สรุปรีวิวหนังสือ คนก้าวชีวิต เรื่องราวชีวประวัติ ศรีกรุง อรุณสวัสดี เจ้าของศรีกรุงโบรคเกอร์ นักคิด นักทำ นักสู้ ผู้สร้างธุรกิจพันล้านจากจุดเริ่มต้นที่น้อยกว่าศูนย์
ความน่าสนใจตั้งแต่หน้าปก คือที่จุดเริ่มต้นน้อยกว่าศูนย์ครับ เพราะคุณศรีกรุง อรุณสวัสดี เจ้าของศรีกรุงโบรคเกอร์คนนี้ เขาพิการตั้งแต่ยังเด็ก แถมโตขึ้นมาก็มีเหตุให้ต้องพิการเพิ่มอีก ดังนั้นคนไหนที่เกิดมาจนแต่ยังครบ 32 สุขภาพแข็งแรง ก็ถือว่าคุณยังเริ่มต้นจากแค่ศูนย์ แต่เมื่อเทียบกับคุณศรีกรุงคนนี้ ชีวิตเขาเริ่มต้นจากติดลบจริงๆ
หนังสือเล่มนี้ยิ่งกว่าคำว่าหนังสือสู้ชีวิต เพราะคุณจะได้รู้รายละเอียดของผู้ชายที่สร้างบริษัทศรีกรุงโบรคเกอร์คนนี้ที่คำว่ายิ่งกว่านิยายมีอยู่จริง
บทเรียนที่หนึ่งที่ผมชอบที่สุดจากหนังสือ คนก้าวชีวิต ประวัติขอคุณศรีกรุง อรุณสวัสดี คือ “ความพยายาม”
เราอาจแค่ยังพยายามไม่มากพอหรือเปล่า?
คุณศรีกรุงเองพิการด้วยโรคโปลิโอ ถ้าดูจากรูปหน้าปกก็บอกได้ชัดเจน แต่เชื่อไหมครับว่าแม้แขนขาจะพิการไม่มีแรงแบบคนทั่วไป แต่เขาคนนี้ก็สามารถขี่จักรยาน ขับมอเตอร์ไซค์ หรือแม้แต่ขับรถยนต์ได้เหมือนที่คนทั่วไปทำ
คุณศรีกรุงบอกว่าคนปกติขี่แบบไหน ขับอย่างไร เขาก็จะทำให้ได้แบบนั้น จะไม่แต่งเสริมอะไรเพิ่ม แค่ต้องเพิ่มพยายามที่จะใช้รถเหมือนคนทั่วไปให้ได้ อาจจะต้องหาตัวช่วยนิดหน่อยแต่ไม่ได้ดัดแปลงอะไรมากไป จนทำให้บทเรียนกับตัวเองว่า ที่เราทำอะไรไม่ได้ เป็นเพราะเรายังไม่พยายามมันมากพอหรือเปล่านะ
คุณศรีกรุงบอกว่า “ยังมีเรื่องยากอีกมากที่เราทำได้ เพียงแค่ที่ผ่านมาเรายังไม่เคยลองทำมันเท่านั้น”
ย้อนกลับมาคิดดูกับตัวเองก็น่าจะจริง หลายครั้งเวลาเจออุปสรรคเรามักท้อ มักบอกตัวเองให้พอแค่นี้หรือหยุดเถอะ เราคงทำมันไม่ได้หรอก
แต่พอเราได้ตั้งสติแล้วกลับมาสู้กับปัญหานั้นอีกครั้ง เราจะพบทางออกใหม่ๆ เราจะพบว่าปัญหานั้นมักไม่ได้ใหญ่อย่างที่คิดไว้ตอนแรก
จนผมได้บทเรียนกับตัวเองว่า “ถ้าเราพยายามมากพอ เราจะเจอทางออกเสมอ”
บทเรียนถัดมาที่ผมได้จากหนังสือเล่มนี้คือ…
ภายใต้กฏไม่เคยมีโอกาส
เป็นช่วงที่คุณศรีกรุงเล่าว่า สมัยก่อนเขาเคยขายตั๋วผี ตั๋วหนังภายนต์แถวเยาวราช แม้การขายตั๋วผีจะเป็นเรื่องผิดกฏหมาย แต่ไม่ได้ผิดศีลธรรมแต่อย่างไร
ตั๋วผีไม่ได้ไปทำร้ายชีวิตใครให้ตกต่ำ คุณศรีกรุงเทียบกับการขายบุหรี่หรืออะไรทำนองนั้น ที่คุณศรีกรุงบอกว่าแม้จะไม่ผิดกฏหมายแต่ในมุมมองส่วนตัวมองว่าผิดศีลธรรม คุณศรีกรุงจึงขอไม่ยุ่งเกี่ยว แค่ขายตั๋วผีที่ผิดกฏหมายแต่ไม่ผิดศีลธรรมก็พอ
ใช้ทุกนาทีให้มีค่า
คนส่วนใหญ่วันนี้พยายามหาอะไรทำฆ่าเวลาไม่น้อย แต่รู้ไหมว่าเวลาของคนเราคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต เพราะเวลาเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้วเอากลับคืนมาไม่ได้ คุณศรีกรุงเองสมัยเป็นช่างกุญแจ ระหว่างตอนสายรอร้านกุญแจที่ตัวเองทำงานเปิด ก็ไปขอทำงานอีกร้านกุญแจนึงที่เปิดเช้ากว่า
ทำงานสามชั่วโมงแลกกับเงิน 10 บาทในเวลานั้น และเจ้าของร้านก็ใจดีแถมก๋วยเตี๋ยวเนื้อให้ชามนึง
คุณศรีกรุงบอกว่ากินก๋วยเตี๋ยวเนื้อร้านเดิมเป็นปีไม่มีเบื่อ เพราะคุณศรีกรุงบอกว่าไม่มีสิทธิ์เลือก แค่มีให้กินประหยัดเงินค่าข้าวก็ถือว่าดีแล้ว
ลงทุนเพื่อสร้างโอกาส ไม่ใช่แค่เพื่อสร้างผลตอบแทน
ผมชอบเรื่องนี้ไม่น้อย เป็นเรื่องราวที่คุณศรีกรุงสมัยยังเป็นช่างกุญแจ เลือกที่จะลงทุนลงโฆษณาในสมุดหน้าเหลือง ค่าโฆษณาตอนนั้นปีละหลายพันบาท เป็นเงินเยอะมากสำหรับเจ้าของร้านกุญแจเล็กๆ แถมยังลงทุนติดโทรศัพท์บ้านไว้ สมัยนั้นค่าติดตั้งโทรศัพท์เป็นเงินหลายหมื่น สมัยที่ข้าวยังจานละไม่ถึงสิบบาท
น่าสนใจเพราะคนส่วนใหญ่มักเลือกลงทุนเมื่อพร้อม เมื่อมั่นใจแล้วว่าลงทุนไปแล้วจะได้อะไร
แต่นั่นหมายความว่ากว่าทุกอย่างจะพร้อม คุณก็ช้ากว่าคนอื่นไปเยอะแล้ว คนอื่นที่ลองผิดลองถูกทีแรกเขาเข้าถึงโอกาสได้ก่อนคุณ กว่ามันจะเริ่มเป็นที่นิยมในวงกว้าง ตลาดก็เริ่มวายจะไม่เหมือนอะไรให้คุณกิน
ดังนั้นการลงทุนที่ดีคือการลงทุนเพื่อสร้างโอกาส นั่นหมายความว่าคุณยังไม่รู้หลอกว่าที่จ่ายไปมันจะได้กลับมาเท่าไหร่ แต่เรารู้ว่ามันจะได้อะไรกลับมาบ้าง
วิธีการวัดผลการลงทุนจะใช้หลักคิดแบบเดิม ROI อย่างเดียวไม่ได้ เราต้องคิดถึงค่าเสียโอกาสด้วยว่าถ้าเราไม่ลงทุนแล้วจะต้องเสียอะไรไป แล้วถ้าคุณแข่งทำแบบเดียวกันเราจะเสียหายหรือเสียโอกาสไปเท่าไหร่ ถึงวันนั้นเราจะยังอยากลงทุนทำสิ่งนี้หรือไม่ครับ
ถ้าใช่ก็รีบลงทุนลงมือทำซะ เรียนรู้การเข้าถึงความรู้ใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ก่อนคู่แข่ง อย่ารอให้พร้อมค่อยลงทุน นั่นหมายความว่าอะไรๆ ก็สายไปเสียแล้ว
Mindset Data-Driven Marketing
สิ่งหนึ่งที่ผมย้ำเสมอเวลาไปพูด สอน แชร์ หรือบรรยายที่ไหน ผมย้ำทุกครั้งว่า Data เป็นเรื่องของ Mindset ไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยีแต่อย่างไร
ในหนังสือคนก้าวชีวิตของคุณศรีกรุง อรุณสวัสดี ก็เผยให้เห็นแบบนั้นเหมือนกัน สมัยที่คุณศรีกรุงเริ่มขายประกันรถยนต์ คนอื่นใช้วิธีแจกใบปลิวให้กับทุกคนที่มีรถ ซึ่งเป็นเรื่องที่คนทั่วไปใครๆ ก็ทำกัน แต่กับคุณศรีกรุงไม่ คุณศรีกรุงเลือกรถที่จะเสียบจาก Data
คุณศรีกรุงเล่าในหนังสือเล่มนี้ว่า เขาเลือกเสียบนามบัตรไว้ที่หน้ารถคันที่ใกล้จะต้องต่อประกัน
คุณอาจสงสัยว่าเขารู้ได้ยังไงว่าคนไหนใกล้ต่อประกัน หน้ารถไม่ได้มีสติกเกอร์อะไรแปะบอกสักหน่อย
หน้ารถไม่มีแต่ทะเบียนรถพอบอกได้ คุณศรีกรุงเป็นคนความจำดี ความจำแม่น เขาจำได้ว่าทะเบียนเลขไหน ตัวอักษรอะไร ออกช่วงเดือนไหนของแต่ละปี พอเห็นทะเบียนเลขนี้ ตัวอักษรนี้ ก็พอคาดการณ์ได้ว่าประกันน่าจะหมดเมื่อไหร่
เพราะทะเบียนกับประกันมักออกคู่กัน ดังนั้นถ้าทะเบียนจะครบปี ก็หมายความว่าประกันรถยนต์ที่มีอายุ 1 ปีก็กำลังจะหมดพร้อมกัน
เป็นอย่างไรครับ กับ Mindset แบบ Data-Driven
ไม่ต้องใช้เครื่องมือ MarTech ที่ล้ำหรือซับซ้อน แค่ใช้ความจำ การสังเกต แล้วเลือก Targeted Marketing ทำการตลาดกับเฉพาะกลุ่มที่น่าจะใช่
ส่งผลให้ใช้ต้นทุนพิมพ์นามบัตรน้อยกว่า แต่ได้ผลตอบแทนสูงกว่า ถ้าใครไม่รู้จะทำการตลาดและธุรกิจอย่างไร ผมอยากแนะนำให้ลองอ่านหนังสือ คนก้าวชีวิต เรื่องราวชีวประวัติของคุณศรีกรุง อรุณสวัสดี ผู้ก่อตั้งบริษัทศรีกรุงโบรคเกอร์ดู
แล้วคุณจะพบว่าคุณมีชีวิตที่ได้เปรียบมากกว่าเขา แต่เราแค่ต้องพยายามให้ได้สักครึ่งของคุณศรีกรุงในการสู้ชีวิตเท่านั้นเอง
ถ้าเราสู้ชีวิตแล้วชีวิตสู้กลับ ก็ต้องสู้ชีวิตมันกลับไปอีกตั้ง เอาให้ชีวิตมันรู้ว่า กูไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคหรือโชคชะตานะเว้ย!
อ่านแล้วเล่า เล่มที่ 29 ของปี
สรุปหนังสือ คนก้าวชีวิต ชีวประวัติผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัทศรีกรุงโบรคเกอร์
นักคิด นักทำ นักสู้ ผู้สร้างธุรกิจพันล้าน จากจุดเริ่มต้นที่น้อยกว่าศูนย์
ศรีกรุง อรุณสวัสดี เรื่อง
ธรรศภาคย์ เลิศเศวตพงศ์ เรียบเรียง
อ่านหนังสือแนวชีวประวัติคนสู้ชีวิตในอ่านแล้วเล่าต่อ > https://www.summaread.net/category/biography/
สั่งซื้อออนไลน์ > https://www.naiin.com/product/detail/545984