื่นต้องชมผู้เขียนว่าสามารถเล่าเรื่องให้น่าสนใจ อ่านได้แบบไม่ยาก ไม่ต้องใช้ความรู้เยอะ แค่พอจะเคยรู้เรื่องประวัติศาสตร์ซามูไรญี่ปุ่นผ่านการ์ตูนหรือเกมมาบ้างก็น่าจะสนุกกับหนังสือเล่มนี้ได้ไม่ยากครับ

สรุปหนังสือ Toyotomi Hideyoshi
โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ จากชาวนาสู่ผู้รวมประเทศญี่ปุ่น

เรื่องเริ่มจากว่าที่ญี่ปุ่นในสมัยก่อนที่เรียกว่ายุคเซนโงคุนั้นเต็มไปด้วยสงครามความไม่สงบมากมาย อารมณ์ก็คล้ายๆ ช่วงวุ่นวายในยุค 3 ก๊กที่คนไทยรู้จักดีนั่นแหละครับ แต่ในญี่ปุ่นช่วงนั้นเรื่องราวถูกขับเคลื่อนด้วย 3 คนสำคัญ เริ่มจาก โอดะ โนบุนางะ ตามด้วย โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ และปิดท้ายด้วย อิเอยาสึ

เนื้อหาหลักๆ ในเล่มจะอยู่ในยุคของขุนพลอย่างโนบุนางะ และฮิเดโยชิเป็นหลัก นั่นก็เพราะโนบุนางะเป็นขุนพลหลักในช่วงนั้นที่ต้องการรวบรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่น แล้วฮิเดโยชิ ก็เข้ามาเริ่มจากการเป็นคนใช้คอยถือรองเท้าแตะให้กับโนบุนางะ และจากจุดเริ่มต้นที่ได้รู้จักโนบุนางะจากการเป็นคนถือรองเท้าแตะที่แสนต่ำต้อย ก็ทำให้เขาได้กลายเป็นชายผู้รวมประเทศญี่ปุ่นได้เป็นคนแรกในรอบ 150 ปีครับ

ฮิเดโยชิเองแรกเริ่มเดิมทีเป็นแค่ชาวนายากจนธรรมดา แต่ด้วยความฝันและใฝ่สูงอยากจะร่ำรวยและเป็นใหญ่ก็ทำให้เขาหาทางกระเสือกกระสนสร้างชะตาชีวิตตัวเองขึ้นมาใหม่

จากชาวนากลายเป็นพ่อค้า จากพ่อค้ากลายเป็นคนรับใช้พลทหาร จากพลทหารกลายเป็นซามูไร จากซามูไรกลายเป็นขุนพล จากขุนพลกลายเป็นแม่ทัพ และจากแม่ทัพก็กลายเป็นผู้นำประเทศในที่สุด

ตอนแรกเริ่มที่ฮิเดโยชิเข้ามาทำงานในปราสาทของโนบุนางะ ด้วยการที่ตัวเขาเองมีพื้นเพมาจากชาวนาที่ถือว่าเป็นชาวบ้านต่ำต้อย เมื่อเทียบกับบรรดาซามูไรต่างๆ รอบตัวโนบุนางะที่เกิดมาก็อยู่ในยศฐาบรรดาศักดิ์แล้ว ทำให้ซามูไรอื่นๆ ไม่ค่อยมีใครอยากเข้ามายุ่งหรือสุงสิงกับฮิเดโยชิ ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะแม้แต่ในปัจจุบันเราก็ยังเห็นการเหยียดระหว่างชนชั้นอยู่รอบตัวและทั่วโลกไม่น้อย

แต่การจะเป็นใหญ่ได้นั้นต้องมีบริวารสนับสนุน และนั่นก็เลยทำให้ฮิเดโยชิหันทิศมาเข้าหาบรรดากลุ่มเด็กรับใช้ภายในปราสาท ที่บรรดานายๆ ซามูไรทั้งหลายไม่เคยเหลียวแล และด้วยการที่ฮิเดโยชิเข้าหาคนกลุ่มนี้ก็ทำให้ได้ใจพวกเขาไปในที่สุด และนั่นก็ทำให้ฮิเดโยชิสามารถเข้านอกออกในและรู้เรื่องราวมากมายจากบรรดาเด็กรับใช้รอบวัง ที่มักต้องเดินไปได้ยินโน่นนี่นั่นอยู่ตลอดเวลา

หรือการที่ฮิเดโยชิเคยถูกบรรดานายกองซามูไรหัวเราะเยอะรอบวงเมื่อถูกโนบุนางะถามว่า “เจ้ามีเป้าหมายอะไรในชีวิต” เมื่อซามูไรคนอื่นๆ ต่างพูดถึงความฝันอันสูงส่งของตัวเองออกไปให้คนอื่นต้องอ้าปากค้าง บ้างบอกว่าอยากเป็นไดเมียวผู้ยิ่งใหญ่ บ้างบอกว่าอยากเป็นยอดขุนพลหรือกระทั่งโชกุน แต่เมื่อถึงคราวที่ฮิเดโยชิตอบคำตอบเป้าหมายของเขานั้นเรียบง่ายมาก นั่นคือเขาอยากมีที่ดินเพิ่มขึ้นอีกแค่นิดหน่อย และนั่นก็ทำเอาซามูไรรอบวงต้องขำและถามว่าทำไมเจ้าถึงมีเป้าหมายที่เล็กน้อยจัง

คำตอบของฮิเดโยชิน่าสนใจ เขาบอกว่าที่เค้ามีเป้าหมายเล็กๆ นั่นเพราะเป้าหมายพวกนี้สามารถพิชิตได้ไม่ยาก และเมื่อเราพิชิตเป้าหมายเล็กๆ ไปได้เรื่อยๆ นั่นก็จะเป็นการเข้าใกล้เป้าหมายใหญ่โดยไม่รู้ตัว

กลยุทธ์ของฮิเดโยชิข้อนี้น่าสนใจมาก บอกให้เรารู้ว่าเรามีฝันที่สูงได้ แต่เราต้องอย่าลืมสร้างเป้าหมายเล็กๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อให้เราได้เข้าใกล้เป้าใหญ่ที่เป็นฝันของเรามากขึ้น

ถ้าเราฝันจะเป็นมหาเศรษฐี เราอาจจะต้องเริ่มจากเป้าเล็กๆ อย่างการเก็บเงินแสนแรก แล้วค่อยกลายเป็นล้านแรก จากนั้นค่อยกลายเป็นสิบและร้อยล้านตามมาครับ

เหมือนที่ฮิเดโยชิทำ ค่อยๆ เก็บเป้าเล็กไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นได้ในตอนท้าย

กลยุทธ์การพิชิตข้าศึกของฮิเดโยชิก็น่าสนใจและแตกต่างจากโนบุนางะผู้เป็นนายของเขาอย่างลิบลับ

โนบุนางะหรือขุนพลคนอื่นๆ มักจะเลือกวิธีเปิดศึกหรือกำราบศัตรูด้วยการฆ่าให้เกลี้ยงเพื่อชัยชยะ แต่ฮิเดโยชิเลือกที่จะค่อยๆ หาทางทำให้ศัตรูรู้สึกว่าตัวเองแพ้จนต้องขอยอมแพ้ในที่สุด ทำให้ตัวเองไม่ต้องเจ็บตัวเสียกองทหาร แถมยังทำให้ได้พันธมิตรมากมายในตอนท้ายด้วยการซื้อใจจากการปล่อยให้ศัตรูสามารถยอมแพ้ได้ด้วยตัวเอง

หรือครั้งนึงเขาเคยโกรธศัตรูคนหนึ่งมาก ที่ส่งทูตไปเจรจาถึง 3 ครั้งแต่กลับฆ่าทูตทั้ง 3 คนเกลี้ยง และเขาเลยแก้แค้นด้วยการฆ่าลูกสาวของขุนศึกคนนั้นที่ส่งมาเป็นตัวประกันในช่วงสงครามชดเชย แต่เมื่อท้ายที่สุดเขาสามารถจับตัวขุนศึกซามูไรคนนั้นได้ ทุกคนคิดว่าเขาต้องประหารขุนศึกคนนั้นแน่ แต่เปล่าเลย ฮิเดโยชิบอกว่าเขาโกรธและแค้นมากจนอย่างจะแล่เนื้อให้เป็นชิ้นๆ แล้วเอาไปย่างให้อีกากินซะ แต่เพราะเขาเองก็เคารพในความต้องการที่จะปกป้องปราสาทและนายเหนือหัวของข้าศึกคนนั้นมาก จนต้องยอมไว้ชีวิตให้กับความจงรักภักดีอย่างถึงที่สุด

และนั่นก็ทำให้เขาได้เป็นพันธมิตรทีเหนียวแน่นเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน

กลยุทธ์การข่มขวัญข้าศึกของฮิเดโยชิในช่วงสงครามก็น่าสนใจ ตรงที่เขาเคยสร้างกำแพงปราสาทที่พอใช้การได้ภายในวันเดียว เขาก็เอาวิธีเดียวกันมาใช้สร้างปราสาทที่ดูใหญ่กว่าศัตรูภายใน 1 วัน เพื่อทำให้ศัตรูขวัญกระเจิงและเสียขวัญจนต้องยอมแพ้ในที่สุด

แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาไม่ได้ใช้เวลาแค่หนึ่งวันในการสร้างหรอก เพียงแต่เขาเอาต้นไม้ใหญ่ๆ ไว้บังหน้าระหว่างการสร้างปราสาทที่ใหญ่โตกว่าของคู่แข่งไว้ข้างหลัง โดยที่เมื่อสร้างเสร็จทั้งสองปราสาทจะประจันหน้ากันทันที และพอเมื่อสร้างเสร็จฮิเดโยชิก็สั่งให้ทหารตัดต้นไม้สูงๆ ที่บังปราสาทที่เพิ่งสร้างเสร็จออกไป ผลคือบรรดาศัตร์ที่ถูกปิดล้อมปราสาทไว้ตกใจมากเพราะเมื่อวานยังเห็นมีแต่ต้นไม้ใหญ่ แต่มาเช้าวันนี้กลับเห็นปราสาทที่ใหญ่กว่าเข้ามาแทน

ผลคือทหารข้าศึกเสียขวัญจนแตกพ่ายไปในที่สุดครับ

กลยุทธ์นี้สามารถเอามาปรับใช้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี ลองคิดดูซิว่าถ้าคุณสามารถสะสมความได้เปรียบบางอย่างไว้ไม่ให้คู่แข่งรู้ ถึงเวลาคุณก็สามารถหยิบเอามาใช้ได้เลยประหนึ่งว่าคุณสามารถทำงานได้เร็วกว่าเขาซัก 10 เท่า แค่นั้นก็ไม่มีใครอยากจะสู้รบปรบมือทางธุรกิจแข่งกับคู่บ่อยๆ แล้วล่ะครับ

อีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจของฮิเดโยชิผู้นี้คือ เข้ากล้าสละแม่และน้องสาวเพื่อให้การรวมญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นภายใต้การปกครองของเขาครับ

เรื่องมีอยู่ว่าตอนนั้นขุนพลสำคัญอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่า อิเอยาสึ (คนที่จะมาเป็นใหญ่ต่อจากฮิเดโยชิ) นั้นยังไม่เข้าพวกกับฮิเดโยชิดี เขาก็เลยเลือกที่จะส่งแม่และน้องสาวไปเป็นตัวประกันให้อยู่กับฝ่ายศัตรู เพื่อแลกกับการสวามิภักดิ์ และนั่นก็ส่งผลให้อิเอยาสึยอมรับในตัวฮิเดโยชิในท้ายที่สุด จากศัตรูกลายเป็นขุนพลข้างกายคนสำคัญของฮิเดโยชิครับ

กลยุทธ์การให้โอกาสเพื่อหาทางกำราบของฮิเดโยชิก็น่าสนใจ

ครั้งหนึ่งเขาเคยยอมศัตรูให้ได้พื้นที่บางส่วนที่ถูกเรียกร้องไปเพื่อแลกกับการให้ยอมจำนนต่อเมืองหลวง ครั้นพอฮิเดโยชิยกพื้นที่นั้นให้แล้วก็จึงทำการเรียกขุนพลคนนั้นเขามาที่เมืองหลวงของโชกุนที่ตัวเองเป็นผู้กุมอำนาจอยู่ ปรากฏว่าขุนพลคนนั้นกระด้างกระเดื่องไม่ยอมมา ทำให้ฮิเดโยชิสามารถยกทัพไปปราบได้อย่างเต็มที่ เพราะมีข้ออ้างในการทำศึกแบบไม่น่าเกลียดอีกต่อไป

หรือแม้แต่การยอมให้โอกาสศัตรูที่ไม่น่าให้โอกาส ด้วยการให้ไปจัดการงานยากๆ ที่ไม่น่าจะทำได้ ในด้านหนึ่งถ้าขุนพลคนนั้นทำได้ก็ถือว่าคุ้มค่ากับการให้โอกาส แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ถือเป็นโอกาสในการหาทางกำจัดแบบไม่ถูกผู้คนครหาครับ

และกลยุทธ์สุดท้ายที่อยากจะเล่าให้ฟังจากหนังสือเล่มนี้ เรียกได้ว่าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ฮิเดโยชิประสบความสำเร็จเหนือกว่านายเก่าโนบุนางะ นั่นก็คืออะไรที่เขาไม่แน่ใจว่าจะประสบความสำเร็จเขาจะไม่ทำ หรือถ้าอะไรที่มีความเสี่ยงเขาจะไม่ลงมือ

ด้วยกลยุทธ์การลดความเสี่ยงที่ไม่จำเป็นทั้งหมดทำให้เขาสามารถก้าวขึ้นมาเป็นใหญ่จนสามารถรวบรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นคนแรกได้ในรอบหลายร้อยปี

ดังนั้นทุกครั้งที่ฮิเดโยชิเสี่ยง นั่นหมายความว่าทางเลือกนั้นเป็นทางเลือกที่เสี่ยงน้อยที่สุดที่จะพาให้เขาเข้าใกล้เป้าหมายใหญ่ นั่นก็คือการค่อยๆ พิชิตเป้าหมายเล็กไปเรื่อยๆ แม้ใครจะมองว่าเล็กน้อย แต่ก็เข้ากับคำโบราณที่ว่า มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาทครับ

สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกว่าในประวัติศาสตร์นั้นมีอะไรให้เราเรียนรู้เสมอ แต่สิ่งที่เรามักจะได้เรียนรู้อยู่เสมอก็คือการเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยครับ

สรุปหนังสือ Toyotomi Hideyoshi
โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ จากชาวนาสู่ผู้รวมประเทศญี่ปุ่น

อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 71 ของปี 2019

สรุปหนังสือ Toyotomi Hideyoshi
โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ จากชาวนาสู่ผู้รวมประเทศญี่ปุ่น
เปิดตำนานชาวนาผู้ยากไร้ สู่ซามูไรผู้ไต่เต้าขึ้นมาเป็นผู้นำของประเทศญี่ปุ่น
ยศไกร ส.ตันสกุล เขียน
สำนักพิมพ์ แสงดาว

20191212

อ่านหนังสือแนวประวัติศาสตร์ต่อ > https://www.summaread.net/category/history/

สนใจสั่งซื้อ > http://bit.ly/HideyoshiSangDao

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/