อ่านจบไปหลายวันแล้วเพิ่มได้มีเวลามีเขียนถึงหนังสือชื่อ “ปิน็อกกีโอ” ชื่อแปลแบบดั้งเดิมตามการออกเสียงแบบอิตาลี ชาติกำเนิดของผู้แต่งเรื่องนี้ หรือ พิน็อคคิโอ นิทานขื่อคุ้นปากของใครทุกคน..ผมเชื่อแบบนั้น

แทบทุกคนคงรู้จักนิทานเรื่องนี้เหมือนกับตัวผมก่อนหน้านี้ว่า หุ่นกระบอกไม้ที่เกิดมีชีวิตเหมือนคนจริงๆขึ้นมา แล้วก็ชอบพูดโกหกจนจมูกยื่นจมูกยาว…แล้วไงต่อล่ะ

สำหรับผมตอนแรกผมก็รู้แค่นี้แหละ ที่เหลือผมจำไม่ได้แล้ว แต่พอได้อ่านต้นฉบับก็พบว่าสนุกและมีความแยบคายในตัวเรื่องตามสมัยที่แต่งในปี ค.ศ.1881 หรือตรงกับรัชกาลที่ 5 ที่กระตุ้นให้ผู้อ่านรู้จักวิธีสอนลูกหลานให้เป็นเด็กดีรักเรียนใผ่รู้ไม่ขี้เกียจเอาแต่เล่น..เพื่อจะได้เป็นแรงงานในการพัฒนาประเทศในช่วงชาตินิยมล่าอาณานิคมกันต่อไป ตัวเรื่องที่แท้จริงของปิน็อกกีโอเป็นแบบนี้ครับ

เริ่มจากปิน็อกกีโอนั้นเป็นท่อนไม้ที่มีชีวิตแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าช่างไม้คนนึงทำหุ่นไม้เสร็จแล้วก็ขอพรกับนางฟ้าให้หุ่นมีชีวิตเลยซักนิด อย่างที่ผมบอกครับ..ท่อนไม้ที่จะใช้ทำปิน็อกกีโอมีชีวิตแต่แรกและช่างไม้คนนั้นก็ตั้งใจเอาท่อนไม้นั้นไปจากเพื่อนสนิทคนนึงไป จากนั้นหุ่นไม้ปิน็อกกีโอที่มีชีวิตเหมือนมนุษย์คนนึง วิ่งได้ พูดได้ หิวได้ โกรธได้ ก็กลับไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดในเนื้อเรื่อง ก็เพราะในเรื่องยังมีหุ่นไม้อีกหลายตัวที่มีชีวิตเหมือนปิน็อกกีโอ

อ่านถึงตอนนี้ผมเองก็เงิบแดกเลยนึกว่าหุ่นไม้มีชีวิตจะเป็นเรื่องแปลก

ที่แปลกต่อมาคือตลอดทั้งเล่มเรื่องมีแค่ตอนเดียวทีปิน็อกกีโอพูดโกหกแล้วจมูกยื่นยาว จากนั้นก็ไม่มีเรื่องการโกหกจมูกยื่นยาวอีกต่อไป..ทำเอางงตาแตกเป็นครั้งที่สองครับ กลายเป็นว่าตลอดทั้งเรื่องหลักใหญ่ใจความคือ ปิน็อกกีโอคือหุ่นไม้ที่ขี้เกียจ เอาแต่ติดเที่ยวเล่น และไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวตามประสาเด็กทั่วไปแหละ

นิทานเรื่องนี้ก็เลยเหมือนค่อยๆสอนเด็กที่จะเห็นพัฒนาการในการเรียนรู้ผิดชอบชั่วดี ค่อยๆดีทีละนิดจนกลายเป็นเด็กดีสมบูรณ์คนนึง แต่ที่น่าสนใจในเรื่องตอนนึงคือตอนที่ปิน็อกกีโอกลายเป็นหุ่นเต็มตัวครั้งแรกก็กระโดดโลดเต้นดีใจวิ่งออกจากบ้านไปในเมือง ทำเอาช่างไม้ผู้เป็นพ่อตามกฏหมาย(กฏหมายข้อไหนวะ)ต้องวิ่งไปตามด้วยความเป็นห่วง แล้วก็กลายเป็นความโกรธโมโหเมื่อตามตัวได้ แล้วก็ดุด่าว่าหุ่นไม้ตามทางกลับตลอดทาง

ตำรวจนายหนึ่งในเรื่องผู้ที่ช่วยจับตัวปิน็อกกีโอให้ผู้เป็นพ่อตามคำขอ กลับกลายเป็นจับชายชราผู้เป็นพ่อแทนหุ่นน้อย เพียงเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ตะโกนก่นด่าผู้เป็นพ่อว่าจะดุว่าลูกทำไมแค่ลูกออกมาวิ่งซนเอง กลายเป็นพ่อถูกจับขังคุกซะงั้น!!

ในตอนนี้เลยทำให้เรียนรู้ได้ว่าหลักจิตวิทยาหมู่นั้นได้ผลตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว สิ่งใดที่คนหมู่มากเชื่อว่าถูก ก็จะกลายเป็นสิ่งถูกแม้จะขัดกับความจริง ขอให้มีความสุขกับการอ่านครับ

By Nattapon Muangtum

จากนักอ่านที่เริ่มอยากหัดเขียน จากการที่ต้องอ่านเพราะความจำเป็น กลายเป็นอ่านเพราะหลงไหล, สวัสดีครับผมชื่อหนุ่ย ผมทำงานด้าน Digital and Data Marketing ผมยังมีเพจการตลาดอีกเพจที่อยากฝากให้ลองอ่านดูนะครับ https://www.facebook.com/everydaymarketing.co/